สี่ปีต่อมา....
"แม่ค๊าบครามกินข้าวอิ่มแล้วค๊าบกินหมดจานเลยเก่งมั้ยค๊าบแม่^^"
"เก่งมากเลยครับพี่ครามของแม่เก่งที่สุด^^" ฉันยิ้มให้ลูกชายวันสามขวบครึ่งที่วิ่งเอาจานมาให้หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เด็กชายฟ้าครามคือลูกชายของฉัน ที่ฉันตั้งชื่อนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพ่อของลูกเลยเพราะเขาไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันอีกต่อไปตอนนี้เวลานี้คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันก็คือเด็กชายตัวอ้วนกลมตรงหน้าต่างหาก ตอนที่ฉันกำลังตั้งท้องตอนที่ฉันกำลังเสียใจและไร้ซึ่งความหวังฉันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าครามแม้มันจะมีเมฆมาบดบังบ้างแต่ก็ยังคงสวยงามมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันได้รับพลังแรงใจบางอย่างทำให้ฉันอดทนและลุกขึ้นต่อสู้กับชีวิตที่ไม่มีใครต้องการ
ตอนนี้ฉันอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนแห่งความฝันที่สวยงามที่ฉันเคยหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งฉันจะได้มาเที่ยวที่นี่แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้แค่มาเที่ยวแต่ฉันมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เกือบสี่ปีแล้วหลังจากที่ฉันโดนเขาไล่ออกจากบ้าน ตั้งแต่วันนั้นฉันไม่ติดต่อใครที่บ้านหลังนั้นอีกเลยรวมถึงป้าคำปันด้วยเพราะฉันไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันอยากที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองและดูแลลูกที่ฉันรักและแกก็รักฉัน ในชีวิตของฉันคงมีแต่ลูกที่รักและต้องการฉันจริงๆ จุดเริ่มต้นที่ฉันมาใช้ชีวิตที่นี่ฟังดูเหมือนมันเป็นเรื่องบังเอญแต่ฉันคิดว่าไม่ใช่ในตอนนั้นฉันกำลังท้องได้ห้าเดือนฉันเช่าห้องเล็กๆอยู่แล้วรับงานฝีมือมาทำที่บ้านแม้เงินมันจะได้น้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยในตอนนั้นฉันมีเงินอยู่ในบัญชีเยอะพอสมควรเพราะตอนที่ฉันทำงานเป็นคนรับใช้ฉันได้เงินเดือนจากคุณเฟื่องฉันแทบจะไม่ได้อะไรเลยรวมถึงเงินที่คุณผกาให้มาอีกไหนจะโฉนดที่ดินที่ขายได้หลายล้าน แต่ฉันก็ยังใช้อย่างประหยัดเพราะฉันต้องเก็บเอาไว้ให้ลูกลูกจะได้ไม่ลำบากอีกส่วนนึงฉันก็นำไปฝากไว้ให้คุณผกาได้ใช้ในเรือนจำ วันนึงตอนที่ฉันกำลังนั่งรอรถเมล์เพื่อกลับห้องหลังจากไปฝากครรภ์มาซึ่งในตอนนั้นฉันรู้ว่าว่าลูกในท้องของฉันคือเด็กผู้ชายแกแข็งแรงมากฉันยอมรับว่าทั้งดีใจและเศร้าใจไปพร้อมกันเพราะฉันยังคิดถึงนางฟ้าน้อยของฉันอยู่แต่ฉันก็พยายามคิดในแง่ดีว่าตอนนี้แกอาจจะไปเกิดอยู่กับคนที่พร้อมจะดูแลแกแล้วก็เป็นได้ พอฉันคิดได้แบบนั้นฉันก็สบายใจขึ้นมาแต่ทุกวันพระฉันก็ยังไปทำบุญให้แกอยู่ตลอด และในวันนั้นฉันได้บังเอิญเจอกับมิ้งเพื่อนสนิทของฉันที่เธอย้ายมาอยู่สวิตนานหลายปีแล้วตอนนั้นเธอกลับมาที่ไทยเพื่อทำธุระพอดีเราได้เจอกันและฉันก็เล่าทุกอย่างให้มิ้งฟัง มิ้งก็เลยชวนฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยกันฉันตัดสินใจอยู่นานเพราะห่วงคุณผกาด้วยแต่พอฉันเข้าไปคุยกับคุณผกาให้เรือนจำท่านก็บอกให้ฉันไปไม่ต้องห่วงท่านท่านอยู่ได้ ฉันก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบสี่ปีแล้ว ฉันเดินทางมาที่นี่กับเงินติดตัวที่เยอะพอสมควรแต่ฉันก็ยังต้องประหยัดและต้องทำงานเพราะค่าครองชีพที่นี่ถือว่าแพงมาก ตอนแรกมิ้งจะให้ฉันให้ไปอยู่กับครอบครัวของเธอที่บ้านซึ่งพ่อแม่ของมิ้งท่านก็ใจดีกับฉันมากแต่ฉันเกรงใจฉันก็เลยตัดสินใจหาซื้อบ้านหลังเล็กๆอยู่ซึ่งก็ทำให้ฉันหมดเงินไปเยอะเหมือนกันจนแทบจะไม่เหลือแต่มันก็คงจะดีกว่าฉันต้องไปเช่าอยู่ หลังจากนั้นฉันก็หางานทำโดยการรับจ้างทำความสะอาดบ้านในละแวกใกล้ๆบ้านเพื่อประหยัดค่าเดินทางซึ่งฉันก็โชคดีที่ได้เจอคุณป้าแมรี่ท่านใจดีมากท่านรับฉันเข้าทำงานเป็นแม่บ้านแบบเช้าไปเย็นกลับท่านให้ฉันทำอาทิตย์ละสามวัน ส่วนวันที่ฉันว่างไม่ได้ทำอะไรฉันก็ลองหาอะไรมาทำขายและฉันก็เจอพรสวรรค์ของตัวเองนั่นก็คือการปั้นตุ๊กตาเซรามิก พอฉันทำได้ฉันก็ลองเอาไปตั้งขายตามตลาดนัดตามสวนสาธารณะซึ่งก็พอขายได้มันจึงเป็นรายได้ส่วนนึงพอให้ฉันกับลูกไม่ลำบาก
"แม่ค๊าบวันนี้ลุงศิวาบอกว่าจะมาหาเราใช่มั้ยค๊าบ"
"ใช่ครับ" พี่ศิวามักจะมาเที่ยวหาฉันกับลูกเดือนละครั้ง
"เย้ๆๆๆดีใจจังครามคิดถึงลุงศิวามากๆเลยค๊าบอยากเจอคุณลุงไวๆ^^"
"คิดถึงคุณลุงหรือคิดถึงของฝากันแน่น๊า^^"
"แฮ่ แฮ่ แฮ่ แม่รู้ทันครามตลอดเลยอ่ะ" ฉันยิ้มให้ลูกชายที่เดินเข้ามากอดฉันอย่างอ้อนๆ
พี่ศิวาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ เล่าย้อนกลับไปเมื่อหลายปีพี่ศิวาโทรมาหาฉันหลังจากที่เขาเงียบหายไปเกือบเดือนตอนนั้นฉันคิดว่าเขาคงกำลังยุ่งอยุ่กับงานฉันก็เลยไม่กล้าโทรไปรบกวนเขา วันนั้นเขามาหาฉันที่บ้านเช่าพร้อมกับเล่าเรื่องราวบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้ ฉันยอมรับว่าตกใจและไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับฉัน
"พี่ขอโทษที่ทำให้บัวต้องมาเจออะไรแบบนี้ถ้าวันนั้นพี่ไม่พาบัวไปที่บ้านเรื่องมันก็คงไม่เกิด"
ฉันนั่งฟังทุกอย่างที่พี่ศิวาเล่าอย่างเจ็บปวดฉันไม่คิดเลยว่าพ่อแท้ๆของฉันจะทำกับฉันได้แบบนี้ท่านวางแผนร่วมมือกับภรรยาของท่านและคุณลูกศรวางแผนเอายานอนหลับใส่ในผลไม้และอาหารให้ฉันกับพี่ศิวากินแล้วจัดฉากว่าฉันกับพี่ศิวามีอะไรกัน นั่นก็เลยเป็นสาเหตุให้คุณฟิวโกรธและโมโหไล่ฉันออกจากบ้าน ซึ่งฉันก็ยอมรับว่าถ้าฉันเป็นคุณฟิวแล้วเห็นรูปภาพเหล่านั้นฉันก็คงจะโกรธเหมือนกันฉันก็เลยไม่คิดที่จะโทษคุณฟิวถ้าจะโทษก็คงจะโทษตัวเองที่ไว้ใจคนอื่นมากเกินไป
" พี่ไม่คิดว่าทุกคนในบ้านจะกล้าทำเรื่องแบบนี้จนทำให้คุณฟิวเข้าใจบัวผิดพี่จะไปบอกความจริงกับคุณฟิวเขาจะได้ไม่เข้าใจบัวผิดอีก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค่เมียคนใช้