บทที่ 1881 คำพูดที่หวังดีมักไม่น่าฟัง
เยี่ยมู่ฝานยิ้มพลางเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่น เขายักไหล่ไปชนตัวเยี่ยหวันหวั่นเบาๆ “ที่จริงแล้ว…พวกผู้ชายอะนะ แกต้องมีมารยา โดยเฉพาะผู้ชายแบบซือเยี่ยหาน ยิ่งต้องใช้มารยา น้องสาว ฉันจะบอกอะไรให้ ในด้านนี้พี่ชายแกมีข้อได้เปรียบเป็นพิเศษ ยิ่งผ่านมาเยอะ ยิ่งมีประสบการณ์เยอะ อยากให้พี่ชายสอนประสบการณ์ให้สักหน่อยไหม…”
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยมู่ฝาน เยี่ยหวันหวั่นก็ทำหน้าแปลกๆ มีข้อได้เปรียบเป็นพิเศษ…แถมมีประสบการณ์เยอะ…ทำไมมันถึงฟังดูประหลาด…
“ดูไม่ออกเลยว่าพี่ให้ความสนใจผู้ชายถึงขนาดนี้” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้นในทันที
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ เหลียงหวั่นจวินและเยี่ยเส่าถิงก็เหลือบมองเยี่ยมู่ฝาน
“แกอย่าพูดเพ้อเจ้อ สร้างปัญหาให้น้อง แกเป็นผู้ชาย พูดออกมาได้ไม่อายรึไง” เยี่ยเส่าถิงกล่าว
เหลียงหวั่นจวินดูเป็นกังวล “มู่ฝาน…ลูกคงไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกนะ?”
มุมปากของเยี่ยมู่ฝานกระตุกเล็กน้อย “ผมเป็นผู้ชาย ก็เลยเข้าใจผู้ชายที่สุดไง…มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ…เกี่ยวอะไรกับที่ผมจะชอบหรือไม่ชอบผู้หญิงกัน”
“งั้นก็ดี” เหลียงหวั่นจวินถอนใจด้วยความโล่งอก
“น้องสาว ฉันจะบอกให้นะ…แกต้องใส่ใจกับวิธีการเมื่อต้องรับมือกับผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายอย่างซือเยี่ยหาน แกต้องทำทีปล่อยโดยตั้งใจ เหมือนกับว่าวไง แกต้องรู้จักคุมจังหวะและรู้จักผ่อนสายป่าน…”
แต่เยี่ยหวันหวั่นไม่รอให้เยี่ยมู่ฝานพูดจบก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วพี่เชื่อไหมฉันทำให้พี่กลายเป็นว่าวได้?”
เขาคิดว่าผู้ชายทั้งหมดจะห่วยแตกเหมือนเขางั้นเหรอ?
เยี่ยมู่ฝานตอบ “ช่างเถอะ คำพูดที่หวังดีมักไม่น่าฟัง แกไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่…น้องสาว ถ้าแกโดนซือเยี่ยหานรังแก แกอย่าอาย มาบอกพี่ได้เสมอ พี่จะอัดมันให้กลิ้งลงกับพื้น”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนั้นใครกันแน่ที่จะกลิ้งลงกับพื้น
“พอแล้วๆ กินข้าวอยู่แกก็ยังพูดมาก รีบๆ กินข้าวซะ” เยี่ยเส่าถิงหัวเราะ
เยี่ยหวันหวั่นที่มองดูความสุขสงบในตอนนี้ พลันรู้สึกวุ่นวายอยู่ในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักจากที่ได้รู้ความจริง
แม้จะไม่มีความรู้สึกแปลกๆ กับพ่อแม่และพี่ชายในครอบครัวนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่นตัวจริงอยู่ดี…
ความจริงข้อนี้ เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้ว่าเธอควรบอกความจริงดีหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เยี่ยหวันหวั่นตัวจริงตายไปหลายปีแล้ว ถ้าพ่อแม่และเยี่ยมู่ฝานรู้ความจริง จะรับได้หรือเปล่า…
……
วันถัดมา
เยี่ยหวันหวั่นนั่งทานอาหารเช้าที่ห้องรับแขก เหลียงหวั่นจวินได้เตรียมกระเป๋าให้เยี่ยหวันหวั่นเสร็จแล้ว แถมยังซื้อชุดใหม่จัดลงในกระเป๋าเดินทางให้เยี่ยหวันหวั่นอีกหลายตัว นอกจากเสื้อผ้าหลายชุดแล้ว ยังมีขนมนมเนยอีกเป็นกระบุง
เมื่อลูกต้องเดินทางไกลไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม พ่อแม่มักเป็นห่วงเสมอ เป็นเช่นนี้เสมอมาและตลอดไป
“แม่ ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะขนาดนั้น ถึงตอนนั้นอะไรที่ขาดเหลือก็มีขายค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาแล้วพูดกับเหลียงหวั่นจวิน
“ไร้สาระ เตรียมของไว้ให้พร้อม ดีกว่าไปร้อนใจเมื่อขาดอะไรกลางทางนะลูก” เยี่ยเส่าถิงวางหนังสือของเขาลง
“พ่อ หนูรู้แล้วค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นจำใจยอมรับ
“ใช่แล้ว…หวันหวั่น พ่อมีเรื่องอยากถามลูกมาตลอด…” เยี่ยเส่าถิงมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยถาม “ลูกมาเป็นบอสของบริษัทซิงเฉินได้ยังไง…”
“พ่อ พูดแล้วเรื่องมันยาวค่ะ หนูถือหุ้นบริษัทซิงเฉินอยู่ในมือไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อนๆ ของหนูถือเยอะ แล้วก็…ทุกคนต่างเห็นว่าหนูมีหัวด้านธุรกิจ ดังนั้นก็เลยค่อนข้างจะเชื่อฟังหนู…” เยี่ยหวันหวั่นตอบเฉไฉไปเรื่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี