บทที่ 514 เกิดมาจากรากเหง้าเดียวกันแท้ ๆ ทำไมต้องมาเข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมด้วย
“พี่สะใภ้ไม่รู้เหรอครับ?”
ตรินท์มองนรมนด้วยใบหน้าแปลกใจทั้งหน้า จากนั้นก็พูดอย่างรู้สึกผิดมากว่า “คุณดูผมซิ พี่ชายผมจะต้องไม่อยากจะให้คุณเป็นห่วงแน่ ผมนี่ปากมากจริง ๆ เลย ไม่มีอะไรหรอก คุณก็คิดซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรเลยก็แล้วกัน”
พอพูดจบตรินท์ก็หมุนตัวจะเดินจากไป
แล้วนรมนก็คว้าตัวเขาไว้ทีหนึ่ง
“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน? คุณพูดกับฉันให้ชัดเจนเลยนะ”
นรมนรู้ว่านี่อาจจะเป็นกลลวงของตรินท์ แต่ว่าตอนนี้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกานต์ เธอจะไม่รอบคอบเลยไม่ได้
แล้วทางด้านตรินท์ก็พูดขึ้นอย่างลำบากใจ “พี่สะใภ้ พี่ชายผมยังไม่บอกคุณเลย ถ้าผมพูดไป ถ้าคุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
“ฉันจะเป็นอะไรได้? คุณรีบพูดมาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกับกานต์?”
นรมนร้อนใจจนแทบไม่ไหวแล้ว
สิ่งที่ตรินท์ต้องการก็คือความรู้สึกแบบนี้แหละ
แววตาของเขามีแววกะล่อนพาดผ่านไป แต่กลับเป็นแค่กะพริบแล้วผ่านไปเลย
“พี่สะใภ้ เรื่องนี้ยังไม่แน่นอนเลย พวกเราไปที่ชมรมยิงปืนกันมา แล้วก็หาจนทั่วทุกแห่งแล้วแต่ก็หากานต์ไม่เจอ จากนั้นก็มีคนมาพูดว่าเห็นพนักงานทำความสะอาดหญิงคนหนึ่งเข็นรถขยะออกไป ในนั้นซ่อนเด็กไว้สองคน คนหนึ่งตายไปแล้ว แล้วก็แจ้งความให้ตำรวจไปจัดการแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งโดนพนักงานหญิงขายให้กับแก๊งค้ามนุษย์ไป ได้ยินมาว่าแก๊งค้ามนุษย์พาเด็กขึ้นรถโคชคันหนึ่งไป แต่ว่าที่สถานีขนส่งมีรถโคชเยอะแยะขนาดนั้น แล้วก็ไม่มีคนสังเกตเรื่องพวกนี้ พวกเราจึงได้แต่หาทีละคันทีละคัน เมื่อตอนบ่ายพี่ก็ได้ส่งคนออกไปตามหาแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราว เพราะฉะนั้นผมก็เลยมาถามดูว่า ต้องการให้ผมไปช่วยตามหาด้วยไหม ในเมื่อกิจจาก็กลับมาแล้ว เหลือแต่กานต์ ผมก็อยากจะไปช่วยด้วย”
พอได้ยินตรินท์พูดแบบนี้แล้ว ตัวของนรมนก็เกือบจะยืนไม่ไหว
กานต์โดนพวกแก๊งค้ามนุษย์พาตัวไปแล้วเหรอ?
เพราะอะไรทำไมบุริศร์ถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?
ตรินท์มองนรมนที่มีสีหน้าขาวซีด ริมฝีปากก็ค่อย ๆ คลี่ออกเล็กน้อย แต่กลับพูดเสียงต่ำว่า “พี่สะใภ้ คุณไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ด้วยความสามารถของพี่ชายผมแล้ว จะต้องหากานต์เจอแน่ คุณดูซิ พี่ชายหายตัวไปแปดวัน ก็ยังกลับมาอย่างปลอดภัยเลยไม่ใช่เหรอ? พวกเราต่างก็ติดต่อเขาไม่ได้ และกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าพี่ชายจะกลับมาทั้งอย่างนี้เลย แต่ว่าสีหน้าของพี่ชายผมไม่ค่อยดีนัก เขาคงไม่ได้เป็นอะไรหรอกใช่ไหมครับ? ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรจะต้องบอกผมให้ได้นะครับ พวกเราเป็นพี่น้องแท้ ๆ กัน ถ้าสามารถช่วยเหลือได้ผมจะไม่ผลัดออกแน่ครับ”
นรมนกำลังจิตใจวุ่นวาย ตอนที่ได้ยินตรินท์ถามแบบนี้มาก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ปรับตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่มีอะไร โทรศัพท์ของเขาพังไป แล้วหลายวันมานี้อยู่ต่างประเทศอาหารการกินก็ไม่ค่อยชิน เพราะฉะนั้นก็เลยผอมไปหน่อย”
“เหรอครับ? พี่ต้องออกไปดูงานที่ต่างประเทศอยู่ตลอด จนแทบจะกลายเป็นคนบินอยู่กลางอากาศแล้ว คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีอาหารที่ไหนที่ทำให้พี่กินไม่ลงได้ด้วย”
ตรินท์ถามเหมือนเรียบเฉย แต่กลับทำให้ใจของนรมนเกิดการแจ้งเตือนขึ้นมา
“ใครจะไปรู้ล่ะ ร่างกายของเขาเองแต่ตัวเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ? สำหรับเรื่องของกานต์ ก็คงจะต้องให้คุณและพี่ชายของคุณต้องเหนื่อยกันแล้ว ฉันต้องเข้าไปดูคุณแม่ว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว เรื่องนี้ท่านก็เป็นกังวลมากเหมือนกัน”
“ได้ครับ”
แล้วตรินท์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ในตอนที่นรมนหมุนตัวจากไปนั้น ก็สามารถรู้สึกได้ถึงแววตาของตรินท์ที่มองตัวเองอยู่ข้างหลังนั้นเร่าร้อนเพียงใด
ตอนนี้เขาอดกลั้นไว้ไม่ไหวแล้วเหรอ?
หรือว่าเขาอยากจะทำอะไร?
นรมนรู้สึกว่าตรินท์ในตอนนี้กับตอนที่กลับมาใหม่ ๆ นั้นช่างต่างกันราวกับเป็นคนละคน
ตอนที่เพิ่งกลับมาใหม่ ๆ นั้นแสร้งทำออกมาเหรอ?
หรือจะพูดว่านี่ถึงจะเป็นตรินท์ที่แท้จริงเหรอ?
เหมือนกับว่าตั้งแต่ที่บุริศร์พูดว่าจะไปจากเมืองชลธีแล้วเอาทุกอย่างของตระกูลโตเล็กมอบให้กับตรินท์เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ลดน้อยลงแล้ว
พอตอนนี้มานึกดูแล้ว ถึงพบว่าช่วงระยะเวลานี้ระหว่างบุริศร์และตรินท์นั้นเหมือนกับคนแปลกหน้ากันยังไงอย่างงั้น
ถึงแม้ว่าตอนที่ต่อสู้กับตระกูลทวีทรัพย์ธาดานั้น ตรินท์ก็เคยช่วยบุริศร์ไว้ แต่ว่าตอนนั้นก็ใช้เงินของบริษัทร่วมทุนของบุริศร์มาคุ้มกันและนำขบวนให้กับบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด
เพราะฉะนั้นหรือจะพูดว่าตั้งแต่แรกบุริศร์และตรินท์ก็ไม่ถูกกันแล้วเหรอ?
ใจของนรมนพึมพำไป แล้วก็เข้าไปในห้องของคุณนายตระกูลโตเล็ก
คุณนายตระกูลโตเล็กดูไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่ามากเท่าไหร่ นรมนก็เลยให้ป้าหวานคอยดูแลอยู่ และตัวเองนั้นก็รู้สึกว่าปริมาณการไหลของที่ข้างล่างจะเพิ่มมากขึ้นแล้ว
แล้วเธอก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว เจ้าร่างกายพัง ๆ นี่ เมื่อไหร่จะดีขึ้นสักทีนะ?
ถ้าหากว่าที่ตรินท์พูดมาเป็นความจริงทั้งหมด งั้นตอนนี้กานต์จะอยู่ที่ไหนได้ล่ะ?
นรมนเป็นห่วงอย่างมาก พอกลับมาถึงห้องตัวเองก็รีบโทรศัพท์หาบุริศร์ แต่ว่าทางด้านบุริศร์นั้นยุ่งมาก ก็เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ในทันที
แล้วเธอก็โทรศัพท์ให้กิมจิอีกที
ยังไงกิมจิก็นึกไม่ถึงว่านรมนจะโทรศัพท์หาตัวเองได้ จึงอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าก็กดรับสายอย่างรวดเร็วเลย
“คุณนายครับ”
ตอนนี้เขาเรียกนรมนว่าคุณนายแล้ว จะได้ไม่ต้องเรียกนายหญิงให้คนอื่นเข้าใจผิด แล้วก็เปิดเผยฐานะของนรมนด้วย
พอนรมนได้ยินเสียงของกิมจิ ก็รีบร้อนถามขึ้นว่า “กิมจิ ฉันถามอะไรคุณหน่อยซิ ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”
กิมจิอึ้งไปเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมอยู่ที่สถานีขนส่งครับ”
“สถานีขนส่งเหรอ? ไปตามหาพนักงานทำความสะอาดหญิงของชมรมคนนั้นใช่ไหม?”
คำพูดของนรมนทำให้กิมจิยิ่งอึ้งเข้าไปอีก
“คุณนาย รู้เรื่องแล้วเหรอครับ?”
“เป็นเรื่องจริงเหรอ? ในชมรมยิงปืนส่งเด็กออกไปสองคนจริง ๆ เหรอ? ใช่กานต์หรือเปล่า?”
ใจของนรมนก็เต้นเร็วขึ้นมาทันทีเลย
กิมจิรีบพูดขึ้นว่า “ยังไม่รู้เลยครับ พวกเรากำลังตามสืบอยู่ครับ แต่ว่าค้นหาตัวคุณชายกานต์ที่ชมรมไม่เจอจริง ๆ ครับ คุณนาย คุณอย่าร้อนใจมากไปนะครับ คุณชายบุริศร์ได้ขับรถไปค้นหาด้วยตัวเองแล้ว ยังไงก็ยังพอมีเบาะแสอยู่บ้าง ได้ยินมาว่ารถโคชคันนั้นได้ขับไปชนบท แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนรถหรือเปล่า คุณชายบุริศร์ได้ไปดูด้วยตัวเองแล้วครับ”
พอได้ยินว่าบุริศร์ไปดูด้วยตัวเอง นรมนก็รู้แล้วว่า เรื่องนี้จะต้องใกล้เคียงกับความจริงไม่มากก็น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...