หลังจากเยี่ยหวันหวั่นช่วยพยุงลุกขึ้น คนบางคนก็ไหลเข้ามาซบ ถ่ายน้ำหนักทั้งหมดไว้บนไหล่ของเธอ ลมหายใจถี่รัวพ่นอยู่ที่คอของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
เยี่ยหวันหวั่นเผชิญกับสายตาอิจฉาริษยาของผู้คน แทบอยากจะโยนคนบนบ่าใส่หน้าพวกเธอเหลือเกิน พวกเธออยากพยุงก็มาพยุงเองซะเลยสิ บุญคุณสาวงามแบบนี้เธอรับไม่ไหว!
หลังจากวุ่นวายกับการจับปูใส่กระด้งแล้ว ในที่สุดก็พาคนส่งถึงห้องพยาบาล
คุณหมอประจำห้องพยาบาลรีบพ่นยาระงับอาการหอบหืดให้ซือเซี่ย จากนั้นทำการตรวจร่างกายขั้นพื้นฐานให้เขาหน่อย
“39.5 องศา ไข้สูงมาก ให้น้ำเกลือ! คาดว่าร่างกายโดนอากาศเย็นจัด และออกแรงมากเกินไป ช่วงนี้จะต้องพักผ่อนให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าให้ตื่นเต้นเกินไปและไม่ควรออกแรงมากจนเหนื่อยเกินไปด้วย!” หมอประจำห้องพยาบาลกำชับจริงจัง
หืม ไข้สูง ตากอากาศเย็น เหนื่อยเกินไป…
ได้ยินคำพูดของหมอห้องพยาบาลแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ยิ่งรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้แกล้งเหรอ ป่วยจริง…
ตากอากาศเย็น? เมื่อคืนผู้ชายคนนี้อยู่ริมทะเลสาบนานแค่ไหน?
ในห้องพยาบาล ตอนนี้เฉิงเสวี่ยและพวกอยู่พร้อมหน้า นอกจากนี้ยังมีนักเรียนกลุ่มใหญ่มาห้อมล้อมดูซือเซี่ยที่มีสภาพอ่อนแอแบบนี้ สาวน้อยบางกลุ่มพากันร้องไห้สะอึกสะอื้น สงสารจับใจ
เสียงดังทำเอาหมอห้องพยาบาลปวดหัวตึบ จึงถลึงตาอย่างหงุดหงิดใส่พวกเธอ “เขาแค่มีไข้บวกกับอาการหอบหืดกำเริบเท่านั้น พวกเธอต้องทำหน้าเหมือนคนจะตายด้วยเหรอ? พอแล้วพอแล้ว อย่ามามุงอยู่ที่นี่เลย คนมากขนาดนี้ไม่เอื้อต่อการไหลเวียนของอากาศ และรบกวนการพักผ่อนของคนไข้ด้วย เหลือไว้คนเดียว ส่วนคนที่เหลือก็ออกไปให้หมด!”
หมอห้องพยาบาลเพิ่งจะพูดจบ เฉิงเสวี่ยพลันหันมองไปทางซือเซี่ยอย่างมีความหวัง ส่วนผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างจำใจเดินออกไป
เยี่ยหวันหวั่น แบกผู้ชายคนนี้มาตลอดทาง จนหัวไหล่แทบหลุด เมื่อมั่นใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไร ก็เตรียมตัวจะหายไปเงียบๆ
เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ควรอยู่นาน
ใครจะรู้ เธอเพิ่งจะก้าวเท้า พลันรู้สึกกระชับแน่นที่ข้อมือ
วินาทีถัดมา เธอก้มหน้าไปมอง ก็เห็นมือขาวซีดข้างหนึ่ง จับปลายแขนเสื้อของเธอเอาไว้แน่น
และบนเตียงคนไข้แคบๆ ชายหนุ่มใช้สายตาเหมือนโดนทอดทิ้งมองเธอราวกลับกำลังตำหนิ “เธอจะไปไหน?”
เยี่ยหวันหวั่น “……”
เชี่ย! พอได้แล้วกับการแสดงของนายเนี่ย!!!
ซือเซี่ยยังคงทำท่าจับชายแขนเสื้อของเยี่ยหวันหวั่นไว้เช่นนั้น สายตาเย็นชาเหลือบไปยังนักเรียนหญิงอื่นๆ “พวกเธอออกไป”
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…”
“ทำไมถึงเป็นเยี่ยหวันหวั่นยัยตัวประหลาดคนนี้อีกแล้ว! น่าเกลียด!”
บรรดานักเรียนหญิงเห็นเช่นนี้ต่างกระทืบเท้าด้วยความโมโห แต่เทพบุตรเอ่ยปากแล้ว ได้แต่บ่นไม่พอใจอย่างไม่ยอม แต่ก็ต้องทยอยถอยออกไป
เฉิงเสวี่ยที่ร่างกายสั่นเคลือยืนอยู่ข้างเตียง หัวใจที่ท่วมล้นไปด้วยเพลิงโกรธ ในที่สุดก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก มองซือเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย พลางเอ่ยถามชัดเจนทุกถ้อยคำ “ซือเซี่ย! นายรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่? อย่าบอกฉันนะว่านายชอบยัยตัวประหลาดนี่จริงๆ!”
นัยน์ตาของซือเซี่ยผุดรัศมีเย็นชาขึ้นมา “เก็บคำพูดเมื่อครู่ของเธอกลับไป”
เฉิงเสวี่ยได้ยินสีหน้าตกตะลึง เก็บคำพูดเมื่อครู่ของเธอกลับไป?
หรือว่าความหมายของซือเซี่ยคือเขาไม่ได้ชอบเยี่ยหวันหวั่นเหรอ?
เธอรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้! ซือเซี่ยจะชอบเยี่ยหวันหวั่นได้อย่างไร! จะต้องมีความลับอะไรบางอย่างแน่นอน!
ผลที่ได้ เธอเพิ่งจะคิดแบบนี้ ก็ได้ยินซือเซี่ยเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เขาไม่ใช่ยัยตัวประหลาด”
เฉิงเสวี่ยโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา “ซือเซี่ย! ฉันว่านายเสียสติไปแล้วจริงๆ !”
“เยี่ยหวันหวั่น เธออย่าเพิ่งด่วนได้ใจไปนะ!” เฉิงเสวี่ยผลักเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างอย่างแรงแล้ววิ่งออกไป
เยี่ยหวันหวั่นอยากจะวิ่งตามไป แต่แขนเสื้อของเธอกลับถูกดึงไว้แน่น จึงได้แต่ยื่นมือไขว่คว้าอย่างสิ้นหวัง “อ้าก อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิที่รัก…”
………………………………….
บทที่ 188 ทำไมพูดยังไงก็ไม่ยอมเชื่อนะ!
เมืองปักกิ่ง ณ ซือกรุ๊ป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี