ตอน บทที่ 461 พวกเขาจะทำอะไรกัน จาก แค้นรักสามีตัวร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 461 พวกเขาจะทำอะไรกัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ แค้นรักสามีตัวร้าย ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 461 พวกเขาจะทำอะไรกัน
ในตอนที่นรมนตื่นมา ก็พบว่าตัวเองโดนขังอยู่ในห้องมืดห้องหนึ่ง
เธอลองขยับตัวดูเล็กน้อย แล้วกลับพบว่าทั้งมือและเท้าของตัวเองโดนมัดอยู่ และโดนโยนทิ้งไว้บนโซฟา
หลังจากที่แลซ้ายดูขวาแล้ว ที่นี่น่าจะเป็นห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ที่คล้ายกับคลับแบบหนึ่ง เพียงแต่ว่าที่นี่ตกแต่งได้ค่อนข้างหรูหรา แล้วตอนนี้เป็นเวลากลางคืน แต่ก็ไม่มีแสงสว่างสอดส่องเข้ามา จึงทำให้เธอมองไม่ค่อยชัดเจน
คลับเหรอ?
หรือว่าจะเป็นคลับCrownเหรอ?
เธอไม่ได้ออกไปจากคลับCrownหรอกเหรอ?
นรมนเริ่มคาดเดาอยู่แบบนี้ แต่ว่าก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้
เธอลองขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พบว่าตัวทั้งตัวนั้นได้ชาไปแล้ว
สถานการณ์ที่โดนลักพาตัวเมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็ไม่ได้ตื่นกลัวมากเท่าไหร่ แต่กลับทำให้ตัวเองสงบลงได้
อีกฝ่ายคือใครนะ?
ทำไมจะต้องลักพาตัวเธอด้วย?
คือตังเมเหรอ?
ถ้าหากว่าเป็นเธอแล้วละก็ ตอนนี้นาครได้โดนบุริศร์ควบคุมตัวไว้แล้ว แล้วยังจะมีใครที่ติดต่อกับตังเม และยังช่วยเธอสุดชีวิตอีก?
สมองของนรมนครุ่นคิดไม่หยุด แต่กลับรู้สึกว่าไม่มีสักทิศทางเลย
ผ้าอนามัยที่อยู่ข้างล่างเกือบจะเต็มแล้ว
นรมนไม่เคยนึกว่าก่อนเลยว่าตัวเองจะมาเจอกับปัญหาน่าอึดอัดแบบนี้ได้
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร แต่เธอมาโดนลักพาตัวในช่วงเวลาพิเศษแบบนี้ นี่มันช่างเฮี้ยจริง ๆ เลย
เธอไม่กล้าขยับ กลัวว่าพอตัวเองขยับปริมาณของข้างล่างก็จะไหลออกมามากขึ้น พอถึงตอนนั้นจะทำให้กางเกงของตัวเองเปียกไป อย่างนั้นก็คงจะขายหน้าคนมากยิ่งขึ้นแล้ว
แต่ว่าเธอจะไม่ขยับเลยก็ไม่ได้ ถ้าหากว่าไม่ขยับ แล้วจะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไงล่ะ?
เมื่อเอาทั้งสองเรื่องมาเทียบกันแล้ว นรมนก็ลองขยับเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะขัดขืนไม่ออก แต่ว่าอย่างน้อยก็ลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว
เธอคอแห้งมาก คอแห้งจนลำคอเหมือนกับว่าจะมีควันออกมาแล้ว แต่ว่าในปากยังมีผ้าขนหนูยัดไว้อยู่ เธอจึงไม่สามารถเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้
ข้างนอกมีชีวิตกันอย่างสุนทรี ร้องเล่นเต้นรำเฉลิมฉลองกัน ใครจะมาคิดว่าในห้องส่วนตัวเล็ก ๆ นี้ ยังผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนมัดอยู่อย่างเธอได้
นรมนพยายามอยากจะลุกยืนขึ้น แต่น่าเสียดายมันกลับไม่สำเร็จ แต่กลับทำให้ตัวเองรู้สึกถึงเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดเกิดขึ้นมาแล้ว
เธอรู้สึกว่าที่กางเกงมีความรู้สึกเปียกชื้นขึ้นเล็กน้อยแล้ว
และในที่สุดก็ขายหน้าคนจนได้
นรมนรู้สึกหงุดหงิดจนไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ต้องสงบเงียบลง และพร้อมที่จะโจมตีอยู่ตลอด
คนที่ลักพาตัวเธอมา ยังไงก็จะต้องเข้ามาบ้างซิ
และที่สำคัญพวกพฤกษ์ก็จะต้องรู้ว่าเธอหายตัวไปแล้ว ในเวลานี้คาดว่าทั้งเมืองชลธีคงกำลังตามหาตัวเองอยู่แน่
เธอแค่รอคอยก็พอแล้ว
ร่างกายของนรมนตั้งแต่แรกก็อ่อนเพลียอยู่ก่อนแล้ว แล้วหลังจากที่ผ่านการทรหดแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เหงื่อไหลเต็มไปหมด และอ่อนล้าจนถึงขีดสุด
เธอพิงโซฟาหอบหายใจอยู่ และรู้สึกถึงความวิงเวียนเกิดขึ้นมาเป็นระลอก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าในใจของตัวเองคิดมากไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าปวดท้องแปลบ ๆ ขึ้นมา ปริมาณการไหลที่ข้างล่างก็มากยิ่งขึ้น
นรมนนอนหลับไปอย่างมึน ๆ งง ๆ
ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานเท่าไหร่ เธอก็สะดุ้งตื่นเพราะว่าปวดฉี่
ถ้าหากว่าสิ่งสกปรกของร่างกายสามารถทนรับไหวละก็ เธอก็คงจะไม่สามารถจัดการกับความต้องการของร่างกายบนโซฟาได้หรอกนะ?
นรมนเริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว
เวลาของที่นี่เธอไม่ชัดเจนเท่าไหร่ และก็ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับอย่างมึน ๆ งง ๆ ไปนานเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าเวลานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครมาถามไถ่ตัวเองอีก นี่กลับทำให้นรมนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
นรมนพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากว่าลุกไม่ขึ้นแล้วจริง ๆ เธอก็คงจะต้องกลิ้งไปบนพื้นแล้ว กลิ้งไปกับพื้นโดยตรงเลย จากนั้นก็กัดฟัน แล้วก็ใช้วิธีนี้กลิ้งไปทางห้องน้ำอีกครั้ง
เธอไม่เคยคิดว่าก่อนเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะมีสภาพอนาถขนาดนี้
ตอนที่มาถึงหน้าประตูห้องน้ำนั้น นรมนก็มีเหงื่อไหลโชกแล้ว แต่ว่าเธอก็สนใจมากไม่ได้แล้ว
ใช้ช่องว่างอันน้อยนิดที่สามารถขยับได้ แล้วนรมนก็เริ่มถอดกางเกงของตัวเองออก แล้วเริ่มปลดปล่อยออกไป
เธอพบว่าในห้องน้ำมีกระดาษชำระและผ้าอนามัย แล้วก็อดที่จะดีใจขึ้นมาระลอกหนึ่งไม่ได้
จากที่ปกติสามารถลงมือได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ทำขึ้นมากลับต้องใช้แรงวัวแรงเสือกันเลย แต่ยังดีที่ว่าในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จจนได้
เพียงแต่ว่ากางเกงนั้นได้สกปรกไปแล้ว บนตัวก็เปียกเหงื่อไปหมดแล้ว
ท่าทางน่าอนาถของนรมนในตอนนี้เหมือนอย่างกับขอทานคนหนึ่ง แต่ว่าเธอก็สนใจมากไม่ได้แล้ว
เธอกลิ้งไปถึงหน้าประตูอีกครั้งหนึ่ง แล้วเริ่มใช้หัวโขกโจมตีกับประตูไม่หยุด และหวังว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่ข้างนอกขึ้นมาได้
แต่น่าเสียดายไม่รู้ว่าที่นี่ห่างจากข้างนอกมากแค่ไหน หรือว่าโดนคนกันให้ออกห่างไปหมดแล้ว นรมนโขกอยู่นานก็ไม่มีวี่แววอะไรเลย แต่ว่าเธอกลับเห็นดาวในดวงตาแล้ว ตัวทั้งตัวก็เกือบจะหมดสติไปแล้ว
เพื่อจะรักษาเรี่ยวแรงเอาไว้ เธอจึงได้แต่หยุดลงก่อน
อย่างกับว่านรมนโดนคนหลงลืมไปแล้ว หลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว รู้แต่เพียงว่าเสียงเอะอะโวยวายของข้างนอกหายไปแล้ว เข้าสู่ความสงบ จากนั้นก็เสียงดังเอะอะขึ้นอีกครั้ง แล้วก็สงบลงอีกครั้ง
ช่วงระหว่างนี้กลับไม่มีใครสักคนมาดูเธอเลย และก็ไม่มีใครเอาอาหารหรือน้ำดื่มมาส่งให้เธอด้วย
นรมนหิวจนเกือบจะสลบไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ว่าความต้องการที่จะมีชีวิตรอดยังแรงกล้าอยู่ เธอก็คงจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว
ข้างในห้องมีน้ำ มีขนมปัง แต่ว่าตัวเธอโดนมัดไว้ อยากจะดื่มกินนั้นไม่ง่ายเลยจริง ๆ และทุกครั้งเธอก็ทำให้ตัวเองน่าอนาถถึงขีดสุดเลย
“นายปล่อยพฤกษ์นะ! นายไอ้เดนมนุษย์! ไอ้คนชั่ว!”
การปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันของคมทิพย์นั้น กลับทำให้เจตต์ตกใจจนสะดุ้ง แล้วเขาก็ตอบโต้อย่างอัตโนมัติ แต่ตอนที่เห็นว่าเป็นคมทิพย์นั้นกลับนิ่งอึ้งไปทันทีเลย
เรื่องของคมทิพย์เมื่อคราวที่แล้วเขายังไม่ได้อธิบาย ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่ความตั้งใจที่จะทำแบบนั้นของตัวเองจริง ๆ แต่ว่าก็ยังคงมีความอึดอัดอยู่เช่นเดิม และที่สำคัญคมทิพย์ก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของนรมนด้วย และแน่นอนอยู่แล้วว่าเขาจะลงมือกับคมทิพย์ไม่ได้แน่
และก็อยู่ในช่วงที่กำลังอึ้งอยู่นั้น ไม้ถูพื้นของคมทิพย์ก็เหวี่ยงมาถึงหน้าของเจตต์พอดี และที่บังเอิญคือ ไม้ถูพื้นอันนั้นเพิ่งจะล้างเสร็จมาใหม่ ๆ น้ำยังไม่ทันแห้ง น้ำสกปรกที่เปียกชื้นจึงสะบัดใส่เจตต์ทั้งหน้า
“เฮี้ย! ผู้หญิงอย่างเธอนี่มัน......”
เจตต์รีบคลายตัวพฤกษ์ออกทันที แล้วก็รีบเช็ดหน้าตัวเอง แต่โกรธจนไม่ไหวแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่านรมนนะ เขาจะจัดการผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ให้ตายไปแน่
และแน่นอนว่าพฤกษ์นั้นรู้จักนิสัยของเจตต์ดี จึงรีบเอาตัวคมทิพย์มากันไว้ข้างหลัง แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าหากว่าคุณมีใจแล้วละก็ ก็ช่วยไปตามหาคุณนายของเราหน่อย ต่อไปตระกูลโตเล็กจะไม่ลืมบุญคุณของคุณในครั้งนี้เลย”
“เช่อ! คุณชายอย่างฉันไม่เคยสนใจบุญคุณของตระกูลโตเล็กอยู่แล้ว ยังมีอีก อย่ามาคำก็ตระกูลโตเล็กสองคำก็ตระกูลโตเล็ก พูดอย่างกับว่าตัวนายเองเป็นหมาของตระกูลโตเล็กจริง ๆ ยังไงอย่างงั้น ในเมื่อเป็นหมาแล้ว ทำไมถึงได้เฝ้าเจ้านายของตัวเองไว้ไม่ได้ล่ะ?”
คำพูดที่เจตต์ใช้พูดกับพฤกษ์นั้นไม่เคยเกรงใจมาตลอด แน่นอนว่าพฤกษ์นั้นชินแล้ว และขี้เกียจจะไปสนใจอะไรกับเขา แต่ว่าคมทิพย์กลับฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
“นายพูดว่าอะไรนะ? นายว่าใครเป็นหมานะ? มีเลือดแบบเดียวกับพฤกษ์ของเราไหลเวียนอยู่ อย่างงั้นก็คงจะเป็นพันธุ์เดียวกันนะซิ?”
“ผู้หญิงอย่างเธอนี่อยากจะโดนตีใช่ไหม!”
เจตต์รู้สึกจริง ๆ ว่าตัวเองกับคมทิพย์นั้นดวงไม่สมพงศ์กันจริง ๆ เลย ผู้หญิงคนนี้แค่เจอหน้ากันก็ทำให้คนมีความรู้สึกอยากจะตีเธอแล้ว
“นายเข้ามาซิ! คุณชายเจตต์อย่างนายก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยตีผู้หญิงสักหน่อย! นายไม่เพียงแค่เคยตีผู้หญิง นายยังสามารถบีบบังคับผู้หญิงด้วยนี่! ในเมืองชลธีนี้ยังมีเรื่องอะไรที่คุณชายเจตต์อย่างนายทำไม่ได้อีกเหรอ?”
คำพูดของคมทิพย์นั้นทิ่มแทงโดนจุดอ่อนของเจตต์โดยตรงเลย
ดูท่าเรื่องของคราวที่แล้วนั้น คมทิพย์คงจะจำไปตลอดชีวิตแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันจะไม่เอาเรื่องกับผู้หญิงอย่างเธอแล้ว พฤกษ์ ดูผู้หญิงของนายไว้ให้ดีด้วย! ยังมีอีก ถ้าหากว่าครั้งนี้ฉันตามหานรมนเจอแล้วละก็ ถ้าเธอไม่เป็นอะไรก็ดี แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วละก็ นายอย่าหวังว่าฉันจะเอาเธอมาประคองสองมือส่งคืนให้กับตระกูลโตเล็กอีกนะ! ฉันได้ให้โอกาสกับบุริศร์มามากเกินไปแล้ว เพราะว่าตัวเขาเองไม่รู้จักรักษาไว้เอง”
หลังจากพูดจบ เจตต์ก็หมุนตัวจากไป
สีหน้าของพฤกษ์มืดขรึมลงมา แต่ว่ากลับพูดอะไรไม่ออก ในเมื่อเขาเป็นคนทำนรมนหายไปเอง
คมทิพย์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็พูดขึ้นอย่างโทษตัวเองว่า “ขอโทษด้วยนะ เป็นความผิดของฉันเอง เป็นเพราะฉันไม่ได้ดูแลนรมนให้ดี ๆ เอง ตอนนี้ฉันเป็นกังวลมากเลย นี่มันก็สามวันมาแล้ว ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีข้อเรียกร้องอะไร ตอนนี้ก็ควรจะโทรศัพท์มาหาพวกเราแล้วใช่ไหม?”
ดวงตาของพฤกษ์ยิ่งมืดขรึมขึ้นไปแล้ว
ใช่ซิ
ไม่ว่าจะเป็นการลักพาตัวยังไงก็จะต้องมีเป้าหมาย ขอแค่อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นชีวิตของเขา เขาพฤกษ์ก็ไม่สนใจเลยสักนิด แต่ว่าตอนนี้มันผ่านไปตั้งสามวันแล้ว อีกฝ่ายกลับไม่มีข่าวคราวอะไรเลยแม้แต่น้อย
นี่ตกลงพวกเขาอยากจะทำอะไรกันแน่?
การคาดเดาและอารมณ์ไม่สบายใจอย่างหนึ่งมันค่อย ๆ เอ่อล้นออกมาจากใจของพฤกษ์
อีกฝ่ายคงจะไม่ใช่แค่ต้องการชีวิตของนรมนง่าย ๆ แบบนั้นหรอกนะ? ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ งั้นผลสรุปที่พวกเขารอต่อไปจะคืออะไรล่ะ?
ศพ ศพหนึ่งเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...