แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 700

หลัวเจิ้งหยางยังพอรู้จักดูสถานการณ์ รีบหันไปโขกศีรษะกับซ่งหยุนดาทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะเสียกิริยา ขอฝ่าบาททรงประทานพระราชานุญาตให้กระหม่อมได้อธิบายด้วย กระหม่อมไม่ทราบจริงๆ ว่านั่นคือองค์หญิงใหญ่ มิเช่นนั้นต่อให้กระหม่อมกล้าอย่างไร ก็ไม่กล้ากำแหงแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมรู้ความผิดของตัวเอง แต่...กระหม่อมถึงจะผิดอย่างไร ก็มิควรให้ใครมาตัดสินเรื่อยเปื่อยนะพ่ะย่ะค่ะ นี่...” หลัวเจิ้งหยางชี้เป้ยเจิ้งชิง เป้ยเจิ้งชิงก็มองหลัวเจิ้งหยางด้วย สายตาบริสุทธิ์ยิ่งนัก ชวนให้คนที่เห็นมักดูแคลนได้ง่าย “เขาผู้นี้เป็นใครกัน กระหม่อมดีชั่วก็เป็นซื่อจื่อ ไหนเลยจะให้เขาตัดสินโทษของกระหม่อมได้?”

หลัวเจิ้งหยางที่ตั้งแต่เข้าท้องพระโรงมาก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เวลานี้ที่เจรจาพาทีคล่องแคล่วมิใช่เพราะใดอื่น แต่เพื่อเอาชีวิตรอด นับว่าเขามีปฏิภาณชาญฉลาดหนหนึ่ง

แน่นอน หากไม่มีคำพูดในตอนท้าย อาจได้ผลลัพธ์ดีกว่านี้หน่อย

อย่างน้อย เขาก็จะดูฉลาดมากขึ้นอีกนิดมิใช่หรือ?

แต่...

ไม่รอให้ฮ่องเต้หย่งคังเอ่ยปาก หลัวเจิ้งหยางก็ได้ยินผู้แก่เรียนที่เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาหันมาเอ่ยกับเขา “ข้าน้อยไร้ความสามารถ แม้ไม่สูงศักดิ์เหมือนซื่อจื่อ แต่ดีชั่วไม่ใหญ่ไม่น้อยยังเป็นเฉิงเซี่ยงคนหนึ่ง...” เมื่อกล่าวจบ เป้ยเจิ้งชิงก็ส่ายหน้า “ให้ซื่อจื่อต้องผิดหวังแล้ว”

หลัวเจิ้งหยาง “...”

ตกตะลึงพรึงเพริศ

ไม่ทราบองค์หญิงใหญ่ยังแล้วไป แต่ตอนนี้เขายังถึงกับไม่ทราบเฉิงเซี่ยงด้วย

แต่ ใครบอกเขาได้บ้าง ว่าทำไมเฉิงเซี่ยงแห่งรัชกาลนี้ถึงได้อายุน้อยกว่าเขาอีกล่ะ? ซูเฉิงเซี่ยงเล่า?

หลัวเจิ้งหยางจิตใจว้าวุ่นท่ามกลางสายลมหลายส่วน

จู่ๆ เข้าก็รู้สึกว่าโลกนี้อาจเป็นโลกแห่งจินตนาการจริงๆ ก็ได้ มิเช่นนี้จะเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?

นี่มัน...

หลัวเจิ้งหยางอยากร่ำไห้

แต่ซ่งหยุนดากลับเอ่ยปากขึ้น “ถ้อยคำของเป้ยเฉิงเซี่ยง ซื่อจื่อมีความเห็นต่างอะไรหรือไม่?”

หลัวเจิ้งหยาง “...”

ซ่งหยุนดา “ข้ารู้สึกว่า ที่เป้ยเฉิงเซี่ยงกล่าวมา ก็เข้าที”

หลัวเจิ้งหยางได้ยินดังนั้นก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น

ที่เป้ยเฉิงเซี่ยงกล่าวมาก็เข้าที เช่นนั้นเขา...

หลัวเจิ้งหยางมองหาบิดาบ้านตน เห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉย ท่าทางไม่คิดจะยุ่งอีก จึงรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น

บิดาของเขาจะทิ้งเขาแล้วหรือ?

ก็ใช่ ตระกูลหลัวมีบุตรชายไม่น้อย มีตั้งหลายคน

ขาดตนไปสักหนึ่งก็ยังมีอีก

หลัวเจิ้งหยางที่ตระหนักในจุดนี้จึงพลันหันไปโขกศีรษะกับฉีเทียนเห้าไม่หยุด

“อ๋องเซ่อเจิ้ง ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ข้าไม่ทราบว่านั่นคือองค์หญิงเตี้ยนเซี่ย โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถอะ?”

หันไปโขกศีรษะกับฉีเทียนเห้ายังไม่พอ ยังเอ่ยกับซ่งฉงปิงอีก “องค์หญิงเตี้ยนเซี่ย ข้าไม่ทราบจริงๆ ข้าไม่ทราบว่าเป็นท่าน เห็นแก่ที่ท่านก็ไม่ได้เสื่อมเสีย โปรดอภัยให้ด้วยเถอะ”

เพื่อเอาชีวิตรอด หลัวเจิ้งหยางกลับยืดได้หดได้ เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว หน้าผากก็โขกจนแดงแจ๋

หลัวหงดูอยู่ข้างๆ เอ็นเขียวตรงหน้าผากปูดโปน

ยามนี้กระดูกข้อตรงนิ้วมือก็กลายเป็นสีขาวเพราะกำหมัดแน่นเกินไปด้วย

แต่ หลัวหงก็ใจเด็ดจริงๆ ไม่เอ่ยอะไรสักนิด

ท่าทางจะตัดบุตรชายคนนี้แล้ว

ฉีเทียนเห้ามองหลัวหงทีหนึ่ง นัยน์ตาลุ่มลึก เจือความมืดทึบที่ชวนให้ฉงน

ไม่นาน ฉีเทียนเห้าก็เคลื่อนเส้นสายตามาสบกับหลัวเจิ้งหยาง

“ชายาของข้า ใครก็แตะต้องไม่ได้” คำพูดนี้กล่าวอย่าไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก็ทำให้หลัวเจิ้งหยางตื่นตระหนกตกใจ

มีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าวันสุดท้ายของตัวเองจะมาถึงแล้ว

ขณะที่หลัวเจิ้งหยางและหลัวหงไม่เห็น ฉีเทียนเห้าก็แวบมองซ่งหยุนดาทีหนึ่ง สบตากับอีกฝ่าย

ซ่งหยุนดามองทางหลัวเจิ้งหยาง เปล่งน้ำเสียงน่าเกรงขามอย่างยิ่งยวด “เด็กๆ นำตัวหลัวซื่อจื่อไปคุกหลวง รอการตัดสินวันพรุ่งนี้”

เมื่อหลัวเจิ้งหยางได้ยินก็กลัวหนักกว่าเดิม

ขอร้องฉีเทียนเห้าไม่ได้ ขอร้องซ่งฉิงปิงก็ยังไม่ได้อีก

เขาจะทำอย่างไรดี?

หลัวเจิ้งหยางมองทางบิดาบ้านตน น้ำมูกน้ำตาไหลย้อย “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย...”

หลัวหง นิ่งเฉย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตลอด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง