แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 139

ถึงแม้เฉินต้าจ้วงจะรับประกันอีกครั้งว่า คนในหมู่บ้านเฉินเจียล้วนจะปลูกร่วมกับลั่วเสี่ยวปิง แต่ลั่วเสี่ยวปิงยังคงให้เฉินต้าจ้วงกลับไปถามในหมู่บ้านเฉินเจียก่อน หากบ้านไหนสนใจก็ส่งตัวแทนมาเซ็นสัญญาก็พอ

แต่สิ่งที่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงคิดไม่ถึงก็คือ เวลาผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง คนหมู่บ้านเฉินเจียเกือบทั้งหมด มากันเต็มด้านนอกกระท่อมของนาง

นอกจากตัวแทนแต่ละครอบครัวแล้ว ยังมีผู้หญิงจำนวนหญิงของมาฝาก

บ้านทางทิศตะวันออกเอาไข่ไก่มา บ้านทางทิศตะวันตกต้นกระเทียมมา และทุกคนก็กระตือรือร้นมาก จนลั่วเสี่ยวปิงแทบเป็นลม

ยังไงหมู่บ้านเฉินเจียกับหมู่บ้านต้าซิง แตกต่างกันอย่างมาก จนนางคิดว่าสิ่งที่นางพูดไม่ใช่เรื่องเดียวกัน

นี่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิง จำเป็นต้องพูดถึงความเสี่ยงให้ทุกคนฟังอีกรอบ

แต่คนหมู่บ้านเฉินเจียกลับไม่มีคนไม่เห็นด้วย ทำให้คนหมู่บ้านต้าซิงที่มาช่วยลั่วเสี่ยวปิงทำงานอยู่ด้านหลังตกตะลึงอย่างมาก คิดว่าคนหมู่บ้านเฉินเจียคงบ้าไปแล้ว?

ปลูกพืชผักในฤดูหนาว เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก คนทั้งหมู่บ้านเฉินเจียกลับจะร่วมทำกับลั่วเสี่ยวปิง หากไปบ้าไปแล้วจะเป็นอะไร?

คนหมู่บ้านต้าซิง แอบหัวเราะเย้ยว่าคนหมู่บ้านเฉินเจียโง่อยู่ในใจ กลับไม่รู้ว่าในอีกไม่นาน พวกเขาจะรู้ว่า คนที่โง่คือตนเอง แต่ว่าถึงตอนนั้นพวกเขาคงเสียใจ เสียดายสุดๆ

แล้วแบบนี้ คนหมู่บ้านเฉินเจียก็เซ็นสัญญากับลั่วเสี่ยวปิง

แต่ผ่านไปติดต่อกันหลายวัน อากาศยิ่งอยู่ก็ยิ่งหนาวเย็นลง ต้นกล้าผักทุกชนิดในสเพซน้ำแร่วิญญาณของลั่วเสี่ยวปิงเติบโตรุ่นแล้วรุ่นเล่า เมล็ดถูกเก็บเกี่ยวรอบแล้วรอบเล่า กลับยังไม่ได้รับข่าวเสื่อน้ำมันจากโอหยางฉี่หยู่ คนใจเย็นอย่างนางก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจขึ้นมา

ในขณะที่กำลังคิดว่าจะไปหาโอหยางฉี่หยู่ในเมืองดีไหม โอหยางฉี่หยู่กลับมาหาถึงที่แล้ว

ดูสีท่าโอหยางฉี่หยู่แล้ว ลั่วเสี่ยวปิงตกตะลึงเล็กน้อย

โอหยางฉี่หยู่ในตอนนี้ ยังเหลือความหล่อเหลาและสูงศักดิ์ตรงไหน ถึงแม้จะสวมเสื้อผ้าสะอาดหมดจด แต่หน้าตาบูดบึ้งและซีดเซียว

“เจ้า....”

“พริกของเจ้า เอามาได้เร็วที่สุดตอนไหน?”

ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะถามโอหยางฉี่หยู่ว่าเป็นอะไร กลับถูกท่าทีรีบร้อนของโอหยางฉี่หยู่พูดแทรก

แต่หลังจากได้ยินคำพูดของโอหยางฉี่หยู่ ลั่วเสี่ยวปิงกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ก่อนหน้านี้นางเคยบอกโอหยางฉี่หยู่ หากอยากได้พริก จะต้องรอหลังฤดูใบไม้ผลิปีหน้า หรือหาเสื่อน้ำมันมาให้ได้ และไวที่สุดอย่างน้อยก็สองเดือนถึงจะเก็บเกี่ยวได้

นางเชื่อว่าโอหยางฉี่หยู่ไม่มีทางลืมแน่ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมาอย่างรีบร้อน จะต้องเพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน ถึงทำให้เขากระวนกระวายเช่นนี้

เดิมโอหยางฉี่หยู่ยังมีท่าทีค่อนข้างร้อนใจ เมื่อลั่วเสี่ยวปิงพูดขึ้นมา จู่ๆก็วูบเย็นงลงเหมือนดั่งถูกน้ำเย็นราด ทันใดนั้น โอหยางฉี่หยู่ก็กลายเปลี่ยนเป็นยิ่งซึมเศร้าลง

“หอว่านเซียงก็เริ่มขายเห็ดแล้ว” โอหยางฉี่หยู่ก้มหัวลงเล็กน้อย บนใบหน้าเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยเงามืด ทำให้มองไม่เห็นอารมณ์ของเขาในตอนนี้

โอหยางฉี่หยู่ชอบสวมชุดสีแดงที่สุด อย่างน้อยตอนที่นางเคยเห็น ส่วนมากแล้วล้วนมักสวมชุดสีแดง

ความรู้สึกที่มีต่อเขาเป็นแบบอ่อนโยนสง่างามแบบนั้น แต่ก็แฝงไปด้วยความฉลาดแกมโกงของนักธุรกิจ ราวกับสุนัขจิ้งจอกหน้าหยก

ท่าทีอย่างในตอนนี้ กลับทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกไม่คุ้นเคย

แต่ความรู้สึกบอกกับนางว่า เรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น

เรื่องเห็ดไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องถูกเปิดเผยออกไป หากหอฝูหม่านอยากอาศัยเพียงเห็ดไปบริหารจัดการ งั้นก็หยุดผักแต่แรกดีกว่า

และคนอย่างโอหยางฉี่หยู่...... ความรู้สึกบอกกับนางว่า เขาไม่ใช่คนที่เพียงเพราะเรื่องเล็กแค่นี้แล้วทำให้ซึมเศร้าขนาดนี้ ในนี้จะต้องมีอะไรอย่างอื่นแอบแฝงอีกแน่นอน

แต่นางกับโอหยางฉี่หยู่ ยังไม่สนิทสนมกันถึงขั้นนางสามารถถามเรื่องส่วนตัวของเขาได้ ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงเลือกที่จะเงียบ

พริก ที่จริงตอนนี้นางสามารถเอาออกมาได้

ยังไงทุกอย่างในสเพซน้ำแร่วิญญาณ เจริญเติบโตไวมาก ตอนนี้นางก็สะสมไว้บ้าง

แต่ปัญหาเรื่องแหล่งที่มาไม่รู้จะอธิบายยังไง นางก็ยังไม่สามารถที่จะเอาสินค้ามาได้อย่างมากมาย จึงไม่มีหนทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้

“เสื่อน้ำมันคนของข้าหามาได้แล้ว อีกไม่กี่วันข้าจะสั่งคนเอามาให้ ส่วนเรื่องพริกขอให้เจ้าปลูกออกมาให้ได้โดยเร็ว”

เงียบไปอยู่สักพัก โอหยางฉี่หยู่ราวกับกำลังควบคุมอารมณ์ แล้วก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

จู่ๆก็พูดขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง

เสื่อน้ำมัน ในที่สุดก็หาได้แล้ว

ฟ้าสวรรค์ช่างเห็นใจนางจริงๆ แผนการปลูกพืชผักนอกฤดูของนางสามารถเป็นไปตามปกติแล้ว พระเจ้าอวยพรนางจริงๆ

ลั่วเสี่ยวปิงที่มีความสุขปิติยินดี ในใจมีการตัดสินใจครั้งใหม่

“เจ้ารอก่อน”

ลั่วเสี่ยวปิงพูดพร้อมกับไม่รอโอหยางฉี่หยู่ตอบ ก็เดินตรงไปในห้องเก็บฟืน

แกล้งทำเป็นควานหารอบๆฟืนสักพัก แล้วลั่วเสี่ยวปิงก็เอาถุงพริกถุงเล็กออกมาจากในเอาอากาศ ทำเป็นราวกับว่าเอาออกมาจากในกองฟืน

เมื่อตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงเอาพริกออกมาวางตรงหน้าโอหยางฉี่หยู่ สีหน้าโอหยางฉี่หยู่ตกตะลึง

“เจ้า....ทำไม....” บอกว่าไม่มีไม่ใช่หรือ?

“พวกนี้ข้าเก็บมาจากบนเขาก่อนหน้านี้ เดิมคิดว่าจะเก็บไว้กินเอง หากเจ้าต้องการ เอาไปใช้แก้ขัดก่อนก็ได้”

พริกไม่เยอะ น่าจะแค่ประมาณสิบโล สำหรับร้านอาหารแล้ว ถือว่าพอใช้ได้ไม่นาน

แต่หากใช้อย่างประหยัด ขายอย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถแก้ปัญหายามฉุกเฉินได้

ถึงแม้โอหยางฉี่หยู่มองเห็นพริกนิดเดียวขนาดนั้นแล้วก็ค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็ยังรับมาอย่างดีใจ

มีพริกแล้ว โอหยางฉี่หยู่ก็ขอซื้อสูตรอาหารจากลั่วเสี่ยวปิง รสชาติเหลิ่งชือทู่ ล่าจื่อจีกับซวนไช่หวี ถึงตอนนี้เขายังจำได้อยู่

ลั่วเสี่ยวปิงกลับให้สูตรซวนไช่หวีแก่โอหยางฉี่หยู่อย่างเดียวเท่านั้น ยังไงซวนไช่หวีใช้พริกน้อย รสชาติกลับยอดเยี่ยมมาก ใช้เป็นอาหารแนะนำได้เป็นอย่างดี

ส่วนสูตรอย่างอื่น ลั่วเสี่ยวปิงรอหลังจากเก็บพริกได้ก่อน นางค่อยวางแผนอีก

แต่ได้มาเพียงสุตรเดียว โอหยางฉี่หยู่ไม่พอใจอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นหากลั่วเสี่ยวปิงขายสูตรให้กับคนอื่น เขาจะไปร้องไห้กับใคร?

“คุณชายโอหยางวางใจ ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดแล้ว ขอเพียงคุณชายโอหยางหาเสื่อน้ำมันมาได้ ข้าก็จะพิจารณาทำความร่วมมือกับคุณชายโอหยางก่อน จะไม่ผิดคำพูดอย่างแน่นอน” สามารถมองรู้ความรู้สึกของโอหยางฉี่หยู่ ลั่วเสี่ยวปิงจึงพูดรับประกัน

ลั่วเสี่ยวปิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าโอหยางฉี่หยู่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก

บวกกับตอนนี้ ฉีเทียนเห้ากำลังพาลูกทั้งสองคนกลับมา ต่อให้โอหยางฉี่หยู่อยากพูดอะไรอีกก็ไม่กล้า

เดิมอยากที่จะอยู่ทานข้าวด้วยสักมื้อ แต่ภายใต้สายตาของฉีเทียนเห้า โอหยางฉี่หยู่อยากขนาดไหนก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูด บอกลาแล้วก็จากไปทันที

“เขามาทำอะไร?” ฉีเทียนเห้าวางเล่อเล่อลง แล้วก็ถามขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยิน จึงจูงมืออานอานกับเล่อเล่อไปห้องครัวไปด้วย แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาให้ฟังไปด้วย

ในทุกๆวันฉีเทียนเห้าพาอานอานกับเล่อเล่อไปฝึกฝีมือการต่อสู้บนเขาหลายชั่วโมง ตอนนี้ลูกทั้งสองคนเหงื่อไหลท่วมตัว นางจึงต้องอาบน้ำเช็ดตัวให้กับลูกทั้งสองคนก่อน

แต่ก่อนที่จะอาบน้ำเช็ดตัว ลั่วเสี่ยวปิงก็จะทำเหมือนอย่างปกติ ให้ลูกทั้งสองคนดื่มน้ำที่ผสมน้ำแร่วิญญาณ เพื่อช่วยในการขจัดความเมื่อยล้าและเสริมสร้างร่างกาย

และแล้วหลังจากที่ลูกทั้งสองคนดื่มลงไป ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างมาก และลั่วเสี่ยวปิงก็เล่าเรื่องคร่าวเสร็จพอดี

แต่ลั่วเสี่ยวปิงที่กำลังมัวยุ่งกับการจัดการลูกทั้งสองคน จึงไม่เห็นฉีเทียนเห้าที่อยู่ด้านข้าง ขมวดคิ้วขึ้นมาเพราะคำพูดของนาง

“หอว่านเซียง เจ้าพยายามไม่ต้องเผชิญหน้าด้วยตนเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง