สวี่รั่วฉิงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเรียบร้อย เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก็วางของที่กำลังเก็บลง “เข้ามาได้เลย”
ซูจิ่วเอ๋อร์เองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย เมื่อเธอเหลือบมองกระเป๋าเป้ของสวี่รั่วฉิงที่วางอยู่บนเตียง พร้อมกันนั้นยังมีแว่นกันแดด ไอแพดวางอยู่ด้วย จึงรู้ในทันทีว่าเพื่อนสนิทกำลังเก็บกระเป๋า
“เมื่อกี้ฉันให้คนใช้ไปเอาไวน์แดงในห้องใต้ดินมาล่ะ” ซูจิ่วเอ๋อร์โบกขวดไวน์ในมือ ถือแก้วมาวางไว้บนโต๊ะ
สวี่รั่วฉิงรับที่เปิดขวดที่ซูจิ่วเอ๋อร์ยื่นมาให้ แล้วเปิดจุกไม้ออก จากนั้นก็รินไวน์ลงในแก้วทีละแก้ว
ไวน์ที่เก็บไว้ในห้องใต้ดินของตระกูลซู หมักไว้เป็นเวลาค่อนข้างนาน
สวี่รั่วฉิงก้มลงจิบคำหนึ่ง พร้อมกับยกยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ดื่มไวน์ชั้นดีก่อนนอนหรอก
“จิ่วเอ๋อร์ แกมีอะไรอยากคุยกับฉันเหรอ?” สวี่รั่วฉิงเอ่ยพูดกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ซูจิ่วเอ๋อร์ดีดนิ้ว แล้วขยับเข้าไปใกล้สวี่รั่วฉิง พร้อมกับขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์
“แกบอกฉันมาดีๆ แกคิดยังไงกับลี่ถิงเซิ่งกันแน่? คงไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้องธรรมดาใช่ไหม?” ซูจิ่วเอ๋อร์วางแก้วที่ดื่มหมดแล้วลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นอนราบลงบนเตียง พร้อมแลมองเพื่อนสนิทตัวเอง “ถึงฉันจะไม่เคยมีความรักจริงๆจังๆ แต่ว่าฉันดูคนออกนะ ที่แม่ฉันถามแกเมื่อตอนบ่าย แกกำลังคิดถึงลี่ถิงเซิ่งอยู่ใช่ไหม?”
สวี่ร่วฉิงกุมแก้วเอาไว้ ดวงตาสีดำขลับดุจดั่งรัตติกาลจ้องมองเพดานนิ่ง
ห้องของเธอ ก็เหมือนห้องของซูจิ่วเอ๋อร์ อยู่ชั้นบนสุดของใจกลางคฤหาสน์
ช่วงฤดูร้อนเวลาอากาศดีๆ สามารถนอนดูดาวผ่านหลังคาแบบกระจกใสได้
“จิ่วเอ๋อร์ ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าคิดยังไงกับขากันแน่” สวี่รั่วฉิงเอ่ยพูดออกมาอย่างปลงตก “ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะเกลียดเขา ถ้าไม่ใช่เขา บางทีฉันอาจจะไม่โดนสวี่รั่วยีคิดแค้นก็ได้ แต่พอฉันกลับไปที่เมืองหลินชวน ตลอดเวลาที่ได้ทำงานอยู่ที่บริษัทของเขา……”
สวี่รั่วฉิงเม้มปาก ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ซูจิ่วเอ๋อร์ตอบอืมอย่างเข้าใจความหมาย
เธอใช้ไหล่กระทบสวี่รั่วฉิง “แปลว่าคุณหนูสวี่ของฉันกำลังหวั่นไหวสินะ?”
สวี่รั่วฉิงนิ่งไปชั่วครู่ กระตุกมุมปากยิ้มเยาะตัวเอง
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครเรียกเธอว่า”คุณหนูสวี่”
สวี่รั่วฉิงถลึงตาใส่ซูจิ่วเอ๋อร์ “จิ่วเอ๋อร์ แกก็รู้ว่าตระกูลสวี่ตัดฉันออกจากตระกูลตั้งแต่หกปีที่แล้ว”
ซูจิ่วเอ๋อร์ตอบอืมเบาๆ
เพื่อนสนิทของเธอยังไม่ยอมมูฟออนจากหกปีที่แล้วจริงๆด้วย
สวี่รั่วฉิงเอ่ยพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาว่า “หวั่นไหวหรือเปล่าฉันไม่รู้หรอก แต่อย่างน้อยฉันก็ชอบหน้าตากับหุ่นของลี่ถิงเซิ่งมาก ถ้าไม่ติดเรื่องแต่งงาน ฉันก็อยากเลี้ยงต้อยเขาอยู่เหมือนกันนะ”
ซูจิ่วเอ๋อร์ “.......”
โชคดีที่เธอวางแก้วไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องสำลักออกมาเพราะคำพูดของสวี่รั่วฉิงแน่ๆ
ซูจิ่วเอ๋อร์ “คุณหนูสวี่ ลี่ถิงเซิ่งรู้หรือเปล่าว่าแกอยากเลี้ยงต้อยเขา?”
ถ้าหากประธานลี่ซื่อกรุ๊ปรู้ว่าแม่ของลูกอยากใช้เงินฟาดหัวเขาเข้าล่ะก็ ไม่รู้จะมีท่าทียังไง
สวี่รั่วฉิงยักไหล่ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาไม่รู้” สวี่รั่วฉิงจิบไวน์ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเคลิ้มๆ “ความลับยิ่งทำให้ผู้หญิงดูน่าค้นหานะ”
ซูจิ่วเอ๋อร์กับสวี่รั่วฉิงดื่มไวน์แดงด้วยกันอยู่สักพัก ใบหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นมึนเมา
ซูจิ่วเอ๋อร์ “เอิ่ก พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไปดูวัตถุดิบเครื่องหอมกัน”
ซูจิ่วเอ๋อร์กลับห้องตัวเองไปอย่างเมามาย ด้านสวี่รั่วฉิงก็มึนเบลอเล็กน้อย เธอมุดเข้ามาในผ้าห่มได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เธอจึงกดรับโดยไม่คิดลังเล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ