แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 276

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้เล่นตุกติกอะไร นางกล่าวว่า “ข้ายังมีต้นกล้าอยู่ ข้าย้ายมาปลูกที่นี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ทันฤดูนี้ แต่ก็ยังทันช่วงสุดท้ายหลังปี”

ต้นกล้าที่ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวถึงนี้ มิได้หมายถึงในสเพช แต่มันอยู่ในหุบเขา

นางไม่มีเวลาไปดูผักที่อยู่ในหุบเขา แต่นางได้ให้หนานซิงและคนอื่นๆไปดูมาแล้วว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง และตัวนางนางก็รู้ดี

เมล็ดพันธุ์ที่นางหว่านไปครั้งล่าสุด ย้ายมาปลูกตอนนี้จะโตหลังปีใหม่พอดี

เมื่อคนครอบครัวนี้ได้ยินเสี่ยวปิงพูดเช่นนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความซึ้งใจ

แม้ว่าเรือนกระจกที่ถล่มลงมาจะไม่ใช่ของพวกเขา แต่เถ้าแก่เสี่ยวปิงที่เป็นคนดีเช่นนี้ ต่อไปหากพวกเขามีเรื่องกระไร คงเป็นไปไม่ได้ที่เถ้าแก่เสี่ยวปิงจะไม่สนใจ

ถ้าอยู่กับเจ้านายแบบนี้ อนาคตมีเรื่องจะดีขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนเรื่องหมู่บ้านเฉินเจีย ลั่วเสี่ยวปิงไม่จำเป็นต้องไปดูแลด้วยตนเองแล้ว ฉะนั้นไม่นานลั่วเสี่ยวปิงก็กลับไป

เมื่อกลับไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ให้หนานซิงพาหลี่ต้าไปที่หุบเขาพรุ่งนี้ ไปเอาต้นกล้ามาส่วนหนึ่งแล้วไปช่วยที่หมู่บ้านเฉินเจีย

หลังจากสั่งการเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็มิได้สนใจเรื่องพวกนี้อีกต่อไป นางอยู่แต่กับลูก และรอผลการสอบสวนของอั้นหวู่

อั้นหวู่ทำงานไม่ช้าเช่นกัน เช้าวันรุ่งขึ้นหนานซิงเพิ่งพาหลี่ต้าออกไป อั้นหวู่ก็นำผลการสอบสวนกลับมาแล้ว

“ตระกูลฮัว…” สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงดูไม่ดีเท่าไหร่

“ใช่ขอรับ นายหญิง เนื่องจากหอฝูหม่านเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้หอว่านเซียงของตระกูลฮัวได้รับผลกระทบทางการค้าขายอย่างมาก นายท่านสามฮัวจึงทำตามคำแนะนำที่ไม่ดีของคนรอบข้าง........”

“คนรอบข้างที่เจ้าว่ามานั้นคือใครหรือ?” ลั่วเสี่ยวปิงจับประเด็นสำคัญนประโยคได้

อั้นหวู่ลังเลที่จะตอบหลังจากได้ยินเช่นนี้

“มีอะไรที่เจ้าพูดไม่ได้หรือ?” ลั่วเสี่ยวปิงสงสัย

อั้นหวู่ส่ายหน้า " ไม่ใช่ขอรับ คนๆ นั้นคือคนของตระกูลลั่ว ลั่วเหอซิ่ง"

แม้เขาจะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินและตระกูลลั่วไม่ดีเท่าไหร่ แต่จะว่าอย่างไรฮูหยินก็ยังใช้นามสกุลลั่วอยู่ เขากังวลว่าหลังจากที่ฮูหยินได้ยินเช่นนี้แล้ว นางจะรู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงลังเลที่จะกล่าว

แต่อั้นหวู่ประเมินลั่วเสี่ยวปิงต่ำไป และประเมินความสำคัญของคนพวกนั้นที่มีต่อนางสูงไป

หลังจากได้ยินว่าเป็นลั่วเหอซิ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่แปลกใจเลย

แม้ว่าลั่วเหอซิ่งจะเป็นซิ่วไฉ แต่นางก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนที่มีแค่ความคิดร้ายๆในหัว

ก่อนหน้านี้ นางเห็นว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นคนของตระกูลลั่ว ดังนั้นนางจึงไม่ฆ่าทุกคนในตระกูลลั่ว และเมื่อรู้ว่าลั่วเหอซิ่งเสียโอกาสในการสอบจอหงวนเพราะทำตัวเอง นางก็ไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่นัก

ตอนนี้ดูเหมือนว่าลั่วเหอซิ่งจะสนิทสนมกับนายท่านสามฮัว

ปลาเน่าก็ยังคงเป็นปลาเน่าอยู่วันยังค่ำ ถ้าไม่จัดการให้ทันเวลา สักวันก็จะส่งผลไม่ดี

“ตอนนี้ลั่วเหอซิ่งอยู่ที่ใด?” ลั่วเสี่ยวปิงถาม

"อยู่ที่เรือนเรียนในเมือง" ตอนอั้นหวู่สืบเรื่องนี้ เขาได้สืบถึงลั่วเหอซิ่งไปด้วย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงหยุดชะงักและมองไปที่อั้นหวู่ด้วยความประหลาดใจ “เขาถูกตัดสิทธิ์จากการสอบรอบเมืองไปแล้วมิใช่หรือ?”

อั้นหวู่กล่าว “ตระกูลลั่วแยกทางกันแล้ว เขาไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับพี่คนโตและคนรองของตระกูลลั่วที่ทำผิด อีกอย่างมีนายท่านสามฮัวคอยช่วยอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นสิทธิ์ในการสอบของลั่วเหอซิ่งไม่ได้รับผลกระทบกระไร”

ลั่วเสี่ยวปิงนวดที่หน้าผากของตนแล้วนึกถึงสิ่งนี้

ตอนนั้นที่ตระกูลลั่วแยกทางกัน ย่าลั่วได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ เหลือไว้เพียงแค่ลั่วเหอซิ่ง ก็เพื่อที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการสอบจอหงวนของลั่วเหอซิ่ง

หากเป็นเช่นนี้ นางก็รู้วิธีจัดการกับลั่วเหอซิ่งแล้ว

ลั่วเหอซิ่งให้ความสำคัญกับการสอบครั้งนี้อย่างมากมิใช่หรือ?

เช่นนั้น นางจะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างไป

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ใช่คนที่ตอบแทนความแค้นด้วยใจบุญ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลั่วเสี่ยวปิงเล่าสิ่งที่ตัวเองคิดให้อั้นหวู่ฟัง และให้อั้นหวู่ไปดำเนินการ

ส่วนคุณชายสามฮัว ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไปเช่นนี้เหมือนกัน

ตอนนี้นางไม่มีอำนาจที่จะต่อสู้กับตระกูลฮัว แต่ทำให้นายท่านสามฮัวเจ็บเนื้อเจ็บตัว นางพอทำได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลั่วเสี่ยวปิงไปที่ห้องของอานอาน แล้วหยิบพู่กันและกระดาษมา จากนั้นก็เขียนใบยา

หลังจากเขียนแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็มอบให้พ่อบ้านฮันหลิน ให้เขานำไปส่งไปที่หอฝูหม่าน

ในเวลานี้ ตระกูลลั่วสามัคคีกันอย่างมาก

มีย่าลั่วเป็นคนหลัก ทั้งครอบครัวใหญ่และรองต่างก็เข้ามาลั่วเหอซิ่งที่เพิ่งกลับมาจากในเมือง ทุกคนต่างก็มีความสุขอย่างมาก

“เหอซิง เจ้าเก่งกาจมาก ดูซิว่าเจ้าเด็กนั่นจะอวดดียังไงอีก” ย่าลั่วมีความสุขมาก ยิ่งลั่วเสี่ยวปิงซวยแค่ไหนนางก็ยิ่งมีความสุข

“ใช่แล้ว เจ้าเด็กนั่นเอาแต่ผลดีให้ตัวเอง ไม่แบ่งให้เราบ้างเลย สมน้ำหน้า แต่ทำไมเจ้าไม่ทำให้เรือนกระจกของนางล้มไปทั้งหมดล่ะ?” จ้าวซื่อกล่าวตาม

“ป้ารอง ระวังคำพูดด้วย” ลั่วเหอซิ่งมองไปที่จ้าวซื่อด้วยท่าทีเย็นชา

จ้าวซื่อรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อถูกมองเช่นนี้ ฟ่านลี่ฮัว ตอบ" จ้าวซื่อ พูดจาไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด เหอซิ่งพังเรือนกระจกกระไรกัน? นั่นเป็นเพราะฟ้าเองก็ทนกับลั่วเสี่ยวปิงไม่ไหว จึงมีหิมะตกเพื่อลงโทษนาง”

จ้าวซื่อกลอกตาในใจ แต่นางกลับพยักหน้าตาม “ใช่ๆ ฟ้าทนนางไม่ไหว หวังว่าฟ้าจะลงโทษนาง ทำให้เรือนกระจกของนางพังทั้งหมด”

“บูม.....”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นที่ลานบ้าน

ทุกคนในตระกูลลั่วแข็งทื่ออย่างมาก จากนั้นพวกเขาก็มองจ้องไปที่เล้าหมู และเห็นว่าโรงหมูพังทลายจนสิ้นซาก

“ให้ตายเถอะ หมูของข้า”

เสียงร้องลั่นของย่าลั่วดังขึ้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงสบถด่าทอดังขึ้น “จ้าวซื่อไอ้คนขี้เกียจ ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าหิมะบนหลังคาโรงเลี้ยงจะต้องทำความสะอาดจัดการทิ้ง? หมูตายไปแล้วปีนี้เราจะทำยังไง?”

จ้าวซื่อ “ท่านแม่ จะปีใหม่แล้วมิใช่หรือ? เราฆ่ากินเองเสียเลย....”

“ไอ้สารเลว กินเจ้าให้ตายเอาหรือไม่? ยังคิดอยากกินหมูของข้าอีก...”

นอกจากเสียงดุด่าทอในลานบ้านแล้ว ยังมีภาพที่ย่าลั่วกำลังไล่ตีจ้าวซื่อด้วยไม้กวาด

เมื่อมองเห็นภาพนี้ สีหน้าของลั่วเหอซิ่งนั้นแย่อย่างมาก เขามองไปที่แม่ของตน

“วันนี้มีการบ้านมากเกินไป ข้าจะทบทวนบทเรียนช่วงปีใหม่ จะไม่กลับมาที่นี่แล้ว”

แม้ว่าพวกเขาจะตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงตัดขาดความสัมพันธ์ นอกจากความขัดแย้งในตอนเริ่มแล้ว พวกเขายังคงใช้ชีวิตเช่นเดิม

ดังนั้นแม้ว่าลั่วเหอซิ่งจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟ่านลี่ฮัวในวงศ์ตระกูล แต่ในท้ายที่สุดในหัวใจของฟ่านลี่ฮัวยังมองลั่วเหอซิ่งเป็นลูกชายของตนอยู่ ฉะนั้นหลังจากที่ลูกชายกล่าวฟ่านลี่ฮัวก็นำเงินทั้งหมดที่ติดตัวอยู่ออกมาแล้วมอบให้ลั่วเหอซิ่ง

“หมูตายแล้ว เดี๋ยวจะเชือดหมูกัน เรารอกินก่อนแล้วค่อยไปได้หรือไม่? หรือว่าเจ้าจะนำเนื้อหมูไปกินในเมือง?” หมูที่ตายแล้วขายได้เงินไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นปีนี้ทางครอบครัวจะเก็บเนื้อหมูไว้เยอะกว่าปกติ

ลั่วเหอซิ่งขมวดคิ้ว “ท่านแม่ ข้าไปเรียน ไม่สนใจเรื่องอาหารการกินเหล่านี้หรอก”

อันที่จริงลั่วเหอซิ่งได้กินของดีๆมามากมายแล้ว จึงไม่อยากกินเนื้อหมูที่ตายแล้ว

แม้แต่หมูตายที่เพิ่งถูกทับตายก็ตาม

เมื่อฟานลี่ฮัวได้ยินเช่นนี้ นางเพียงรู้สึกว่าลั่วเหอซิ่งนั้นโตแล้ว สามารถเป็นความหวังของตระกูลได้แล้ว อนาคตเขาจะต้องสอบติดอย่างแน่นอน แค่นี้นางก็พอใจอย่างมาก

"เจ้ารอก่อน"

ฟ่านลี่ฮัวพูดแล้วกลับไปที่ห้อง จากนั้นเอาเงินที่ตนเก็บสะสมไว้ให้ลั่วเหอซิ่ง

“ของพวกนี้เจ้าเอาไปเลย ถ้าไม่พอมาขอแม่อีก เรียนหนังสือนั้นลำบากอย่างมาก เจ้าอย่าได้ลำบากตนเลย”

ลั่วเหอซิ่งรับเงินจากมือของฟ่านลี่ฮัวไปอย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็กลับไปโดยไม่ลาใครเลย

หลังจากย่าลั่วไล่ตีจ้าวซื่อเรียบร้อยแล้วเห็นว่าหลานสุดที่รักของตนกลับไปแล้ว และได้รู้ข่าวที่หลานไม่กลับบ้านช่วงปีใหม่อีก และตนไม่มีแม้แต่โอกาสบอกลากับหลานตัวเอง ย่าลั่วจึงโกรธเคืองอย่างมาก แต่ไล่ตีจ้าวซื่ออีกครั้ง.........”

เมื่อเวลาผ่านไปมาถึงวันที่27เดือนธันวาคมแล้ว

ประเพณีในวันนี้คือการ “ฆ่าไก่และไปซื้อของที่ตลาดใหญ่” ดังนั้นวันนี้ในเมืองจะมีชีวิตชีวามาก

ลั่วเสี่ยวปิงพาเด็กทั้งสองคนไปในเมือง พวกเขาไม่ได้รีบไปตลาด แต่ไปที่หอฝูหม่านแทน

เพราะในวันนี้ นางจะรอดูหอว่านเซียงของเมืองซีเหอล้มละลาย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง