บทที่ 439 ผมไม่อาจบังคับคุณได้
เมื่อบุริศร์เห็นกานต์กวักมือเรียกเขาก็ลังเลเล็กน้อย ทว่าก็ยังเดินเข้าไปหาอยู่ดี
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“คุณนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
เด็กชายเหยียดหยามผู้เป็นพ่อโดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย บุริศร์โมโหจนแทบจะจับเจ้าเด็กนี่มาตีสักยก
“ในเมื่อพ่อมันไม่ได้เรื่อง งั้นลูกก็บอกมาสิว่าทำยังไงถึงหม่ามี้จะสนใจพ่อ”
บุริศร์ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ
เขายอมให้นรมนโวยวายสร้างปัญหาหรือทะเลาะกับเขาดีกว่านิ่งเงียบไปแบบนี้ ราวกับระเบิดความเย็นชาออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนทำเรื่องทั้งหมดหนี้ เป็นธรรมดาที่จะไม่กล้าบ่นว่าเธอ
กมลกินไปพลางก็ฟังสองพ่อลูกกระซิบกระซาบกันไปพลาง จากนั้นก็รีบถามขึ้นมาว่า “ทำไมหม่ามี้ถึงไม่สนใจแด๊ดดี้ล่ะคะ พวกแด๊ดดี้ทะเลาะกันอย่างนั้นเหรอคะ”
“กินขนมปังสับปะรดต่อไปเถอะ”
กานต์ผลักกมลออกไปอีกครั้ง
กมลบ่นพึมพำอย่างโมโห ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรแทรกขึ้นมาอีก
กานต์พูดกับบุริศร์ว่า “ผมจะเป็นแบบนี้สักพัก คุณก็ให้ความร่วมมือกับผมแล้วกัน!”
ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันเบามาก กมลเงี่ยหูฟังได้แค่ไม่กี่คำก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ตอนที่นรมนออกมาบุริศร์ก็กลับไปที่ห้องรับแขกแล้ว
เขานั่งมองนรมนเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินขึ้นไปข้างบนโดยไม่สนใจเขาสักนิดอยู่บนโซฟา
“นรมน พวกเรามาคุยกันหน่อยเถอะ”
นรมนชะงักไป ทว่าก็ไม่ได้หันกลับมา เพียงพูดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า “ฉันเหนื่อยนิดหน่อยนะคะ ไว้ค่อยคุยกันวันหลังแล้วกัน”
พูดพลางเธอก็เดินขึ้นข้างบนไป
“หม่ามี้ผมปวดท้อง”
สีหน้าของกานต์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้
นรมนสามารถไม่สนใจบุริศร์ได้ แต่เธอไม่สามารถที่จะไม่สนใจลูกชายตัวเองได้อย่างแน่นอน พอเห็นเขาเป็นแบบนี้ จึงตื่นตระหนกขึ้นมาไม่น้อย
“เป็นอะไรไป คงไม่ใช่ว่าเพราะเมื่อกี้กินขนมปังสับปะรดเยอะไปหรอกนะ ไปโรงพยาบาลดีไหมจ๊ะ”
กานต์เคยป่วยน้อยครั้งมาก พอเห็นเขาเป็นแบบนี้นรมนจึงไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย
บุริศร์รีบเข้าไปอุ้มเด็กชายขึ้นมา ระหว่างวิ่งออกไปก็พูดว่า “ผมจะอุ้มลูกเอง คุณรีบไปบอกให้นาวินเตรียมรถมาเถอะ”
“ค่ะ!”
ตอนนี้นรมนไม่สนใจจะอะไรกับบุริศร์อีก เธอรีบหันหลังวิ่งออกไปข้างนอกทันที
ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ กมลก็ปรากฏตัวออกมาจากห้องแล้วพูดกับนรมนว่า “หม่ามี้ พวกเขากำลังหลอกหม่ามี้อยู่นะคะ! พี่ชายไม่ได้ปวดท้องจริงๆสักหน่อย! เมื่อกี้หนูได้ยินพวกเขาพูดกันว่าจะโกหกหม่ามี้!”
นรมนวิ่งไปถึงหน้าประตูของห้องรับแขกแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของกมลก็ชะงักเท้าทันที จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา
กานต์แทบอยากจะไปตีกมลให้ตาย
เด็กชายหันไปโบกกำปั้นใส่ผู้เป็นน้องสาว ทว่ากมลกลับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา
“ใครให้พี่แย่งขนมปังสับปะรดของหนูล่ะ แล้วยังจะไม่ให้หนูฟังอีก”
หมัดที่ยังไม่ทันจะได้เก็บกลับไปของกานต์ถูกนรมนเห็นเข้าพอดี
ตอนนี้เขาดูเหมือนคนที่กำลังปวดท้องอยู่เสียที่ไหน
นรมนมบุริศร์แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “คุณสอนเขาอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ คือผม...”
“คุณนี่มันสุดยอดไปเลยจริง! นอกจากใช้ลูกเป็นเครื่องมือแล้วยังจะทำอะไรได้บ้างอีก”
นรมนไม่ทันรอให้บุริศร์พูดจบ ก็ชักสีหน้าเย็นชาทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปอยู่ข้างกายพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“หม่ามี้ นี่เป็นความคิดของผมเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณบุริศร์ หม่ามี้อย่าโทษเขาเลยนะ”
เมื่อกานต์เห็นนรมนโมโหแล้วจริงๆ เลยดึงแขนของเธอไว้
นรมนมองไปยังลูกชายแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “กานต์ มีความคืบหน้าเหมือนกันนี่ ตอนนี้แม้กระทั่งกับหม่ามี้ก็โกหกเป็นแล้วสินะ”
“ไม่ใช่นะครับ ผมก็แค่ไม่อยากเห็นหม่ามี้กับคุณบุริศร์ทะเลาะกัน จริงๆ นะ”
น้อยครั้งนะที่เด็กชายจะเห็นนรมนเป็นแบบนี้
ช่างดูจริงจังเอามากๆ!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยทำอะไรผิดไปบ้าง แต่หม่ามี้ก็ไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน
กานต์จึงอดไม่ได้ที่จะกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
บุริศร์เห็นแบบนี้ก็แสดงต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาจึงรีบพูดออกมาว่า “ลูกก็แค่หวังดีกับเรา ผมรู้สึกว่าพวกเราควรจะพูดกันให้รู้เรื่อง จริงๆ นะ คุณฟังผมอธิบายก่อน”
“แล้วถ้าฉันไม่ฟังล่ะคะ คุณก็จะเอาเด็กๆ มาบังคับฉันต่อใช่ไหม”
นรมนสบเข้าไปในตาของบุริศร์
ดวงตาของเธอไม่หลงเหลือความอบอุ่นใดๆ เลยแม้แต่น้อย เย็นชาจนทำให้บุริศร์ยากจะคุ้นชินเป็นอย่างมาก
นรมนที่รักเดียวใจเดียวและเต็มไปด้วยความจริงใจของเขาคล้ายจะหายไปในทันที นรมนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ช่างเหมือนคนแปลกหน้า ช่างดูห่างไกลเสียเหลือเกิน
เห็นชัดๆ ว่าพวกเขาสองคนอยู่ห่างกันเพียงแค่เอื้อม ทว่ากลับรู้สึกเหมือนไกลสุดขอบฟ้า
ทันใดนั้นบุริศร์ก็รู้สึกว่าตนไม่อาจยอมรับความไกลห่างนั้นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...