หลัวเจิ้งหยางยังพอรู้จักดูสถานการณ์ รีบหันไปโขกศีรษะกับซ่งหยุนดาทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะเสียกิริยา ขอฝ่าบาททรงประทานพระราชานุญาตให้กระหม่อมได้อธิบายด้วย กระหม่อมไม่ทราบจริงๆ ว่านั่นคือองค์หญิงใหญ่ มิเช่นนั้นต่อให้กระหม่อมกล้าอย่างไร ก็ไม่กล้ากำแหงแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมรู้ความผิดของตัวเอง แต่...กระหม่อมถึงจะผิดอย่างไร ก็มิควรให้ใครมาตัดสินเรื่อยเปื่อยนะพ่ะย่ะค่ะ นี่...” หลัวเจิ้งหยางชี้เป้ยเจิ้งชิง เป้ยเจิ้งชิงก็มองหลัวเจิ้งหยางด้วย สายตาบริสุทธิ์ยิ่งนัก ชวนให้คนที่เห็นมักดูแคลนได้ง่าย “เขาผู้นี้เป็นใครกัน กระหม่อมดีชั่วก็เป็นซื่อจื่อ ไหนเลยจะให้เขาตัดสินโทษของกระหม่อมได้?”
หลัวเจิ้งหยางที่ตั้งแต่เข้าท้องพระโรงมาก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เวลานี้ที่เจรจาพาทีคล่องแคล่วมิใช่เพราะใดอื่น แต่เพื่อเอาชีวิตรอด นับว่าเขามีปฏิภาณชาญฉลาดหนหนึ่ง
แน่นอน หากไม่มีคำพูดในตอนท้าย อาจได้ผลลัพธ์ดีกว่านี้หน่อย
อย่างน้อย เขาก็จะดูฉลาดมากขึ้นอีกนิดมิใช่หรือ?
แต่...
ไม่รอให้ฮ่องเต้หย่งคังเอ่ยปาก หลัวเจิ้งหยางก็ได้ยินผู้แก่เรียนที่เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาหันมาเอ่ยกับเขา “ข้าน้อยไร้ความสามารถ แม้ไม่สูงศักดิ์เหมือนซื่อจื่อ แต่ดีชั่วไม่ใหญ่ไม่น้อยยังเป็นเฉิงเซี่ยงคนหนึ่ง...” เมื่อกล่าวจบ เป้ยเจิ้งชิงก็ส่ายหน้า “ให้ซื่อจื่อต้องผิดหวังแล้ว”
หลัวเจิ้งหยาง “...”
ตกตะลึงพรึงเพริศ
ไม่ทราบองค์หญิงใหญ่ยังแล้วไป แต่ตอนนี้เขายังถึงกับไม่ทราบเฉิงเซี่ยงด้วย
แต่ ใครบอกเขาได้บ้าง ว่าทำไมเฉิงเซี่ยงแห่งรัชกาลนี้ถึงได้อายุน้อยกว่าเขาอีกล่ะ? ซูเฉิงเซี่ยงเล่า?
หลัวเจิ้งหยางจิตใจว้าวุ่นท่ามกลางสายลมหลายส่วน
จู่ๆ เข้าก็รู้สึกว่าโลกนี้อาจเป็นโลกแห่งจินตนาการจริงๆ ก็ได้ มิเช่นนี้จะเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?
นี่มัน...
หลัวเจิ้งหยางอยากร่ำไห้
แต่ซ่งหยุนดากลับเอ่ยปากขึ้น “ถ้อยคำของเป้ยเฉิงเซี่ยง ซื่อจื่อมีความเห็นต่างอะไรหรือไม่?”
หลัวเจิ้งหยาง “...”
ซ่งหยุนดา “ข้ารู้สึกว่า ที่เป้ยเฉิงเซี่ยงกล่าวมา ก็เข้าที”
หลัวเจิ้งหยางได้ยินดังนั้นก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
ที่เป้ยเฉิงเซี่ยงกล่าวมาก็เข้าที เช่นนั้นเขา...
หลัวเจิ้งหยางมองหาบิดาบ้านตน เห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉย ท่าทางไม่คิดจะยุ่งอีก จึงรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น
บิดาของเขาจะทิ้งเขาแล้วหรือ?
ก็ใช่ ตระกูลหลัวมีบุตรชายไม่น้อย มีตั้งหลายคน
ขาดตนไปสักหนึ่งก็ยังมีอีก
หลัวเจิ้งหยางที่ตระหนักในจุดนี้จึงพลันหันไปโขกศีรษะกับฉีเทียนเห้าไม่หยุด
“อ๋องเซ่อเจิ้ง ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ข้าไม่ทราบว่านั่นคือองค์หญิงเตี้ยนเซี่ย โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถอะ?”
หันไปโขกศีรษะกับฉีเทียนเห้ายังไม่พอ ยังเอ่ยกับซ่งฉงปิงอีก “องค์หญิงเตี้ยนเซี่ย ข้าไม่ทราบจริงๆ ข้าไม่ทราบว่าเป็นท่าน เห็นแก่ที่ท่านก็ไม่ได้เสื่อมเสีย โปรดอภัยให้ด้วยเถอะ”
เพื่อเอาชีวิตรอด หลัวเจิ้งหยางกลับยืดได้หดได้ เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว หน้าผากก็โขกจนแดงแจ๋
หลัวหงดูอยู่ข้างๆ เอ็นเขียวตรงหน้าผากปูดโปน
ยามนี้กระดูกข้อตรงนิ้วมือก็กลายเป็นสีขาวเพราะกำหมัดแน่นเกินไปด้วย
แต่ หลัวหงก็ใจเด็ดจริงๆ ไม่เอ่ยอะไรสักนิด
ท่าทางจะตัดบุตรชายคนนี้แล้ว
ฉีเทียนเห้ามองหลัวหงทีหนึ่ง นัยน์ตาลุ่มลึก เจือความมืดทึบที่ชวนให้ฉงน
ไม่นาน ฉีเทียนเห้าก็เคลื่อนเส้นสายตามาสบกับหลัวเจิ้งหยาง
“ชายาของข้า ใครก็แตะต้องไม่ได้” คำพูดนี้กล่าวอย่าไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก็ทำให้หลัวเจิ้งหยางตื่นตระหนกตกใจ
มีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าวันสุดท้ายของตัวเองจะมาถึงแล้ว
ขณะที่หลัวเจิ้งหยางและหลัวหงไม่เห็น ฉีเทียนเห้าก็แวบมองซ่งหยุนดาทีหนึ่ง สบตากับอีกฝ่าย
ซ่งหยุนดามองทางหลัวเจิ้งหยาง เปล่งน้ำเสียงน่าเกรงขามอย่างยิ่งยวด “เด็กๆ นำตัวหลัวซื่อจื่อไปคุกหลวง รอการตัดสินวันพรุ่งนี้”
เมื่อหลัวเจิ้งหยางได้ยินก็กลัวหนักกว่าเดิม
ขอร้องฉีเทียนเห้าไม่ได้ ขอร้องซ่งฉิงปิงก็ยังไม่ได้อีก
เขาจะทำอย่างไรดี?
หลัวเจิ้งหยางมองทางบิดาบ้านตน น้ำมูกน้ำตาไหลย้อย “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย...”
หลัวหง นิ่งเฉย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...