หลังจากพบเป้าหมาย สายตาของเยี่ยหวันหวั่นพลันเป็นประกาย กอดเนื้อแห้งในอ้อมกอดวิ่งเข้าไปทันที
ชั่วแวบที่เธอลงจากบันได พยัคฆ์ขาวที่เดิมทีนอนราบอยู่บนพรมพลันกระดิกหูทันที เบิกตาโพล่งทันที ในนัยน์ตาสีฟ้าเข้มเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ความรู้สึกที่ถูกดวงตาคู่หนึ่งจดจ้องช่างขนหัวลุก
โชคดีที่เธอมีประสบการณ์มาแล้วชาติหนึ่ง เข้าใจพยัคฆ์ขาวตัวนี้ รู้ว่าถึงแม้มันจะดุร้ายถึงขีดสุด แต่ก็เข้าใจความรู้สึกมนุษย์อย่างมาก เมื่อตอนเย็นซือเยี่ยหานมีปฏิสัมพันธ์กับเธอ แสดงท่าทางอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นคนของตัวเอง เพราะฉะนั้นต่อให้มันจะดุร้ายแค่ไหน ก็ไม่ทำร้ายเธอ
เยี่ยหวันหวั่นค่อยๆ ขยับเข้าไปภายใต้สายตาดุดันของพยัคฆ์ขาว เธอรู้สึกอย่างชัดเจนได้ถึงความมุ่งร้ายและคำเตือนในดวงตาคู่นั้นของมันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอยิ่งขยับเข้าใกล้
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เข้าใกล้เกินไป หยุดฝีเท้าลงเมื่อห่างประมาณสี่ถึงห้าก้าว ฉีกเนื้อหมูแห้งถุงหนึ่งออกมา ยื่นออกไปโบกอยู่ด้านหน้าของมัน “สลูตสค์…กินไหม? เนื้อหมูแห้งนี่อร่อยมากๆ เลยน้า!”
เมื่อเธอโบกมือ พยัคฆ์ขาวแยกเขี้ยวคำรามต่ำออกมาอย่างอันตรายทันที
“เฮ้อ ไม่ชอบเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงฉีกถุงเนื้อวัวแห้งที่มีอยู่เพียงถุงเดียวอย่างเสียดาย “เนื้อวัวแห้งกินไหม? อันนี้อร่อยมากๆ จริงๆ นะ!”
“โฮก!” พยัคฆ์ขาวที่เดิมทีหมอบคลานอยู่พลักลุกขึ้น ยืดร่างเพิ่มความดุดันส่งเสียงคำราม “กรร”
แม้จะรู้ว่ามันไม่ทำร้ายตัวเธอ แต่เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ ยากที่จะหลีกเลี่ยงความกลัวที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต
เยี่ยหวันหวั่นตกใจกลัวเสียจนใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แต่ว่าก็ไม่อยากจะยอมแพ้จริงๆ จึงทำใจกล้าเดินหน้าต่อ
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว
เมื่อระยะห่างระหว่างเธอกับพยัคฆ์ขาวเหลืออยู่เพียงก้าวเดียว เสียงคำราม “โฮก” ดังสนั่นกัมปนาทไปทั่วสวนจิ่นหยวน
หูของเยี่ยหวันหวั่นดังวิ้งๆ ตกใจเสียจนล้มก้นกระแทกพื้น
นับว่าเธอได้ประสบกับตัวเองแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าภูเขาสั่นดินสะเทือน…
ประตูใหญ่ถูกผลักให้เปิดออกจากด้านนอกดังปังอย่างรวดเร็ว สวี่อี้รีบร้อนรุดมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น!!!”
บนตึกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วมองไปทางห้องรับแขก
เห็นเยี่ยหวันหวั่นกำลังนั่งแหมะอยู่กับพื้นหน้าพยัคฆ์ขาว รอบข้างมีถุงหลากสีกระจายเต็มพื้น ส่วนพยัคฆ์ขาวเหมือนจะถูกทำให้โมโหเข้า กำลังอยู่ในท่าทางขับไล่ออกไป
“คุณ…คุณหนูเยี่ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?” สวี่อี้เห็นภาพนี้ ได้แต่นิ่งอึ้ง ดึกดื่นค่อนคืนเยี่ยหวันหวั่นไม่มีอะไรทำมายั่วโมโหสลูตสค์ทำอะไร? นี่มันรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ?
สายตาของซือเยี่ยหานก็มองไปที่เยี่ยหวันหวั่น
ทันใดนั้นเยี่ยหวันหวั่นทำหน้าเสียใจวิ่งตึงตังไปฟ้องซือเยี่ยหาน “ต้าไป๋ดุฉัน ฮือๆๆๆ …”
สวี่อี้: ต้าไป๋คืออะไรกัน?
“…” ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น เงียบไปหลายวินาที “เธอกำลังทำอะไร?”
“ฉัน…ฉันแค่อยากจะเอาขนมของฉันให้ต้าไป๋กิน! ต้าไป๋น่ารักขนาดนี้ ฉันอยากเล่นกับมัน…” เยี่ยหวันหวั่นมองพยัคฆ์ขาวตัวโตที่ยังคงคำรามต่ำขู่เธอ พลันยิ่งรู้สึกเสียใจ
หัวใจของสวี่อี้ตอนนี้ได้พังลงแล้ว น่ารัก มันเรื่องอะไรกันอีก!
ซือเยี่ยหานนวดขมับ “อยู่ให้ห่างจากมันไว้”
เยี่ยหวันหวั่นมองขนหนานุ่มบนศีรษะ แล้วมองไปที่ขนหนานุ่มบนอุ้งเท้าของพยัคฆ์ขาวตัวโต ความอยากสัมผัสต่อต้านอย่างไม่ยินยอม “เล่นกับมันไม่ได้จริงๆ เหรอ? ฉันแค่อยากลูบหัวมัน…ไม่อย่างนั้นขอจับอุ้งเท้ามันหน่อยก็ได้ ไม่ได้เหรอ?”
สวี่อี้ เธอยังอยากจะจับมันอีกเหรอ? ลูบหัวมัน จับอุ้งเท้ามัน!
เขาหมดคำพูดกับหญิงสาวตรงหน้าแล้วจริงๆ …
ช่างเป็นลูกวัวไม่กลัวเสือจริงๆ!
………………………………………………..
บทที่ 146 ไร้ซึ่งหนทางโต้แย้ง
“ไม่ได้” น้ำเสียงของซือเยี่ยหานไร้ซึ่งความประนีประนอม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี