“พวกเจ้า พวกเจ้าอย่าลืมนะ ตอนที่เสี่ยวปิงอยากจะพาพวกเจ้าไปปลูกผัก เป็นพวกเจ้าที่ดูถูกและปฏิเสธไปเอง ทำไม?ในเวลานี้พวกเจ้ากลับบอกว่าเสี่ยวปิงอกกตัญญูกัน?ใครอกกตัญญูกันแน่ ในใจของพวกเจ้าคิดไม่ได้เลยหรือ?”
ไม่ต้องรอให้ลั่วเสี่ยวปิงพูด ผู้ใหญ่บ้านจางเต๋อหวั่งก็พูดอย่างโกรธเคืองด้วยใบหน้าเขียว
เมื่อจางเต๋อหวั่งกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของหลายคนก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
แต่ก็มีบางคนที่ไม่ยอมแพ้ พูดว่า “ผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นพวกเราไม่รู้นี่ว่าของพวกนั้นจะสามารถปลูกผักในฤดูหนาวได้จริงๆไม่ใช่หรือ?”
“เหอะ?ไม่รู้?ยังมีหน้ามาพูดอีก” สีหน้าของจางเต๋อหวั่งไม่สู้ดี “วันนั้นพวกเจ้าเป็นคนเลือกเอง วันนี้พวกเจ้าไม่มีสิทธ์จะมาบังคับให้นางรับปาก นอกจากนางจะเต็มใจเอง ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าใครก็ห้ามคิดจะใช้คำพูดหน้าไม่อายพวกนั้นมาบังคับนาง”
จางเต๋อหวั่งเป็นผู้ใหญ่บ้านและคำพูดของเขาค่อนข้างทรงพลัง
ชาวบ้านหลายคนหงอไป แต่ชาวบ้านบางคนกลับยังไม่ยอมแพ้
จางเต๋อหวั่งเป็นคนแก่ที่ผ่านโลกมามาก ทำไมจะมองไม่เห็นแผนการในใจของพวกเขา?
ดังนั้นเขาจึงเตือนอย่างเย็นชาว่า “ใครก็อย่าคิดจะเล่นลูกไม้อะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน”
การขับไล่ออกจากหมู่บ้านเป็นสิ่งที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่กล้าที่จะคิด
เพราะถ้าหากพวกเขาถูกไล่ออกจากหมู่บ้านจริงๆ ก็เท่ากับว่ารอความตาย
ใครจะไม่อยากมีชีวิตอยู่?
แน่นอนว่าก็ยังมีคนอย่างแม่หม้ายหลี่อยู่
นางรู้สึกว่าลูกของนางเป็นซิ่วฉาย ฐานะนั้นย่อมเหนือกว่าคนอื่น ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจกับคำขู่ของผู้ใหญ่บ้าน
ในเวลานั้นเองก็พูดว่า“พวกเราไปบังคับนางตรงไหนกัน?ผู้ใหญ่บ้านท่านคำพูดของท่านต้องมีมโนธรรมหน่อยนะ ทำไมท่านถึงกินเนื้อได้ พอพวกเราดื่มน้ำแกงบ้างถึงไม่ได้ล่ะ?”
“อีกอย่าง นางถามคนอื่นว่าต้องการจะปลูกผักหรือไม่ แต่ไม่ได้ถามครอบครัวของพวกเราเลย ถ้านางถาม ข้าก็คงจะตอบตกลงตั้งแต่แรก จะรอให้ถึงวันนี้ทำไมกัน?”
คำพูดของแม่ม่ายหลี่ช่างไร้ยางอายจริงๆ
ทำไมตอนนั้นลั่วเสี่ยวปิงไม่ถามครอบครัวของพวกเขาว่าต้องการจะปลูกผักหรือไม่ทุกคนรู้แก่ใจดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเขากับลั่วเสี่ยวปิงย่ำแย่แค่ไหน ตอนแรกที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดถึงการปลูกผัก ก็เพียงเพื่อขอบคุณชาวบ้าน
ทำไมต้องขอบคุณ?นั่นไม่เพราะเรื่องที่ชาวบ้านออกแรงช่วยนางตามหาลูกหรือ?
แม้ว่าในความเป็นจริง ชาวบ้านจะออกแรงหรือไม่ก็ไม่ต่าง แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกขอบคุณเช่นกัน และหลังจากที่ทุกคนปฏิเสธ นางก็ยังคงส่งเนื้อให้ครอบครัวของทุกคนเพื่อเป็นการขอบคุณ
แต่ครอบครัวของแม่หม้ายหลี่ ตอนนั้นอย่าพูดถึงเรื่องช่วยเหลือเลย ตอนนั้นแม่หม้ายหลี่มั่นใจมากว่าในหมู่บ้านว่าต้องหาเด็กไม่เจอแน่ ตอนนั้นยังพูดอย่างได้ใจอีก และทุกคนก็ไม่ได้ความจำเสื่อม ยังจำได้ดี
พอมาวันนี้ กลับพูดคำพูดไร้ยางอายพวกนี้ออกมา
จางเต๋อหวั่งเกือบจะโมโหจนตากหงายกับคำพูดของไร้ยางอายของแม่หม้ายหลี่ ดีที่ลั่วเสี่ยวปิงเห็นก่อน จึงรีบก้าวไปข้างหน้าประคองจางเต๋อหวั่ง
เมื่ออั้นหวู่เห็นอย่างนั้น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ แล้วประคองจางเต๋อหวั่งแทนลั่วเสี่ยวปิง
ลั่วเสี่ยวปิงจับชีพจรของจางเต๋อหวั่ง และรู้ว่าเลือดลมของจางเต๋อหวั่งกำลังพลุ่งพล่าน ดังนั้นจึงโล่งใจ
ในเวลานี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้ยา ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงแอบหยิบเข็มเงินออกมา แล้วแกล้งทำเป็นว่าเอามันออกจากแขนเสื้อ และฝังเข็มตรงจุดหนึ่งบนร่างกายของจางเต๋อหวั่ง
จางเต๋อหวั่งแค่รู้สึกชาตรงนั้น จากนั้นเขาก็รู้สึกสดชื่น และแววตาของเขาก็ซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเขามองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง
คนอย่างลั่วเสี่ยวปิง ไม่ใช่สิ่งที่จะยุ่งด้วยจริงๆ
ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ว่าจางเต๋อหวั่งกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นว่าจางเต๋อหวั่งไม่เป็นไร ลั่วเสี่ยวปิงก็วางเข็มเงินในมือแล้วมองไปที่แม่หม้ายหลี่อย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...