แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 682

ฉีเทียนเห้าประทับจูบตรงมุมปากของซ่งฉงปิง ยกยิ้ม “จัดการธุระหรือจะสำคัญกว่าการนอนของภรรยา?”

ซ่งฉงปิงเฮอะทีหนึ่ง “ทรราช”

ครั้นฉีเทียนเห้าได้ฟังก็เอ่ย “ข้าไม่เป็นทรราชนี่หรอก”

ซ่งฉงปิงฟังความหมายแฝงในคำพูดของฉีเทียนเห้าออก จึงเงยหน้าสบตากับฉีเทียนเห้า ทว่ากลับเห็นความจริงจังจากดวงตาของเขา

แล้วจู่ๆ ซ่งฉงปิงก็หัวเราะขึ้น “ได้ ไม่เป็น”

ฉีเทียนเห้ากับซ่งฉงปิงเข้าวังจากประตูข้าง ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นพวกเขาสองคน

แน่นอนว่านอกจากบริวารของพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าความจริงพวกเขากลับไปนอนพักมายกหนึ่ง

ทั้งสองยังไม่ทันเดินถึงท้องพระโรงก็ได้ยินเสียงโอหังของซ่งหยุนจางจากไกลๆ

“พวกเจ้าผิดต่อคุณธรรมแห่งฟ้า ต้องมีชื่อเสียงเหม็นโฉ่ไปอีกหมื่นปี!”

“ซ่งหยุนดา ข้ารู้อยู่แล้วเชียว เจ้ามันมักใหญ่ใฝ่สูง เจ้าทำกับข้าอย่างนี้ต้องไม่ตายดีแน่...”

“ถ้าเจ้ายังกล้าด่าทออีกคำ เชื่อไหมข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรคือไม่ตายดีเดี๋ยวนี้เลย” ซ่งฉงปิงย่างเท้าเข้าประตู เปล่งเสียงเย็นชา

เสด็จพ่อของนางไม่ใช่คนที่เขาจะด่าทอได้

หลังจากซ่งหยุนจางได้ยินถ้อยคำของซ่งฉงปิงแล้ว สีหน้าก็พลันแย่มาก “เจียเล่อ เจ้ากล้าทำอย่างนี้กับข้าหรือ?”

ส่วนซ่งหยุนดา วินาทีที่เห็นซ่งฉงปิง ความเคร่งขรึมบนใบหน้าก็ปรากฏความอ่อนโยนชั้นหนึ่ง มองบุตรีของตนด้วยความรักและเมตตา มีรอยยิ้มอยู่ในดวงตานิดๆ

คล้ายกับกำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกปกป้องจากบุตรีของตนเอง

และในความเป็นจริง ซ่งหยุนดาก็ดื่มด่ำอยู่จริง

ซ่งฉงปิงไม่ได้หันไปทางเสด็จพ่อของตัวเอง แต่มองซ่งหยุนจางด้วยสายตาเย็นชา “ข้าก็ทำอย่างนี้กับเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?”

กล้าหรือไม่ เขารู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?

ซ่งหยุนจางสะอึก “...”

ซ่งฉงปิงไม่สนใจซ่งหยุนจางแต่ลากฉีเทียนเห้าเดินไปข้างหน้า

หน้าท้องพระโรงมีเก้าอวี้างอยู่สองตัว ซ่งหยุนดานั่งตัวหนึ่ง ส่วนอีกตัว...ซ่งฉงปิงลากฉีเทียนเห้ามานั่งด้วยกันอย่างไม่ลังเล

อย่างไรเสียเก้าอี้ก็กว้างพอ ดังนั้นจึงเพียงพอให้นั่งได้สองคน

สำหรับเก้าอี้มังกรที่อยู่ด้านบนสุด กลับไม่มีใครมอง และไม่มีใครแตะต้อง

เวลานี้ซ่งหยุนจางกำลังถูกมัดมือทิ้งลงกับพื้น สวมชุดลำลอง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงมาก

ในวันที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในวังหลวง เดิมทีซ่งหยุนจางก็แอบหนีออกวังไปแล้ว

จากท่าทางของเขา คล้ายอยากไปหลบภัยแล้วค่อยหวงคืนกลับมาอีกครั้ง

แต่น่าเสียดายที่ถูกจับได้เร็วเกินไป

หลังจากถูกจับกลับมาก็ไม่มีใครสนใจเขาหลายวัน ไม่กี่วันจึงหนีออกมาอีก

ว่ากันตามจริง ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้คนหนึ่ง ซ่งหยุนจางช่างไม่เอาไหนเสียเลย

ขณะที่ซ่งฉงปิงและฉีเทียนเห้านั่งลง ซ่งหยุนจางก็มองพวกเขาทั้งสอง มีความเย็นชาและบ้าคลั่งอยู่ในดวงตา

“พวกเจ้าวางแผนมานานแล้วใช่หรือไม่?” ซ่งหยุนจางกล่าวพลางถลึงตาไปทางซ่งหยุนดา “หลายปีมานี้เจ้าก็เสแสร้งใช่หรือไม่? เจ้าจดจ่ออยู่กับบัลลังก์ของข้า ใช่หรือไม่?”

สายตาที่ซ่งหยุนดามองซ่งหยุนจางเย็นชายิ่ง “หากข้าจดจ่ออยู่กับบัลลังก์จริง ก็ไม่ยอมตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้ว มีหรือจะอดทนต่อความสงสัยของเจ้าหลายปีขนาดนี้”

ซ่งหยุนดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

หลายปีนี้ เพื่อไม่ให้ซ่งหยุนจางระแวง เขาพยายามเจียมเนื้อเจียมตัวถึงที่สุด

แต่ บางทีสำหรับซ่งหยุนจางแล้ว มีแต่เขาเสียชีวิต มิเช่นนั้นอย่างไรก็ไม่สามารถวางใจลงได้

ตรงกับคำที่ “กษัตริย์ไม่บีบขุนนาง ขุนนางก็ไม่ก่อกบฏ” โดยแท้

ซ่งหยุนดาไม่มีความทะเยอทะยานที่จะเป็นฮ่องเต้

ขอเพียงครอบครัวสงบสุข ปลอดภัย ไพร่ฟ้าร่มเย็นเป็นสุขก็พอ

หากมิใช่เช่นนั้น ปีนั้นเขาก็...

ซ่งหยุนดามองฉีเทียนเห้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาออก

เมื่อซ่งหยุนดากล่าวถึงยี่สิบปีก่อน สีหน้าซ่งหยุนจางก็พลันไม่สู้ดี

เรื่องในปีนั้นปรากฏในสมองของซ่งหยุนจางทีละเรื่องๆ

ยิ่งสมองเขาวุ่นวายสับสน สายตาที่มองซ่งหยุนดาก็เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู

“ดังนั้น เจ้าอดกลั้นนานหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็จะชำระบัญชีกับข้าแล้วใช่ไหม?” ว่าแล้วซ่งหยุนจางก็หัวเราะ “ซ่งหยุนดา เจ้าคิดชั่วทะยานอยากจริงๆ หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่แรก ตอนนั้นข้า...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง