อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม นิยาย บท 39

ซี๊ด……

ทุกคนในงานต่างสูดหายใจเข้ากันหมด

กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ถึงเย่เฟิงที่นั่งหลังตรงทันใดนั้นก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมา ลมหายใจก็ว้าวุ่นไปตามๆกัน

พวกคณะทูตทั้งสามแคว้นต่างก็มองด้วยแววตาที่ประกายไปด้วยความโลภ

ขนาดเทพหมากกระดานและเซียนกวียังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเลย

พวกคณะทูตของแคว้นเย่ต่างก็พูดอย่างตกใจว่า “ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระดิ่งทลายวิญญาณเป็นมรดกมีค่าของแคว้นเย่ ส่งมอบต่อๆกันแค่ในราชวงศ์เท่านั้น ของล้ำค่าสำคัญเช่นนี้ จะส่งให้คนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอฝ่าบาทคืนคำด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็เข้าใจอะไรขึ้นมา

คณะทูตสามแคว้นคงรู้มาก่อนแล้วว่าเย่หวงจะประทานกระดิ่งทลายวิญญาณให้ ดังนั้นจึงส่งผู้มีฝีมือระดับสูงมา

กู้ชูหน่วนกวักมือ แล้วถามว่า “เสี่ยวเซวียนเซวียน ระฆังนั่นคืออะไร?”

“ทำไมเจ้าถึงไม่รู้จักล่ะ? ว่ากันว่ากระดิ่งทลายวิญญาณนั้นสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ และยังเพิ่มกำลังภายในให้คนที่ถืออยู่ด้วย แถมยังลือกันด้วยว่าฮ่องเต้องค์แรกแห่งแคว้นเย่ใช้กระดิ่งทลายวิญญาณนี้สร้างแคว้นเย่ขึ้นมาได้ ดังนั้นระฆังนี้ก็จึงกลายเป็นของล้ำค่าแห่งแคว้นเย่ และส่งต่อให้ฮ่องเต้องค์ต่อไปเท่านั้น”

กู้ชูหน่วนหัวเราะ

ระฆังบ้านั่นถ้าทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้จริง ฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ของแต่ละสมัยจะตายได้ยังไงล่ะ?

อย่าว่าแต่ปกครองทั่วพระนครเลย

เย่หวงคงรู้หลักการนี้ดี บวกกับมีคนคอยเป่าหู ถึงได้ยอมเอามาส่งต่อให้คนอื่น

เป็นไปได้ที่คิดไว้ สีหน้าของเย่หวงแย่ลง เขาตะคอกอย่างโมโหว่า “กษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้น ในเมื่อข้าพูดไปแล้ว ใครได้ที่หนึ่ง ใครก็ได้กระดิ่งทลายวิญญาณนี้ไป เรื่องนี้ห้ามใครพูดถึงอีก”

“ฝ่าบาท……นี่เป็นมรดกสืบทอดจากบรรพบุรุษนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ตอนนี้ข้าเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นเย่”

ราชครูยังอยากพูดอะไรสักหน่อย พวกขุนนางด้านข้างกลับดึงเขาไว้ก่อน แล้วกระซิบพูดว่า “ตอนนี้คณะทูตจากสามแคว้นอยู่ที่นี่กันหมด ถ้าฝ่าบาทคืนคำ เท่ากับว่าขายขี้หน้าต่อคนทั่วพระนคร ทั้งสามแคว้นก็มีเหตุผลที่จะโจมตีแคว้นเย่ ตอนนี้จึงต้องคาดหวังกับอ๋องเจ๋อแล้วล่ะ”

“แต่ว่า……ตัวแทนจากสามแคว้นนั้นเป็นคนเก่งกาจที่มีชื่อเสียงทั่วพระนคร อ๋องเจ๋อจะชนะได้จริงเหรอ?”

“อ๋องเจ๋อเป็นคนเรียนเก่ง เทียบเท่ากับจอหงวนบางคนได้เลย”

แม้จะไม่สบายใจ พวกราชครูก็ต้องทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น

งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

หม่ากงกงตะโกนอีกครั้ง

“งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นครั้งนี้ ทุกแคว้นส่งตัวแทนมาสามคน รวมแล้วสิบสองคน ใช้วิธีการจับฉลาก สองคนแข่งพิณ หมากรุก วาดภาพ พู่กัน โคลงกลอน คนแพ้ถอยออก ที่เหลือหกคนแข่งขันกันต่อไป”

บนที่นั่งคณะทูตแคว้นจ้าว อี้เฉินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ไพเราะน่าฟังเหมือนดั่งเสียงระฆัง “ข้าได้ที่หนึ่งจากงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นครั้งก่อนๆแล้ว รอบนี้ข้าขอไม่เข้าร่วม ขอกงกงตัดชื่อของข้าออกไปด้วย ข้าเป็นกรรมการผู้ชมก็พอแล้ว”

เฮือก……

ทุกคนตะลึงกันหมด

อี้เฉินเฟยแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดผิด?

งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นในรอบนี้นานๆทีจะได้เห็น และรางวัลใหญ่ยังเป็นกระดิ่งทลายวิญญาณด้วย เขาไม่หวั่นไหวบ้างเลยเหรอ?

“คุณชายอี้ งั้นแคว้นจ้าวจะเพิ่มอีกคนหรือไม่?”

อี้เฉินเฟยหมุนแก้วเหล้าเล่นอย่างเกียจคร้าน มองไปที่กู้ชูหน่วน ใบหน้าอ่อนโยนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ถ้าแคว้นจ้าวชนะ สองคนก็พอแล้วล่ะ”

คณะทูตแคว้นจ้าวร้อนใจ แต่กลับไม่กล้าบอกอี้เฉินเฟย เหมือนอี้เฉินเฟยเป็นคนที่เขาหาเรื่องไม่ได้

ในที่นั้นนอกจากแคว้นจ้าวแล้ว ไม่มีใครอยากให้อี้เฉินเฟยเข้าร่วมเลยสักคน

หม่ากงกงมองไปที่เย่หวง

เย่หวงหัวเราะและพูดว่า “ในเมื่อคุณชายอี้ไม่เข้าร่วม งั้นก็จับฉลากแล้วกัน คนที่จับได้ใบขาวจะได้ยกเว้นการทดสอบรอบนี้ไป”

“การจับฉลากเริ่มขึ้น เชิญทุกท่านสิบเอ็ดท่านที่เหลือขึ้นมาจับฉลาก”

กู้ชูหน่วนลูบคาง

เมื่อกี้อี้เฉินเฟยยิ้มให้นางเหรอ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม