“ท่านกลับมาช้าไปแล้ว”ใบหน้าเล็กของอานอานดูจริงจัง แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะเล็กนิดเดียว และมีน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ใจที่อยากปกป้องแม่นั้นมีอยู่เป็นอันดับแรก ยิ่งกว่านั้นบรรยากาศรอบตัวยังก่อขึ้นเองตามธรรมชาติ จึงทำให้ไม่สามารถละเลยคำพูดของเขาได้
อย่างน้อยฉีเทียนเห้าก็รู้สึกว่า หากตัวเองไม่สามารถนำกฎบัตรที่ดีออกมาได้ เกรงว่าบุตรชายคนนี้คงจะโกรธเขาจริงๆเข้าเสียแล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉีเทียนเห้าผู้ไม่แสดงสีหน้าใดๆต่อหน้าทหารนับพัน แต่กลับมีร่างกายแข็งทื่อต่อหน้าบุตรชาย“ข้าให้สัญญา วันพรุ่งนี้ ข้าจะจัดงานแต่งอย่างงดงามเป็นหน้าเป็นตาให้แก่แม่ของเจ้า จะไม่ให้นางต้องลำบากอย่างแน่นอน”
ดวงตาของพ่อลูกทั้งสองคนสบเข้าหากัน ราวกับมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป
นานพอสมควร อานอานถึงได้กล่าวขึ้นมาว่า“หวังว่าท่านจะทำได้อย่างที่พูด”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา อานอานเหลือบมองฉีเทียนเห้า จากนั้นเอามือไขว้หลัง ผู้ใหญ่และเด็กเล็กก็พากันกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ฉีเทียนเห้าเข้าใจ ว่าสายตานั้นของบุตรชายตัวเองแสดงให้เห็นว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะให้ตัวเอง ซึ่งมันทำให้ฉีเทียนเห้ารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เดิมที เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครกล้ามาท้าทายเขาเช่นนี้ และยิ่งกว่านั้นเขายังอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนกว่า
แต่เมื่อคิดในทางกลับกัน ในใจฉีเทียนเห้าก็รู้สึกภาคภูมิใจ:นี่แหละคือเชื้อของเขา
สำหรับเล่อเล่อ ถูกหนานเฉินอุ้มออกไปจากสายตาของฉีเทียนเห้านานแล้ว
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงแค่ฉีเทียนเห้ากับลั่วเสี่ยวปิง ตอนนี้เองฉีเทียนเห้าถึงได้มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง ในสายตามีความรู้สึกอ่อนล้าและโหยหา
เดิมที เขาสามารถกลับมาได้เร็วกว่านี้
แต่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทาง และใช้เวลาเล็กน้อยในการจัดการกับมัน จึงส่งผลให้กลับมาถึงในเวลานี้
ด้วยเหตุผลนี้ เขารับรู้ทุกสถานการณ์ที่เกี่ยวกับที่นี่ เขารู้สึกเพียงแค่ว่าตัวเองทำให้ลั่วเสี่ยวปิงต้องพบกับความลำบากใจ
ในทางกลับกัน ตอนแรกที่ลั่วเสี่ยวปิงได้เจอฉีเทียนเห้านางรู้สึกประหลาดใจ และหลังจากที่ได้เห็นฉีเทียนเห้ากับเล่อเล่อได้พบหน้ากันอีกครั้งความวุ่นวายก็ได้ท่วมท้นขึ้นในใจ และในที่สุดตอนนี้ก็สามารถคุยได้อย่างใจเย็นแล้ว
เพียงแต่ฉีเทียนเห้ากอดนางไว้ตลอดเวลาไม่ปล่อยมือ ตอนนี้เองถึงได้สติกลับมา นางถูกฉีเทียนเห้าจ้องมองอยู่เช่นนี้ ทำเอานางรู้สึกอึดอัด จึงได้ยื่นมือออกไปผลักฉีเทียนเห้าออก
แต่เมื่อลั่วเสี่ยวปิงวางมือไว้บนอกของฉีเทียนเห้า ฉีเทียนเห้ารู้สึกเพียงแค่ว่าในใจปั่นป่วน จึงได้กอดลั่วเสี่ยวปิงแน่นขึ้น จนทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่สามารถดันออกได้เลย
แม้ว่าลั่วเสี่ยวปิงจะหน้าด้าน แต่ในเวลานี้ก็อดที่จะเขินอายไมได้“เจ้าปล่อยข้านะ”
นี่ยังอยู่ในห้องโถงอยู่เลย นี่หากเกิดคนนอกเข้ามาเห็นแล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ในความเป็นจริง ความกังวลของลั่วเสี่ยวปิงนั้นไม่จำเป็นเลย
เพราะตั้งแต่ที่หนานเฉินออกไป ก็ปิดกั้นความเป็นไปได้ทั้งหมดที่อาจมาขัดความสุขของนายตน
ก็ไม่รู้ว่าสีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงกำลังโกรธหรืออายอยู่ ในเวลานี้ใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉีเทียนเห้ารู้สึกเพียงแค่ว่าปากคอแห้ง
“ข้าขี่ม้ามาสองวันสองคืน อยากทานข้าวแล้ว”
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทันใดนั้นฉีเทียนเห้าก็กล่าวขึ้น
ลั่วเสี่ยวปิงตอบสนองไม่ทันไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า“ข้าวอะไร?”
จากนั้น ฉีเทียนเห้าก็พุ่งเข้าหาลั่วเสี่ยวปิง แล้วทิ้งคำพูดคลุมเครือไว้ข้างหูของลั่วเสี่ยวปิง“อยากให้เจ้าเชื่อฟังข้าดีๆ”
เดิมทีลั่วเสี่ยวปิงอยากจะไปทำอาหารให้ฉีเทียนเห้าทาน เพราะฉีเทียนเห้าบอกว่าเขาขี่ม้าไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และเห็นว่าเขาดูเหนื่อยล้า แต่เมื่อได้ยินฉีเทียนเห้ากล่าวคำนี้ออกมา และยังพูดอยู่ข้างหูตัวเองอีก ทำเอาหูของลั่วเสี่ยวปิงแดงไปหมด
พูดตามตรง เมื่อได้เห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยล้าของฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงก็หายโกรธ
สำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้ อันที่จริงลั่วเสี่ยวปิงเองก็ไม่ได้คาดหวังไว้สูงนัก
แต่จู่ๆฉีเทียนเห้าก็กล่าวขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้นางเขินอายมากขึ้นไปอีก และไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ลั่วเสี่ยวปิงผลักฉีเทียนเห้าออก“เจ้าบอกว่าจะมอบงานแต่งที่งดงามเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ข้าไม่ใช่หรือ ตอนนี้มีเวลาไม่มากแล้วนะ”
พูดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เตรียมจะเข้าไปในห้อง
แต่กลับถูกฉีเทียนเห้าดึงเอาไว้“เจ้าอยากให้มันงดงามขนาดไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...