บทที่ 437 อยากจะรับเอาความอบอุ่นมาจากหม่ามี้
กานต์ขมวดคิ้วน้อยๆ
ไม่ง่ายเลยกว่านรมนจะหลับสนิท เขาจึงไม่อยากให้หม่ามี้ต้องถูกเสียงของโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น
เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ตอนที่กำลังคิดจะกดปิด กลับเห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์บ้านของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
กานต์ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาคือใคร ตอนนี้คนพวกนั้นยังตามราวีหม่ามี้อยู่ได้ เขาจึงขมวดคิ้วแน่นเสียยิ่งกว่าเดิม
เขาหยิบโทรศัพท์แล้วค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็กดปุ่มรับสาย ทันใดนั้นเสียงของตุลยาก็ดังขึ้นมา
“นรมน ถ้าเธอไม่อยากจะให้ลูกสาวของตัวเองตายละก็ เชื่อฟังฉันไว้จะดีที่สุด วันนี้ตอนสิบโมงครึ่งฉันจะไปรอเธออยู่ที่สวนลุมพินี ห้ามพาใครมาด้วยเป็นอันขาด มาคนเดียวละ ถ้ามาช้าฉันก็ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเธอ”
พูดจบตุลยาก็รีบวางสาย
สีหน้าของเด็กชายเปลี่ยนไปทันที
กมลอยู่ในมือของตุลยาอย่างนั้นเหรอ
จะเป็นไปได้ยังไงกัน
เขารีบเปิดประตูห้อง แต่กลับพบว่าห้องถูกล็อคเอาไว้จากข้างใน
กานต์ไม่ได้มีนิสัยชอบล็อกประตู เขาจึงมองไปยังนรมนที่กำลังหลับหรืออยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ครั้งก่อนบุริศร์วิ่งมานอนกับเขา แต่ครั้งนี้หม่ามี้กลับเป็นฝ่ายวิ่งมานอนกับเขาเสียเอง หรือว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอยู่
ถึงแม้กานต์จะยังเล็ก แต่ไอคิวของเขาก็สูงมาก
เมื่อเขาเปิดประตูออกไปแล้วเห็นสภาพไร้เรี่ยวแรงที่จะนอนดีไม่นอนดีของบุริศร์ตรงโซฟาในห้องรับแขก ก็อดเชื่อในการคาดเดาของตัวเองไม่ได้
ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันจริงๆ !
“เฮ้อ!”
กานต์ถอนหายใจออกมา เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของบุริศร์ จากนั้นก็มองไปขึ้นๆ ลงๆ ท่าทางดูถูกนั้นทำให้บุริศร์รำคาญใจเอามากๆ
“ตอนนี้พ่ออารมณ์ไม่ค่อยดีนะ ทางที่ดีอย่ามายั่วยุกันจะดีกว่า”
น้ำเสียงของบุริศร์แหบพร่าเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน ตอหนวดผุดขึ้นมาเต็มไปหมด แต่กลับไม่มีความคิดที่จะดูแลตัวเองเลย
ทว่ากลับไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีรำคาญของบุริศร์ เขานั่งลงข้างๆ ผู้เป็นพ่อ
“คุณทะเลาะกับหม่ามี้เหรอ”
“พูดไร้สาระ! พ่อจะทะเลาะกับหม่ามี้ของลูกได้ยังไง”
ตอนนี้บุริศร์ยังคงปากแข็งเสียเหลือเกิน
“ถ้าไม่ได้ทะเลาะแล้วจะกังวลไปทำไมกันเล่า!”
บุริศร์รู้สึกว่าเวลาตัวเองอยู่ต่อหน้าลูกชายคนนี้กลับไม่เคยมีความน่าเกรงขามเลยสักนิด เจ้าเด็กนี่ไม่เคยกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย คิดถึงตอนที่กิจจาเรียกตัวเองว่าแด๊ดดี้จริงๆ จะดีจะร้ายก็ยังมีความน่าเกรงขามและความพึงพอใจในการเป็นแด๊ดดี้
กานต์มองสภาพของบุริศร์แล้วก็กระแอมทีหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ผมไปก็ได้ แต่ถ้าหม่ามี้ไม่สนใจคุณ ก็อย่ามาพูดว่าผมไม่ช่วยคุณแล้วกัน”
พูดจบก็คิดจะลุกขึ้น แต่กลับถูกบุริศร์ดึงตัวเอาไว้
“หม่ามี้ของลูกตื่นแล้วอย่างนั้นเหรอ”
เขาค่อนข้างที่จะเป็นกังวล
“ยังไม่ตื่น แต่ยังไงก็ต้องตื่นไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของลูกชายทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วน้อยๆ
นั่นสิ สุดท้ายยังไงก็ต้องตื่นอยู่ดี
หลังจากตกตะกอนมาทั้งคืนแล้ว ไม่รู้ว่านรมนจะทำอะไรกับเขาบ้าง อีกทั้งเขาก็ยังไม่มีแผนรับมือเลยสักนิด
“เมื่อคืนหม่ามี้คุยกับคุณหรือเปล่า”
“ลูกอยากจะถามอะไรกันแน่”
กานต์มองไปที่บุริศร์ ดวงตาเรียวยาวเหมือนในตาหงส์ที่คล้ายกับเขาคู่นั้นเปล่งประกายไปด้วยความเฉลียวฉลาด
“ช่างเถอะ คุณไม่มีทางเข้าใจหรอก”
บุริศร์ปล่อยมือจากคนเป็นลูก เขาเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
เมื่อกานต์เห็นเขาเป็นแบบนั้นก็พูดเสียงเบาว่า “ผมก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมผู้ใหญ่อย่างพวกคุณถึงได้ทะเลาะกัน แต่หม่ามี้ดีกับคุณมาก คุณจะต้องทำเรื่องที่ทำให้เธอไม่มีความสุขแน่ๆ เลยใช่ไหม เกี่ยวกับเรื่องของกมลใช่ไหมล่ะ”
“เด็กดื้ออย่างลูกจะรู้อะไร”
บุริศร์ถอนหายใจออกมา ต้องมาพูดเรื่องพวกนี้กับเด็กอายุแค่สี่ห้าขวบ มันทำให้เขารู้สึกว่าไอคิวของตัวเองลดลงไปมากจริงๆ แต่ความรู้สึกอึดอัดรำคาญใจในตอนนี้กลับไม่มีใครสามารถอธิบายได้จริงๆ
“ผมไม่รู้อะไรก็จริง แต่ผมรู้ว่ามีคนกำลังข่มขู่มานี้ และคนคนนั้นก็คิดจะใช้กมลเป็นเหยื่อล่อ ดังนั้นนะคุณบุริศร์ คุณพากมลไปไว้ที่ไหนกันแน่”
คำพูดของลูกชายทำให้บุริศร์ชะงักไปทันที
“ลูกหมายถึงอะไร”
“เอ้า คุณฟังดูเองเลย”
กานต์บันทึกการสนทนาเมื่อครู่นี้เอาไว้หมดแล้ว ตอนที่เขาเปิดให้บุริศร์ฟังอีกครั้ง ผู้เป็นพ่อก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม
บุริศร์รีบโทรศัพท์หาพฤกษ์ทันที
“กมลล่ะ”
“คุณหนูกำลังพักผ่อนอยู่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
พฤกษ์ถูกคำถามของบุริศร์ทำให้งุนงงเล็กน้อย พลางมองยังกมลที่ยังคงหลับลึกอยู่ข้างกาย จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ถ่ายรูปกมลส่งมาให้ฉันหน่อย ไม่สิ! พากมลมาที่นี่เลย!”
อารมณ์ของบุริศร์เรื่องที่จะไม่มั่นคง
พฤกษ์ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ก็รีบปลุกกมลทันที
“มีอะไรเหรอคะ”
กมลขยี้ตาโต พลางหาวอดๆ แล้วมองไปที่พฤกษ์
พฤกษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “กมลเด็กดี พวกเราไปหาหม่ามี้กับแด๊ดดี้ดีไหมคะ”
“แต่ว่าหนูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะคะ คุณอาพฤกษ์สัญญาแล้วนี่คะว่าจะพาหนูไปกินขนมปังสับปะรด”
กมลไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองทำให้นรมนกังวลใจอยู่นานแค่ไหนแล้ว และไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว ตอนนี้ในสมองยังเต็มไปด้วยของกิน
พฤกษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นเอาแบบนี้ หลังจากที่พบแด๊ดดี้กับหม่ามี้แล้ว คุณอาก็ค่อยพาหนูไปซื้อขนมปังสับปะรดดีไหมคะ ตอนนี้หม่ามี้กำลังคิดถึงหนูมากเลยนะ”
“ก็ได้ค่ะ แต่พวกเราต้องเกี่ยวก้อยกันก่อน ป้องกันไม่ให้คุณอาโกหกหนู!”
เพื่ออาหารแล้ว กมลจริงจังเป็นอย่างมาก
ตอนที่พฤกษ์เห็นกมลยื่นมือเล็กๆ ออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม เขาคิดถึงคมทิพย์เสียแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...