บทที่ 1999 หมอคนนี้จะรักษาได้ไหม
“ในเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ถ้างั้นพวกเราตระกูลเนี่ยจะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว ที่มาวันนี้ นอกเหนือจากมาเพื่อเข้าร่วมการประชุมแล้ว ตระกูลเนี่ยยังมีเรื่องหนึ่งที่อยากประกาศด้วย” เนี่ยหลิงหลงมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นอย่างสงบ จากนั้นก็เอ่ยขึ้น
“ตระกูลเนี่ยมีเรื่องจะประกาศงั้นเหรอ”
พอสิ้นเสียง สายตาของทุกคนต่างก็มองไปที่พวกเนี่ยหลิงหลง
เนี่ยหลิงหลงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตามกฎของตระกูลเนี่ยแล้ว อีกไม่นานจะต้องคัดเลือกผู้มีอำนาจปกครองตระกูลเนี่ยรุ่นต่อไป และได้คัดเลือกผู้สืบทอดเอาไว้แล้ว!”
“เวรแล้ว! ตระกูลเนี่ยจะเปลี่ยนเจ้าบ้านแล้วสินะ!”
“นี่เป็นข่าวใหญ่เลย!”
“เจ้าบ้านรุ่นต่อไปจะเป็นใครกัน”
….
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความแตกตื่นแปลกใจ เนี่ยหลิงหลงได้เอ่ยต่อไปว่า “เจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลเนี่ยก็คือพี่สาวของฉันค่ะ เนี่ยอู๋โยว หวังว่าทุกท่านในที่นี่จะสามารถไปร่วมงานได้ บัตรเชิญจะถูกส่งไปให้ในไม่ช้า”
หลังจากคำนี้ถูกกล่าวออกมา เยี่ยหวันหวั่นก็โมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว มองไปที่เนี่ยอู๋หมิงที่ยืนเอื่อยเฉื่อยอยู่ข้างๆ อยากจะกระทืบเขาสักยกเหลือเกิน
สรุปแล้วเนี่ยอู๋หมิงทำบ้าอะไรอยู่กันแน่?! ยังใช่คุณชายใหญ่ของตระกูลเนี่ยอยู่ไหม!
สุดท้ายแล้วแม้แต่ตำแหน่งผู้สืบทอดก็ยังชิงมาไม่ได้งั้นเหรอ
“พี่เป็นหมูเหรอไง” เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิงอย่างคับแค้นใจที่ไม่อาจเปลี่ยนเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้
พอเนี่ยอู๋หมิงได้ยินก็เบ้ปากแล้วเอ่ยว่า “ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ ฉันโวยวายกับแม่ไปแล้ว ไม่มีประโยชน์เลย”
“เฮ้อ…” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจด้วยความจนปัญญา มอบหมายให้เนี่ยอู๋หมิงไปแย่งชิงของพวกนี้น่ะเหรอ ลืมไปเสียเถอะ
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็มองไปที่เนี่ยหลิงหลงและเนี่ยอู๋โยวตัวปลอม ช่างเถอะ เธอแค่ต้องรอให้ถึงวันนั้น อยากครอบครองตระกูลเนี่ยงั้นเหรอ มาเจอกันได้ทุกเมื่อเลย
ม่านราตรีคลี่กางแล้ว การประชุมนับว่าจบด้วยความชุลมุนวุ่นวาย
เมื่อเห็นว่าซือเยี่ยหานจะไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นจึงร้อนใจอยู่บ้าง วันนี้ยังไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย
“บัดซบ…เกิดอะไรขึ้นเนี่ย…” ทันทีที่เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นยืนก็หายใจไม่ออก รู้สึกว่าเลือดลมตีกลับขึ้นมา
“พี่เฟิง พี่เป็นอะไรไป” เป่ยโต่วเห็นเข้าจึงยื่นมือไปช่วยเธอ
เยี่ยหวันหวั่นกุมหน้าผาก “ไม่เป็นไร…”
เป่ยโต่วมองศิลาจารึกที่เยี่ยหวันหวั่นกอดเอาไว้อย่าอับจนวาจา “ต้องเป็นเพราะศิลาจารึกชิ้นนี้หนักเกินไปแน่ๆ ก็บอกแล้วว่าให้พวกเราช่วยแบกให้พี่เถอะ”
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบตามอง และจ้องไปที่มือของเป่ยโต่วทันที “ปล่อยมือซะ อย่าแตะต้องมัน!”
เป่ยโต่วจึงรีบหดมือกลับ “ได้ๆๆ ผมไม่แตะผมไม่แตะแล้ว พี่แบกเองเลย แบกไปเองเลย!”
ชีซิงมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่งอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง ประสาทสัมผัสอันเฉียบแหลมรู้สึกได้ว่าท่าทางของเธอในตอนนี้ผิดปกติเล็กน้อย ลมหายใจของพี่เฟิง...ทำไมสับสนวุ่นวายขนาดนี้?
“พี่เฟิง พี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” ชีซิงถาม
ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ด้านข้างมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน “เอ๊ะ ผู้นำครับ ทำไมลมหายใจของผู้นำถึงสับสนวุ่นวายขนาดนี้”
เยี่ยหวันหวั่นนวดหว่างคิ้วที่เต้นตุบๆ เล็กน้อย “ไม่เป็นไร…แค่รู้สึกว่าร่างกาย..เหมือนจะแปลกๆ ไปนิดหน่อย…”
เป่ยโต่วเอ่ยถาม “แปลกเหรอ แปลกตรงไหนครับ”
เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง เพียงแวบเดียว อัตราการเต้นของหัวใจก็พลันเร็วขึ้นมา โลหิตคล้ายว่าจะไหลย้อนกลับ
เวรแล้ว…นี่เธอเป็นอะไรไปเนี่ย…
แค่มองเขาแวบเดียวก็อึดอัดจนทนไม่ไหวขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ เธอรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่บนร่างซือเยี่ยหาน…เกะกะลูกตาเหลือเกิน…
“พี่เฟิง สรุปแล้วพี่ไม่สบายตรงไหนกันแน่ ให้ผมไปตามหมอมาตรวจพี่ไหม” เป่ยโต่วถามด้วยความร้อนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี