จนกระทั่ง เหรินยี่ถังดำเนินการเข้าสู่วันที่สาม ร้านค้าโดยรอบก็ทยอยปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่
อันดับแรกร้านที่อยู่ข้างๆ เหรินยี่ถัง เปิดร้านอาหารเล็กๆ มีชื่อว่า 'ร้านอาหารฝูหม่าน'
เล่ากันว่าร้านอาหารฝูหม่านนี้ ก็เปิดกิจการโดยเจ้าของของหอฝูหม่าน ด้านในล้วนมีอาหารราคาถูก ซึ่งประชาชนคนธรรมดาสามารถจ่ายไหว
ต่อจากนั้น ตรงกันข้ามของเหรินยี่ถังก็เปิดร้านชานม
ซึ่งชานม บัดนี้ซ่งฉงปิงก็ยังไม่ได้ทำออกมาในเมืองหลินอาน
ฉะนั้นเมื่อเปิดร้านชานม ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้งไป และคิดตามๆ กันว่าชานมมันคือชาอะไร? หรือว่าผสมชาลงในนม? นี่จะไม่ทำให้มีกลิ่นคาวอย่างมากหรือ?
แต่ทว่า ทุกคนเดาถูกครึ่งหนึ่ง
คนไข้บางคนที่มารับการรักษา หลังจากที่มีความอยากรู้อยากเห็น จึงพากันไปที่ด้านในและซื้อมาถ้วยหนึ่งด้วยความคิดที่อยากจะลอง ทันใด ก็รู้สึกชื่นชอบจนวางไม่ลง
และหลังจากนั้น ก็มีร้านหม่าล่า ร้านปิ้งย่าง ร้านของหวานและอื่นๆ ผุดออกมาราวกับหน่อไม้หลังฝนในฤดูใบไม้ผลิ
ด้วยความที่เคยผ่านร้านชานม แต่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนี้ คนที่เข้ามาหาหมอจึงเข้าไปดู และซื้อมาชิมคนละแก้ว
จากนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งได้ ถนนเส้นนี้ในที่สุดก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา
เพราะคนที่มาหาหมอ หรือคนในครอบครัวของผู้ป่วย ก็ได้บอกกันปากต่อปาก ถึงอาหารรสชาติล้ำเลิศของที่นี่
เมื่อคนจำนวนมากเล่าต่อๆ กันไป จึงเป็นธรรมดาที่คนจำนวนมากจะเข้ามากินอาหารรสเลิศตามที่บอกว่าไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน
การเปิดร้านเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มความนิยมให้กับสถานที่แห่งนี้เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการจ้างงานคนยากจนในพื้นที่นี้ด้วย
จนกระทั่งใช้โอกาสนี้ มีคนที่มีฝีมือจำนวนไม่น้อย นำฝีมือของตนเองออกมาขาย
ดังเช่น การทุบหินบนหน้าอก ดังเช่น การใช้ใบไม้สานสัตว์ตัวเล็กแต่ละชนิด และดังเช่นเกี๊ยวยัดไส้ขนาดเล็ก
ที่ปกติเป็นของที่ขายได้ยากอย่างมาก แต่ก็คล้ายกับว่าจะขายได้ดีที่นี่
มีประชาชนดั้งเดิมที่ยากจนแต่มีหัวทางการค้าบางคน กระทั่งคิดถึงการปรับแก้บ้านของตัวเอง เพื่อพัฒนาเป็นโฮมสเตย์
เพราะตาชื่อเสียงของโรงหมอที่แผ่ขยายออกไป อีกทั้งข่าวที่หมอซุนเป็นผู้ตรวจรักษาก็ได้แพร่กระจายออกไป ทำให้คนที่อยู่นอกเมืองหลวงจำนวนไม่น้อยต่างก็ทยอยกันเข้ามารับการรักษา
แต่ในทุกวัน จำนวนผู้ป่วยในโรงหมอก็มีจำนวนจำกัด ครอบครัวของผู้ป่วยบางรายที่ไม่สามารถพักในโรงเตี๊ยมได้ ก็ทำได้เพียงเลือกพักในโฮมสเตย์ที่ด้อยคุณภาพ
ชั่วพริบตา ทางตะวันตกของเมืองก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา
จุดประสงค์ของซ่งฉงปิงไม่ใช่เพียงแค่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเท่านั้น
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นั่นก็เพื่อทำให้ประชาชนที่ยากจนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยพื้นฐานของนางแล้วก็คือธุรกิจ แต่ก็ยังต้องหาเงินอยู่
วัตถุดิบที่ผู้คุ้มกันเหล่านั้นขนส่งโดยรถคันแล้วคันเล่า อย่างมากที่สุดก็สามารถใช้ได้กับร้านค้าไม่กี่แห่งทางตะวันตกของเมือง
หากต้องการเปิดสาขาอื่นๆ ในเมืองหลวง เรื่องแรกที่ซ่งฉงปิงต้องทำก็คือสร้างโรงงานใกล้เมืองหลวงโดยเร็วที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ซ่งฉงปิงจึงเริ่มยุ่งกับเรื่องการสร้างโรงงาน
การเลือกสถานที่หรือสิ่งปลูกสร้าง สำหรับซ่งฉงปิงแล้วล้วนไม่ใช่เรื่องยาก
ที่ยากก็คือ คนที่เลือกมาต้องได้รับการอบรมฝึกสอน
กล่าวโดยสรุป การพัฒนาเศรษฐกิจ จะต้องใช้จำนวนคนไม่น้อย
แต่พนักงานของโรงงานกับร้านค้าก็แตกต่างกัน
ถึงอย่างไรพนักงานในร้านค้าก็จะต้องมีฝีมือ ฉะนั้นทุกสิ่งที่ทำจะต้องผ่านการอบรมอย่างง่ายๆ มาก่อน
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะถูกจ้างไปด้วยราคาที่สูง นางก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย
แต่เครื่องปรุงรสกึ่งสำเร็จรูปเหล่านี้ที่ผลิตในโรงงาน ก็จะต้องเชื่อถือได้ อีกทั้งจะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ของนางเท่านั้น
เมื่อคิดมาคิดไปแล้ว ซ่งฉงปิงก็ตัดสินใจไปที่หมู่บ้านชิงเหอ
การปลูกสมุนไพรของหมู่บ้านชิงเหอได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อซ่งฉงปิงไปอีกครั้ง ในหมู่บ้านชิงเหอมีโรงเรือนเป็นแถวๆ ด้านในเต็มไปด้วยต้นกล้าสมุนไพรที่ไม่สามารถต้านทานความเย็นได้
เมื่อซ่งฉงปิงเข้าไป คนของหมู่บ้านชิงเหอที่ไม่ได้ยุ่งอยู่กับงาน และคนระหว่างทางที่ยุ่งอยู่กับงาน สายตาของพวกเขาแต่ละคนต่างก็เหลือบมองบางอย่าง : ความหวัง
เพียงอย่างเดียว ก็คือความหวังของชีวิตความเป็นอยู่
ช่วงเวลานี้ วันเวลาของพวกเขาเมื่อเทียบกับในอดีต ก็ราวกับได้ขึ้นสวรรค์จริงๆ
และเหล่านี้ ล้วนเป็นซ่งฉงปิงที่นำเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...