บทที่ 516 เขาจะต้องยืนหยัดต่อไป
กานต์นอนไม่หลับ เรนนี่ก็เหมือนว่าจะนอนไม่หลับเช่นกัน
เธอจ้องมองกานต์ แล้วก็ใช้ท่าทางของมือถามเขาว่าเป็นอะไร?
กานต์ยิ้มเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งสองคนพิงกันอย่างแนบชิด แล้วก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นไปอย่างนี้ทั้งคืน
เช้าตรู่เวลายังไม่ถึงหกโมง พวกเขาก็โดนแส้ที่หยาบกระด้างปลุกตื่นแล้ว
ครั้งนี้ กานต์ไม่มีคนคอยปกป้องอยู่ แล้วก็ได้ลิ้มลองรสชาติที่แส้เฆี่ยนลงบนตัวอย่างเต็มที่แล้วว่าเป็นยังไง
มันแสบร้อนขนาดนั้น และเจ็บปวดขนาดนั้น
ผิวที่อ่อนนุ่มของเขา โดนเฆี่ยนจนเป็นรอยเลือดขึ้นมาทันทีเลย
กานต์กัดฟันไว้แน่น ในดวงตามีน้ำตาหมุนวนอยู่ แต่ว่ากลับดื้อดึงไม่ยอมให้มันไหลออกมา
คนพวกนี้ในวันนี้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเขาจะต้องแก้แค้นคืนแน่!
“ตื่น ตื่น! ลุกขึ้นเร็ว ๆ! พวกเราจะออกไปกันแล้ว!”
คนที่เฝ้ายามไม่ได้ทำกับพวกเขาเหมือนเป็นคนเลยแม้แต่น้อย แล้วต้อนพวกเขาออกมาอย่างกับต้อนวัวต้อนควาย
กานต์เดินออกมาพร้อมกับเด็ก ๆ พวกนั้น
อย่างกับว่ากลัวพวกเขาจะหนีไปยังไงอย่างงั้น เริ่มตั้งแต่เด็กคนแรก บนข้อมือของพวกเขาก็โดนเชือกเส้นหนึ่งมัดไว้ แล้วก็มัดเด็กคนข้างหลังต่อกันไปด้วยเลย
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้กานต์นึกถึงพวกทาสที่ตัวเองเห็นในตอนที่ดูทีวี
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับทาสเลย
เด็ก ๆ ทั้งกลุ่มโดนพาตัวออกไป
หลังจากที่ออกจากห้องใต้ดินแล้ว ในที่สุดกานต์ก็ได้สูดอากาศของข้างบนแล้ว แต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ก็โดนไล่เข้าไปอยู่ในห้องใหญ่ห้องหนึ่ง
ข้างในนี้มีพื้นที่กว้างมาก เหมือนกับเป็นสนามฝึกซ้อมสักอัน แต่ว่ากลับไม่มีอุปกรณ์ฝึกซ้อมอะไรมาก
“ไป ไปทางโน้น ไปขนของพวกนั้นให้หมด ขนไม่หมดก็ไม่ต้องกินข้าว”
คนที่เฝ้ายามชี้ไปที่อุปกรณ์ฝึกซ้อมส่วนหนึ่งที่กองอยู่อีกข้างแล้วคอยสั่งกำชับพวกเขา
กานต์นึกว่าพวกเขาถูกพามาที่สนามฝึกซ้อมเพื่อมาฝึกซ้อม
เห็นได้ชัดว่าเขาไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
พวกอุปกรณ์ฝึกซ้อมพวกนั้นขนาดผู้ใหญ่มาขนยังต้องเปลืองแรงเลย แต่ตอนนี้คนพวกนี้กลับให้เด็ก ๆ อย่างพวกเขามาทำเรื่องแบบนี้
กานต์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็โดนคนเฝ้ายามเฆี่ยนลงมาหนึ่งแส้
“แมร่งนี่ มัวชักช้าอะไรอยู่? รีบไปทำงานให้ฉันเดี๋ยวนี้! วันนี้ช่วงสายต้องเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย ช่วงบ่ายยังจะต้องฝึกซ้อมกันอีก อย่ามาแอบอู้ให้ฉันเห็นนะ ถ้าให้ฉันเห็นว่าใครแอบอู้เข้า ฉันจะจัดการมันให้ตายแน่”
คนเฝ้ายามด่าไปบ่นไป กานต์รู้สึกว่าทั่วทั้งแผ่นหลังเจ็บจะตายอยู่แล้ว
ไอ้คนชั่วที่น่ารังเกียจที่สุด!
ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องให้พวกมันชดใช้แน่!
เรนนี่กุมมือของกานต์ไว้แน่น เหมือนกับว่ากำลังปลอบใจเขาอยู่ แล้วก็เหมือนกับว่ากำลังถามเขาว่าเจ็บไหมอยู่
กานต์ยิ้มขึ้นอย่างเซียว ๆ จากนั้นพวกเขาก็ไปขนย้ายอุปกรณ์ด้วยกัน
ตั้งแต่เล็กจนโตมา มีเวลาไหนที่เขาต้องมาทนแบกรับความลำบากแบบนี้?
พวกอุปกรณ์พวกนี้นั้นมันหนักมากจริง ๆ พวกเด็ก ๆ หลายคนรวมกันขน ก็ยังแค่สามารถขยับเขยื้อนได้เล็กน้อยเท่านั้น
คนเฝ้ายามเห็นว่าพวกเขาชักช้า แล้วก็ถือโอกาสเฆี่ยนพวกเขาไปอีกหลายที
กานต์อยากจะกระโดดลุกขึ้นมาต่อยคนมากจริง ๆ แต่ว่าเขายังต้องอดทน เพราะว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เด็กอย่างเขาคนเดียว
การเป็นทาสตลอดทั้งช่วงสายทำให้ฝ่ามือของกานต์เสียดสีจนเกิดตุ่มน้ำขึ้นมา แค่แตะโดนก็เจ็บแล้ว บนร่างกายก็ยิ่งปวดแสบปวดร้อน ไม่รู้ว่าโดนแส้เฆี่ยนไปกี่ทีแล้ว
เหงื่อและเลือดปนเข้าด้วยกัน จนรู้สึกเจ็บมาก เขาทำได้แค่กัดฟันยืนหยัดต่อไป แต่ก็กลับอดทนไม่ไหวจนแอบน้ำตาร่วง
เขาคิดถึงหม่ามี้ คิดถึงแด๊ดดี้แล้ว
ต่อไปเขาไม่กล้าหนีออกจากบ้านง่าย ๆ อีกแล้ว
สุดท้ายหลังจากที่กานต์และเด็ก ๆ ช่วยกันขนย้ายอุปกรณ์จนหมดแล้วนั้น อยู่ ๆ ถึงได้พบว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดด้วย
ยังดีที่ตอนนี้หน้าของเขาเปื้อนดำอยู่ แล้วก็เปื้อนรอยเลือดสกปรกอีกด้วย ไม่งั้นถ้าให้ตรินท์พบเข้าแล้วละก็ ไม่แน่ตัวเองก็คงต้องตายแหงแก๋จริง ๆ แล้ว
เป็นครั้งแรกที่กานต์รู้สึกถึงการข่มขู่จากความตาม
เขาพยายามก้มหัวให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ และกำลังคิดอยู่ว่าจะส่งข่าวจากที่นี่ออกไปยังไง
จะต้องให้คุณบุริศร์และหม่ามี้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่ ไม่งั้นด้วยความสามารถของเขา ตอนนี้ยังไม่มีวิธีที่จะสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้จริง ๆ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะพาเด็ก ๆ พวกนี้ออกไปด้วยเลย
เพราะว่ากานต์กำลังใช้ความคิดอยู่ จึงสะดุดล้มไปทีหนึ่ง
คนที่เฝ้ายามเห็นว่าเขามือเท้าเก้งก้าง ก็รุกหน้ามาเตะเขาอีกทีหนึ่ง
“แมร่งนี่มันโง่ชิป นี่แกทำอะไรได้บ้างเนี่ย? รีบลุกขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
กานต์โดนเตะจนเจ็บกระดูกซี่โครงไปเลย
มือของเขากำเข้าหากันแน่น ในตอนที่ในใจกำลังคิดว่าจะระเบิดต่อยคนเฝ้ายามที่อยู่ตรงหน้านี้ แล้วอยู่ ๆ ก็เห็นเรนนี่วิ่งเข้ามา แล้วมาบังอยู่ตรงหน้ากานต์ และพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อะไรอยู่ อาจจะกำลังช่วยขอร้องแทนกานต์อยู่ละมั้ง
ในใจของกานต์นั้นเป็นทุกมาก แต่ว่าก็ยังแกล้งทำเป็นใบ้อยู่ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนเป็นแผล
คนเฝ้ายามเห็นว่าอยู่ ๆ เรนนี่ก็วิ่งออกมา ก็โมโหจนเอาความโกรธมาลงกับตัวเธอ แล้วเตะเรนนี่ไปอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
“ยัยเด็กที่น่ารังเกียจ นี่ถึงกลับกล้ามาปกป้องมันเลยเหรอ เป็นไงไง? นี่มันคนรักของแกเหรอ? อายุยังน้อยขนาดนี้ก็รู้จักหาผู้ชายแล้วเหรอ? ฉันว่าถ้าเธอโตกว่านี้อีกหน่อย ก็ส่งไปที่ไนต์คลับไปเงินมาให้กูเลยก็ไม่เลวนะ! ยัยเด็กเหม็นที่สมควรตาย! นี่มันกระดูกชั้นต่ำชัด ๆ”
เขาด่าคำหยาบคายที่ไม่น่าฟังไป แล้วก็แตะไปที่เรนนี่อย่างไม่มีน้ำใจเลยเอีกด้วย
กานต์ร้อนรนอยากจะผลักเรนนี่ออก แต่ว่าร่างกายเล็ก ๆ ของเรนนี่กลับทำให้กานต์ขัดขืนไม่ออก แล้วก็ช่วยกานต์บดบังการลงโทษทั้งหมดไว้
อย่าตีอีกเลย!
อย่าตีอีกเลย!
กานต์อยากจะจ้องตะโกนออกไปจริง ๆ
เหมือนกับรู้ว่ากานต์อยากจะทำอะไร ดวงตาของเรนนี่ก็ได้จดจ้องกานต์ไว้อยู่ตลอด การขอร้องในแววตาทำให้กานต์อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
เขาเป็นคนร้องไห้น้อยมาก แต่ว่าตั้งแต่มาที่นี่ เหมือนกับว่าเขาจะร้องไห้ทุกวันเลย
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าร้องไห้ไปก็แก้ปัญหาไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้น้ำตาที่ดั้งเดิมที่สุดกลับกลายเป็นช่องทางเดียวที่จะทำให้เขาปลดปล่อยออกมาได้
กานต์จับมือของเรนนี่ไว้แน่น กุมไว้แน่น ๆ แล้วในใจก็สาบานอยู่อย่างเงียบ ๆ เขาจะต้องพาเรนนี่ออกไปให้ได้!
เขาจะให้การรักษาที่ดีที่สุดกับเรนนี่ จะให้ชีวิตที่ดีที่สุดกับเธอ
เขาจะดีกับเธอ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...