แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 142

เด็กสาวเมื่อครู่ คือคนที่ซื้อชุดที่นางออกแบบเป็นชุดแรกในวันที่นางมาขอคุยเรื่องการร่วมลงทุนกับจิ่นเหนียงไม่ใช่หรือ?

นางจำได้ว่าตอนนั้นแม่ของเด็กสาวคนนั้นยังท้องลูกแฝดอยู่อีกด้วย เพราะมองออกว่าสีหน้าของนายหญิงคนนั้นดูแปลกๆ จึงได้กล่าวเตือนไปด้วยความหวังดี

เพียงแต่ นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเท่าไหร่? เหตุใดจึงได้คลอดเร็วนัก?

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ตอนนั้นของคนท้อง ลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ในใจรู้สึกกังวล

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นชีวิตคนถึงสามชีวิตเลยไม่ใช่หรือ?

แต่......

“กำลังคิดอะไรอยู่?”

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังใจลอย เสียงของฉีเทียนเห้าก็ดังขึ้นข้างหูของลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงได้สติขึ้นมาทันที “......เปล่า......”

ทันทีที่เอ่ยปาก ถึงได้สังเกตเห็นว่าฉีเทียนเห้าอยู่ใกล้ตัวเองมาก ยิ่งกว่านั้นยังคงทิ้งไออุ่นอยู่ข้างหู

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่น่าเขินอายเมื่อวาน ใบหน้าของลั่วเสี่ยวปิงเกิดร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เผลอก้าวถอยออกไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

เหตุใดจึงเป็นครึ่งก้าว?

เพราะนางกลัว กลัวว่าถอยหลังหนึ่งก้าวจะถูกฉีเทียนเห้ามองเห็นความผิดปกติ......ก็ได้ ที่จริงครึ่งก้าวแทบจะเหมือนไม่ถอยเลย ยังคงอยู่ใกล้กันมาก

“ข้ายังต้องไปซื้อของที่ร้านขายยาอีก พวกเรารีบไปกันเถอะ”ลั่วเสี่ยวปิงพยายามปกปิดความเขินอาย จึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยตรง

หลังจากนั้น ก็ก้าวเท้าเดินไปทางซ้าย

“ท่านแม่ แม่ไปผิดทางแล้ว ร้านขายยาอยู่ทางขวา”เล่อเล่อรีบเอ่ยเตือนขึ้นมา

ลั่วเสี่ยวปิง:“......แม่รู้ว่าร้านขายยาอยู่ทางขวา แม่ตั้งใจเดินผิดทาง อยากรู้ว่าเล่อเล่อจะจำทิศทางของร้านขายยาได้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าเล่อเล่อของเราจะเก่งขนาดนี้ ยังคงจำได้อยู่”

ลั่วเสี่ยวปิงพูดกลบเกลื่อนอย่างจริงจัง

เล่อเล่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอะใจ ยิ่งกว่านั้นยังมีสีหน้าดีใจที่แม่พูดชมตัวเองอีกด้วย“ใช่แล้ว ความจำของเล่อเล่อดีที่สุด”

อานอานที่อยู่ด้านข้าง:“......”ทนดูไม่ได้

ท่านแม่พูดแบบนี้ คงจะหลอกได้แค่น้องสาวเท่านั้นแหละ

โง่เสียจริง!

ส่วนฉีเทียนเห้ามองดูแผ่นหลังของลั่วเสี่ยวปิงที่กำลังจูงมือเล่อเล่อเดินไปข้างหน้าเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง ในสายตาจึงได้แอบซ่อนรอยยิ้มไว้

ดูเหมือนว่า เขาจะพบอะไรบางอย่าง

ฉีเทียนเห้าที่อารมณ์ดีมาก เอื้อมมือจะไปจับมือของอานอานที่ยืนอยู่ข้างกายเขา

เพียงแต่อานอานก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงมัน

ฉีเทียนเห้า:“......”อารมณ์ดีราวกับกำลังลดลงอย่างกระหน่ำ

ดูเหมือนว่าการจะทำให้เจ้าตัวเล็กยอมรับตัวเองนั้นยังคงเป็นเรื่องยาวไกล

และแล้ว บนท้องถนนก็ปรากฏภาพแปลกประหลาดขึ้น หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง จูงมือเด็กหญิงตัวน้อยน่ารัก ตามด้วยเด็กชายตัวเล็กๆที่ดูน่ารักเหมือนกันเพียงแต่มีใบหน้าจริงจัง และข้างกายเด็กชายตัวเล็กก็มีใบหน้าเย็นชาที่มีรอยแผลเป็นของชายคนหนึ่ง และด้านหลังยังมีชายอีกคนหนึ่งจูงเกวียนวัวไล่ตามมาอย่างช้าๆ

นี่......แน่ใจหรือว่าหญิงงามและเด็กสองคนนี้ไม่ได้ถูกผู้ร้ายเสียโฉมผู้นี้จับเป็นตัวประกัน?

หากถูกจับเป็นตัวประกันจริง โปรดกะพริบตาหน่อยเถอะ พวกเขาจะได้แจ้งความ

ผู้คนต่างพากันกังวลใจแทนลั่วเสี่ยวปิงสามแม่ลูกเป็นอย่างมาก แต่ทั้งสามคนกลับไม่รู้ ระหว่างทางเมื่อเจอสิ่งของที่อานอานและเล่อเล่อชอบ ลั่วเสี่ยวปิงก็ซื้อของเหล่านั้นด้วย

ในเวลานี้พวกเขาอยู่บนเส้นทางที่จะไปเหรินโซ่วถังแต่จะไปที่นั่นจะต้องผ่านหอฝูหม่าน ตอนที่เดินผ่านหอฝูหม่าน ลั่วเสี่ยวปิงเห็นว่าหน้าประตูหอฝูหม่านเต็มไปด้วยผู้คน

เมื่อเห็นภาพนี้ ลั่วเสี่ยวปิงรู้ดี ว่าต้องเป็นเพราะหอฝูหม่านเสนอเมนูซวนไช่หวีออกมาแน่นอน

คิดไม่ถึงว่า คนโบราณจะชอบกินซวนไช่หวีกันขนาดนี้

เพียงแค่มองดูสถานการณ์ตรงหน้า คาดว่าพริกของโอหยางฉี่หยู่คงใช้ได้อีกไม่นาน โอหยางฉี่หยู่จะต้องมาหานางอีกในไม่ช้า

ขณะที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ยินคนที่ยืนต่อแถวอยู่ข้างหลังพูดบ่น

“เฮ้อ ในหนึ่งวันซวนไช่หวีมีเพียงสามสิบที่ และถึงแม้พวกเราจะต่อแถวได้แล้ว เกรงว่าคงได้แค่ดมกลิ่นหอมๆเท่านั้นแหละ”

“เฮ้ เจ้าไม่ต่อแถว เจ้าก็ออกไปเร็วๆสิ ให้ข้าไปอยู่ข้างหน้า”มีใครบางคนตอบกลับมาตรงๆ

“เหอะ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ข้าต่อแถวอยู่ข้างหน้า ไม่แน่ว่าข้าอาจจะได้คิวในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ก็ได้ ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ว่าส่วนผสมสำหรับซวนไช่หวีนั้นมีจำกัด? กินหนึ่งมื้อก็น้อยลงหนึ่งมื้อ คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะยอมถอยให้เจ้า”

“ไม่ถอยก็ไม่ถอยสิมาบ่นอยู่นี่ทำไม......”

ระหว่างที่เดินอยู่ ลั่วเสี่ยวปิงก็ฟังการสนทนาของผู้คนไปด้วย จากในนั้นก็ถือว่าได้รู้ความนิยมของซวนไช่หวี

และในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงร้องตกใจของเล่อเล่อ

“ท่านแม่ คุณปู่คนนั้นดูน่ากลัวเหลือเกิน”

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินแบบนั้น ก็มองตามสายตาของเล่อเล่อ แล้วจึงเห็นเจ้าของร้านหอว่านเซียงยืนอยู่หน้าประตูหอว่านเซียงพอดี

ในเวลานี้หอว่านเซียงและหอฝูหม่านดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แทบจะสามารถใช้คำว่าหน้าประตูกางตาข่ายจับนกมาเปรียบเทียบได้

และหน้าประตูของหอว่านเซียง เจ้าของร้านและคนงานคนหนึ่งกำลังยืนมองโอกาสทองของหอฝูหม่านอยู่

ณ เวลานี้ ใบหน้าของเจ้าของร้านหอว่านเซียงมืดมนจนดูน่ากลัว ทำให้ผู้คนที่มองรู้สึกหนาวสั่นในใจ

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ยืนตรงหน้าประตูหอฝูหม่านนานนัก จับมือเล่อเล่อแล้วเดินหน้าต่อไป แต่อารมณ์กลับดูหนักอึ้ง

มองจากสีหน้าของเจ้าของร้านหอว่านเซียงก็รู้ ว่าเขาไม่ใช่คนดี ยิ่งกว่านั้นยังอาจจะเป็นคนเลวร้ายอีกด้วย

คนเช่นนี้ หากรู้ว่าคนที่ร่วมมือกับหอฝูหม่านคือตัวเอง เขาจะต้องลงมือกับตัวนางแน่นอน

ดูเหมือนว่าฉีเทียนเห้าจะกล่าวไว้ไม่ผิด นางจะต้องรู้จักป้องกันตัว

ความเปลี่ยนแปลงของลั่วเสี่ยวปิง แน่นอนว่าฉีเทียนเห้ามองมันอยู่ในสายตา

สายตาของฉีเทียนเห้าเพียงแค่เหลือบมองหอว่านเซียง สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนัก

ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มคนก็มาถึงหน้าประตูเหรินโซ่วถัง

ลั่วเสี่ยวปิงเดินเข้าไปคนเดียว คนงานในร้านรีบเข้ามาต้อนรับ“ลูกค้ามาหาหมอหรือมาซื้อยาขอรับ?”

เห็นได้ชัด ว่าคนงานจำลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้

“ข้ามาซื้อยา”ลั่วเสี่ยวปิงกล่าว จากนั้นก็บอกชื่อสมุนไพรออกมา

เพียงแต่หลังบอกชื่อหมดแล้ว คนงานของร้านกลับไม่ขยับ

เนื่องจากชื่อยาที่ลั่วเสี่ยวปิงบอกไปมันไม่สัมพันธ์กัน คนงานของร้านจึงไม่กล้าหยิบยาไปเรื่อย

การเคลื่อนไหวทางนี้ดึงดูดความสนใจของเจ้าของร้าน เจ้าของร้านรีบเดินเข้ามา“มีอะไรหรือเสี่ยวหมัน? ลูกค้าให้เจ้าไปหยิบยาเหตุใดจึงยังนิ่งอยู่ไม่ขยับ?”

คนงานที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวหมันได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบบอกชื่อสมุนไพรที่ลั่วเสี่ยวปิงต้องการขึ้นมารอบหนึ่ง

เจ้าของร้านเองก็ดูแปลกใจมากเมื่อได้ยินชื่อสมุนไพรที่ฟังดูไม่สัมพันธ์กันเช่นนี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางลั่วเสี่ยวปิง

เพราะอย่างไร แม้ว่าเหรินโซ่วถังจะขายยา แต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อลูกค้าที่มาหยิบยาด้วย จะขายของไปเรื่อยไม่ได้ไม่ใช่หรือ?

ไม่เช่นนั้น ยาที่ขายออกไปไม่ช่วยคน แต่กลับจะทำร้ายคนเอา

เพียงแต่ตอนที่สายตาของเจ้าของร้านมองมาทางลั่วเสี่ยวปิง เจ้าของร้านก็รู้สึกคุ้นตา ราวกับว่าเคยพบที่ใดมาก่อน

“เจ้า......”เจ้าของร้านไม่แน่ใจ

หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ หากเขาเคยพบจะต้องจำได้สิ

แต่ในความทรงจำเขากลับจำไม่ได้ว่าเคยพบหญิงสาวคนนี้ แต่ดันเป็นสาวงามที่ไม่เคยพบคนนี้ ทำให้เขามีความคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้

สิ่งนี่ทำให้สีหน้าของเขาเกิดความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่ได้เจอกันสักพักแล้ว เถ้าแก่จำข้าไม่ได้หรือ?”ลั่วเสี่ยวปิงยิ้ม

นางรู้ว่าใบหน้าของนางเปลี่ยนไปมากขนาดไหน เป็นเรื่องปกติที่คนในร้านขายยาจะจำนางไม่ได้

“เจ้า......”เจ้าของร้านได้ยินเสียงนี้ ก็รู้สึกคุ้นเคย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ“เจ้าคือแม่นางลั่วหรือ?”

“ห้ะ?” เสี่ยวหมันมีสีหน้าประหลาดใจ มองลั่วเสี่ยวปิงสลับขึ้นลง

แม่นางลั่ว นั่นเป็นถึงคนดังของเหรินโซ่วถัง

อย่างไรเสียการแสดงฝีมือของแม่นางลั่วก่อนหน้านี้ ทุกคนยังคงมีความประทับใจอย่างลึกซึ้ง

ยิ่งกว่านั้นทุกครั้งที่แม่นางลั่วมา ยังสามารถเป็นแขกผู้มีเกียรติของท่านซุนอีกด้วย ใครจะไม่รู้สึกคุ้นเคยกับนางบ้าง?

เพียงแต่ ความแตกต่างของหน้าตานี้มันจะมากเกินไปหรือเปล่า?

ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นเอง ท่านซุนก็วิ่งออกมาอย่างเร่งรีบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง