บทที่ 496 ทำไมทำได้ลงคอ?
“เป็นอะไรไป?”
ท่าทีของกิจจาผิดปกติมากๆ จนทำให้สีหน้าของบุริศร์อึมครึมลงทันที
“เปล่า เปล่าครับ”
กิจจาอยากหลุดจากการจับกุมของบุริศร์ แต่น่าเสียดายที่ทำอย่างนั้นไม่สำเร็จ กลับกันทำได้แค่ขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางเหมือนกำลังเจ็บกับอะไรสักอย่าง
บุริศร์เลิกแขนเสื้อของกิจจาขึ้นทันที
จึงพบว่าบนแขนของกิจจามีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ บาดแผลมากมายของเขาทำให้หัวใจของบุริศร์บีบรัดในทันที
“ตรินท์! แกบ้าไปแล้วหรือไง? นี่ลูกแท้ๆของแกนะ!”
บุริศร์นึกไม่ถึงเลยว่า การที่ไม่ได้เจอกันแค่ช่วงเวลาหนึ่ง จะทำให้กิจจามีรอยแผลเล็กบ้างใหญ่บ้างกระจายอยู่ตามร่างกาย ที่สำคัญคือไม่ว่าตรงจุดไหนก็มีแผล และส่วนใหญ่ก็เป็นแผลจากการถูกตีด้วย
ทำไมเด็กที่อายุยังไม่ถึงสี่ขวบดีต้องมาเจออะไรเจ็บปวดอย่างนี้
แม้ว่าตอนนี้กิจจาจะดูแข็งแรงกล้ามแดดแล้ว แต่รอยแผลใต้ร่มผ้าแทบจะทำให้บุริศร์ระเบิดออกมา
เขาเลิกเสื้อของกิจจาขึ้นอย่างไม่ยอมถอดใจ
ในตอนที่เขาเห็นบาดแผลมากมาย บุริศร์ก็ดึงกิจจาไปอีกด้าน แล้วกระชากคอเสื้อของตรินท์ขึ้นมาพร้อมกับตะคอกออกมาว่า “เขาเป็นลูกแก ไม่ใช่ทหารของแก! เขาเพิ่งสี่ขวบเองนะ! ตรินท์ แกจำไม่ได้เหรอว่าตอนแกสี่ขวบแกทำอะไร? แกยังเล่นโคลนอยู่เลย! แล้วแกดูรอยแผลบนตัวกิจจาสิ ตอนนี้มันยุคสมัยไหนแล้ว แกยังใช้ตรรกะรักวัวให้ถูกรักลูกให้ตีอยู่เหรอ?”
“พี่ใหญ่ เขาเป็นลูกผม เพราะงั้นผมรู้ดีว่าต้องสั่งสอนเขายังไง พี่อย่ามายุ่งเลย เด็กผู้ชาย ถ้าไม่เคี่ยวเข็ญก็จะไม่เติบโต ตอนสี่ขวบผมยังเล่นโคลนอยู่ เพราะงั้นโตขึ้นมาผมถึงได้เหยาะแหยะแบบนี้ไง ความสำเร็จของพี่อยู่ตั้งระดับไหน แล้วดูผมสิ? พี่กับผมโตมาเหมือนกัน แต่ผมมีความสำเร็จอะไรไหม? ผมไม่มีทางปล่อยให้ลูกของผมเป็นเหมือนผมหรอกนะ ตอนนี้เขาอาจจะลำบากหน่อย แต่พอเติบโตขึ้นเขาต้องขอบคุณผมแน่นอน!”
“เหลวไหล!”
ถึงยังไงกิจจาก็ถูกบุริศร์เลี้ยงดูมาตั้งสี่ปี และเป็นเด็กที่เติบโตมาจากการโอบอุ้มของเขา ตอนนี้พอได้เห็นตรินท์ทรมานกิจจาจนมีสภาพแบบนี้ ถ้าเขาไม่โกรธเลยสิแปลก
“ฉันจะบอกแกไว้นะ นับแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะดูแลกิจจาเอง แกจะทำอะไรก็เรื่องของแก แต่อย่ามาระบายความโกรธกับเด็กมัน นี่เหรอคือการสั่งสอนของแก? ห๊ะ? เขาทำอะไรผิด? แกถึงได้ตีเขาจนมีสภาพแบบนี้? ที่ฉันได้ยินแม่กับกานต์พูดว่าช่วงนี้ไม่ได้เจอกิจจาเลย เพราะแกจับเขาไปขังเพื่อทารุณกรรมใช่ไหม?”
ตรินท์ไม่อยากฟังที่บุริศร์พูด
“อะไรคือทารุณกรรม? ผมก็แค่ให้เขาฝึกยืนท่าทหารกับฝึกกระบวนท่า แต่เขาก็ทำไม่ได้สักอย่าง เด็กในฐานทัพหลายๆคนยังทำได้เลยแล้วทำไมเขาถึงทำไม่ได้? เขาเป็นลูกของผมเลยนะ!”
ตรินท์สลัดบุริศร์ออก
ในที่สุดบุริศร์ก็ได้รู้ว่าตรินท์พากิจจาไปไว้ที่ไหน แต่ก็ทำได้แค่มองเขาอย่างเหลือเชื่อ
“แกพากิจจาไปอยู่ที่ฐานทัพ? แล้วแกไม่รู้หรือไงว่าเด็กที่ฐานทัพมาจากไหน? เด็กพวกนั้นคือเด็กกำพร้า! อีกอย่างพวกเขาอายุเด็กสุดก็สิบขวบแล้วไม่ใช่เหรอ? แต่กิจจาเพิ่งกี่ขวบ? แกบอกฉันมา เขากี่ขวบ? เขาแม่งเพิ่งสี่ขวบด้วยซ้ำ!”
บุริศร์คิดว่าตรินท์ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ห้าปีมานี้ เขาไปเจออะไรมากันแน่?
ทำไมตรินท์ที่เคยสุภาพอ่อนโยนคนนั้นถึงได้กลายมาเป็นตรินท์ที่รุนแรงแบบนี้?
กิจจาเป็นลูกแท้ๆของเขานะ!
ทำไมเขาทำได้ลงคอ?
กิจจาในตอนนี้หวาดกลัวจนตัวสั่น ถึงขนาดสูญเสียความสดใสไร้เดียงสาไป
เมื่อบุริศร์เห็นภาพนี้ จู่ๆก็รู้สึกแสบจมูก
“ฉันจะบอกอะไรให้นะตรินท์ เด็กคนนี้ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโตมันก็ถูกที่แกเป็นพ่อแท้ๆของเขา แต่ถ้าแกยังกล้าทำแบบนี้กับกิจจาอีก ฉันไม่ยอมจบกับแกง่ายๆแน่”
บุริศร์พูดพร้อมกับอุ้มกิจจาเตรียมจะหันหลังเดินออกไป แต่กลับได้ยินตรินท์พูดขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ ห้าปีก่อนผมต้องเก็บผู้หญิงที่พี่ทิ้งขว้าง ห้าปีต่อมาพี่ยังจะแย่งลูกไปจากผมอีกเหรอ? ถ้าเป็นของที่พี่ต้องการ ผมก็ต้องยอมถอยให้อย่างไม่มีเงื่อนไขใช่ไหม?”
เท้าของบุริศร์หยุดนิ่งในทันที
“แกพูดอะไร? พูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า”
บุริศร์พบว่าตรินท์เปลี่ยนไปแล้ว
ช่วงที่เขาหายไปตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าตรินท์ที่อยู่ตรงหน้าเขาราวกับเป็นคนแปลกหน้าไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น?
ตรินท์มองมาที่บุริศร์อย่างเยือกเย็น จากนั้นก็พูดออกมาเน้นๆชัดๆว่า “แล้วเขมิกาไม่ใช่ผู้หญิงที่พี่ทิ้งขว้างเหรอ? ตอนที่พี่แต่งงานกับนรมน เธอเสียใจมาก เลยหนีออกมาจากเมืองชลธี แล้วก็มาเจอผมที่ยูนนาน ผมนึกว่าเธอชอบผมจริงๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผมมันก็เป็นได้แค่ตัวแทนของพี่ ขนาดมีลูก เธอยังไม่บอกผม แต่หนีกลับมาหาพี่ที่เมืองชลธีแทน แล้วกลับมาอยู่ที่ตระกูลโตเล็ก เพื่อให้ลูกของผมอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของพี่ตั้งสี่ปี พี่ใหญ่ พี่ไม่คิดหน่อยเหรอว่าตอนนั้นผมถูกสวมเขา? ตอนนี้ พี่ยังจะมาแย่งลูกผมไปอีกเหรอ พี่คิดจะทำอะไรอีก?”
บุริศร์คิดไม่ถึงว่าตรินท์จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“ระหว่างฉันกับเขมิกามันไม่มีอะไรทั้งนั้น แกอย่ามาพูดไร้สาระนะ”
“ไม่มีอะไรแต่ใครจะไปรู้ล่ะ พี่ห่วงใยลูกผมขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นลูกพี่หรอกนะ?”
“ตรินท์!”
บุริศร์ระเบิดออกมาทันที
เขาวางกิจจาลงหน้าประตู แล้วพูดว่า “ไปหาหม่ามี๊ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพ่อแก”
แม้ว่ากิจจาจะกลัวตรินท์ แต่กลับดึงมือของบุริศร์แล้วพูดว่า “คุณลุง อย่าทะเลาะกับแด๊ดดี้นะครับ เป็นความผิดของผม ผมมันไม่เอาไหน ผมทำตามที่แด๊ดดี้ต้องการไม่ได้”
เมื่อเห็นกิจจาในตอนนี้ ในใจของบุริศร์ก็ทนรับไม่ไหว
“ไม่เกี่ยวกับแก ไปหาหม่ามี๊ ฟังที่ฉันพูด”
พูดจบ บุริศร์ก็ขังกิจจาเอาไว้นอกห้อง
เขาหันกลับมามองตรินท์ พูดออกมาอย่างเจ็บปวดว่า “คำพูดเหล่านี้คงอัดอั้นอยู่ในใจแกมาตลอดห้าปีเลยใช่ไหม? ถ้ายังอยากพูดอะไร ก็พูดออกมาเลย ฉันจะรับฟังแกเอง แกเป็นน้องชายที่ดีของฉัน แต่หลายปีมานี้แกคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...