เหมิงฝูกับจ้าวฮัวจือทะเลาะกัน ในความทรงจำของเหมิงเชียนเหยียนไม่ได้มีน้อยครั้ง แต่กลับบ้านแม่เพราะเหตุนี้ กลับหาได้ยาก ดังนั้น ภายใต้แรงผลักดันของความอยากรู้อยากเห็น เหมิงเชียนเหยียนถามขึ้นมา "เฮ้ อาสาม เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท่านถึงทะเลาะกับอาสะใภ้สามได้ล่ะ?"
ได้ยินคำถามของเหมิงเชียนเหยียน สายตาของเหมิงฝูหลบเลี่ยงเล็กน้อย "ข้า เราก็แค่ดื่มเหล้ากันไปเล็กน้อย ก็เลยทะเลาะกันขึ้นมาเท่านั้น"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง" เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้า ในเมื่อคนอื่นเขาไม่อยากจะพูด นางก็ไม่มีความจำเป็บต้องถามให้ได้ อย่างไรเสียหากคนบ้านสามไม่มาขวางทางนาง ไม่ว่าเรื่องใดๆนางก็ไม่สนใจทั้งนั้น
แต่ว่า เหมิงเชียนเหยียนก็ยังไม่ลืมว่า บ้านแม่ของจ้าวฮัวจืออยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาที่อยู่หมู่บ้านถัดไป และตระกูลซุนที่นางเพิ่งจะยกเลิกการแต่งงานก็อยู่หมู่บ้านซิ่งฮวาเช่นกัน
ก็หวังแค่ว่าข้างในนี้จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวพันกัน
หลังจากออกจากหมู่บ้านเดินต่อไปอีกสักพัก ก็คือปากทางเข้าหมู่บ้านของหมู่บ้านซิ่งฮวา เหมิงฝูโบกไม้โบกมือให้เหมิงฉวน "พี่รอง ข้าจะไปแล้วนะ พวกท่านก็เข้าเมืองไปเถอะ"
"เฮ้อ เจ้าไปถึงหมู่บ้านซิ่งฮวาแล้วต้องมีท่าทีที่ดีต่อฮัวจือเขาหน่อยนะ"
เหมิงฉวนตะโกนออกมาคำหนึ่ง คนทั้งครอบครัวเร่งฝีเท้า มุ่งหน้าเข้าเมืองไป
เมืองนี้แต่เดิมมีชื่อเรียกว่าเมืองไหลหยวน แต่เพราะว่าหมู่บ้านเบื้องล่างเมืองพวกนี้ล้วนเต็มไปด้วยดอกไม้ ก็เลยค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นเมืองไป่ฮวาไปทีละน้อย
"คุณพี่ เรายังจะไปที่ภัตตาคารครั้งก่อนนั่นอีกไหม?" สวีเจินมองดูภาพความครึกครื้นบนถนนในเมือง บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่มีความสุขปรากฏขึ้นมา
เหมิงฉวนพยักหน้า "ใช่แล้ว ภัตตาคารที่ไปครั้งก่อน ชื่อว่าภัตตาคารหยวนเหอ เป็นภัตตาคารที่นายท่านตระกูลเสิ่นไปบ่อยๆ เป็นภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเลยนะ!"
"ภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุด?" เหมิงเชียนเหยียนได้ยินก็พึมพำออกมา "เช่นนั้นท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าเถ้าแก่ของภัตตาคารเป็นใคร?"
"เถ้าแก่ น่าจะแซ่ชิว รายละเอียดข้าก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่หรอก ทำไมหรือ?"
"อ๋อ คือว่าข้าคิดเอาไว้เช่นนี้ ในเมื่อเราวางแผนจะล่าสัตว์ส่งมาขายในเมืองเยอะๆ เช่นนั้นเราก็ต้องหาที่ที่ให้ราคาดีแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นข้าอยากคุยเรื่องราคากับเถ้าแก่ชิวท่านนี้อีกครั้งหนึ่ง"
เหมิงฉวนพยักหน้า "ที่เจ้าพูดมามีเหตุผล งั้นเราก็ไปคุยกันอีกครั้ง"
หมูป่าตัวอ้วนท้วนวางอยู่ที่หน้าประตูหลังของภัตตาคาร คนงานในภัตตาคารนั่นมองอย่างตกตะลึงไปเดี๋ยวนั้นเลย จากนั้นก็วิ่งไปเรียกพ่อครัวกับเถ้าแก่ออกมาโดยตรง
"โอ๊ะโฮะๆ พวกเจ้าอีกแล้วหรือ!" เถ้าแก่ของภัตตาคาร รูปร่างอ้วนท้วน ยิ้มขึ้นมาตาก็หยีเป็นเส้นตรง เขามองเห็นหมูป่าตัวนี้แล้วรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
"เหอะๆ พวกข้าเอง เถ้าแก่ เป็นอย่างไรบ้าง? หมูป่าที่เอามาขายที่นี่คราวก่อนขายได้ไม่เลวใช่ไหม?" เหมิงเชียนเหยียนเลิกคิ้ว กล่าวถามด้วยความมั่นใจ
"นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว วันรุ่งขึ้นก็ถูกพ่อค้าใหญ่ในเมืองที่มาซื้อฝ้ายที่นี่ซื้อไป ขายได้ไม่เลวจริงๆ! เป็นอย่างไร? ครั้งนี้ล่ามาอีกตัวหนึ่งหรือ?"
เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้า "ใช่แล้ว ตัวนี้ ตัวอ้วนใหญ่กว่าตัวนั้นอีกแน่ะ เถ้าแก่ท่านช่วยดูหน่อย ถ้าหากขายที่นี่ จะได้เงินประมาณเท่าไหร่"
"อืม----" เถ้าแก่คนนั้นก้มตัวลงไป ตรวจสอบหมูป่าตัวนั้นโดยละเอียดอีกครั้ง แน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ถึงได้กล่าวว่า: "ครั้งก่อน ข้าจำได้ว่าให้พวกเจ้าไปแปดตำลึง เช่นนั้นครั้งนี้ก็เก้าตำลึงแล้วกัน เจ้าคิดเห็นอย่างไร?"
"เก้าตำลึง?" เหมิงเชียนเหยียนมือเท้าเอว ส่ายหน้า "ไม่ค่อยดีเท่าไหร่! เก้าตำลึง ไม่ขาย!"
ท่าทีเช่นนี้ ทำให้เถ้าแก่ตะลึงงันไปจริงๆ "เฮ้ นังหนูน้อยอย่างเจ้า ก็เขี้ยวน่าดูเลยนะ! ข้าบอกกับเจ้าเลยนะ ภัตตาคารหยวนเหอของเราเป็นภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไป่ฮวาของเราแล้ว หากเจ้าไม่ขายจริงๆ เจ้าไปขายที่อื่นไม่ได้ราคาดีขนาดนี้หรอกนะ!"
"เช่นนั้นข้าไม่เชื่อแล้ว! ท่านว่า ภัตตาคารของท่านคือภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไม่ผิด เช่นนั้นภัตตาคารอื่นๆก็ไม่มีปัญญาซื้อหมูป่าตัวนี้แล้วหรือ? อีกอย่าง ของหายากย่อมมีราคาแพง หมูป่าเช่นนี้ พูดกันตามตรง ในหนึ่งปีเถ้าแก่ท่านจะได้เห็นสักกี่ตัว? นี่ถ้าหากภัตตาคารไหนซื้อไปแล้ว แล้วเขาประโคมข่าวครึกโครม ต้องแย่งลูกค้าท่านไปไม่น้อยแน่นอน!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หนูชาวนาจอมแสบ
เรื่องนี้จะมีตอนใหม่มาเมื่อไหร่หรออะคะ...