บทที่ 2059 ความอยากเอาชีวิตรอดอันแรงกล้า
ซือเยี่ยหานวางถ้วยชาลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง “บนโลกนี้มีคนที่ดูดีอีกมาก”
เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างไม่ลังเลเลย “เหลวไหล ไม่มีใครดูดีไปกว่าคุณแล้ว!”
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งพูดจบ ก็พลันมีเสียงหนึ่งแว่วดังมาจากทางประตู “สาวน้อย คำพูดนี้ของเธอ…ไม่มั่นใจเกินไปหน่อยเหรอ”
พอความทรงจำดำเนินมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็แปลกใจนิดๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเจียงหลีเฮิ่นในความทรงจำของเธอด้วย…
ความดูดีของซือเยี่ยหานเหมือนมีม่านลวงตาชั้นหนึ่งขวางกั้นไว้ และรู้สึกถึงระยะห่างอันมหาศาล แต่เจียงหลีเฮิ่นไม่ใช่แบบนั้น เขาคือบุปผาเลอค่าในโลกมนุษย์อะไรทำนองนั้น มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าใครๆ ต่างก็เข้าไปจีบ
ในฐานะหมาชีกอคนหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นจึงตกตะลึงไปเล็กน้อย
และในเวลานี้เอง ความรู้สึกอันเฉียบไวของเยี่ยหวันหวั่นก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศคล้ายจะมีความเหน็บหนาวสายหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ทำให้เธอหนาวสะท้านอย่างน่าประหลาด
เยี่ยหวันหวั่นเก็บสายตากลับมาทันที และมองไปที่ซือเยี่ยหาน พลางเอ่ยถามว่า “ที่รัก เขาเป็นใครกัน เพื่อนคุณเหรอ ทำไมคุณถึงมีเพื่อนหน้าตาขี้เหร่แบบนี้ด้วยล่ะ”
เมื่อได้ยินเยี่ยหวันหวั่นเรียกซือเยี่ยหานว่า ‘ที่รัก’ เจียงหลีเฮิ่นก็เกือบจะสะดุดล้มแล้ว พอได้ยินประโยคสุดท้าย ก็แทบจะสำลักน้ำลายตาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “แค่กๆๆๆ…เธอ…เธอ…เธอว่ายังไงนะ! เธอพูดกับฉันอีกรอบสิ!”
เยี่ยหวันหวั่นกระดึ้บๆ เข้าไปอยู่ข้างกายซือเยี่ยหาน มองเขาด้วยท่าทางว่านอนสอนง่าย “ไม่เป็นไรนะที่รัก ถึงแม้ฉันจะเป็นคนให้ความสำคัญกับหน้าตา แต่ถ้าเขาเป็นเพื่อนของคุณ ฉันก็จะฝืนใจทักทายเขาแล้วกัน”
ความหมายแฝงคือ ฉันเป็นคนให้ความสำคัญกับหน้าตา แต่ฉันให้ความสำคัญแค่กับหน้าตาของคุณนะ
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ระหว่างการสะกดจิตถูกความอยากเอาชีวิตรอดอันแรงกล้าสุดขีดของตัวเองในปีนั้นทำเอาเหวอไปแล้ว เกือบจะอดใจนั่งต่อไปไม่ไหวลุกขึ้นมาปรบมือให้ตัวเองเสียแล้ว!
เธอเจ๋งเกินไปแล้ว!
ที่แท้เธอในตอนนั้นก็ยอดเยี่ยมขนาดนี้!
ซือเยี่ยหานมองมือของเด็กสาวที่กอดแขนตัวเองไว้ ดวงตาฉายแววอ่อนโยนโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่สังเกตเห็น “เธอ…เรียกฉันว่าอะไรนะ”
เยี่ยหวันหวั่นเชิดศีรษะน้อยๆ ขึ้น แล้วเอ่ยอย่างออดอ้อน “ที่รักไงคะ! คุณชอบให้เรียกแบบนี้ไหม”
ตั้งแต่พวกเขารู้จักกันมาจนถึงตอนนี้ต่างก็ยังไม่รู้จักชื่อแซ่ของอีกฝ่ายเลย และต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยถามมาก่อน เพราะถึงยังไงก็อยู่กันคนละฝ่าย มีสถานะเป็นศัตรู พวกเขาจึงคิดตรงกันไปโดยปริยาย
เยี่ยหวันหวั่นยังคงกระแซะเข้าไปใกล้ ท่าทางระมัดระวังราวกับกำลังเข้าหาสัตว์เล็กอะไรสักชนิดที่ขี้ตกใจเป็นพิเศษ “งั้น…ต่อไปฉันเรียกคุณแบบนี้ได้ไหม”
เมื่อสบเข้ากับดวงตาอันสดใสและเปล่งประกายของเด็กสาว ซือเยี่ยหานก็ผงะไปแวบหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ก็แค่คำเรียกเท่านั้น ตามใจเธอเถอะ”
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าดีอกดีใจทันที “ดีจังเลย งั้นต่อไปฉันจะเรียกคุณว่าที่รักนะ ส่วนคุณก็เรียกฉันว่า…อืม เรียกฉันว่ายาหยีแล้วกัน!”
เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าก่อนหน้านี้เพิ่งถูกคนอื่นเขาปฏิเสธไป แต่กลับตัดสินใจเอาเองอย่างมีความสุข
“เวรเอ้ย…ตาฉัน…” เจียงหลีเฮิ่นไม่กล้าจะเชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น
ซือเยี่ยหานมองเจียงหลีเฮิ่นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อแวบหนึ่ง ในดวงตามีความไม่ชอบใจปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน “นายมีอะไร”
เจียงหลีเฮิ่นจึงเอ่ยว่า “เฮ้อ ฉันกลัวว่านายจะเบื่อ เลยมาเยี่ยมนายไง แต่ตอนนี้ดูทรงแล้ว คงไม่ต้องการแล้วสินะ”
ซือเยี่ยหานตอบสั้นๆ “ไม่ต้องการ”
เจียงหลีเฮิ่นเหวอไปแล้ว
เพราะความไร้เยื่อใยของเพื่อนรัก เจียงหลีเฮิ่นกุมอกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ มองไปที่เยี่ยหวันหวั่นแล้วพูดขึ้นว่า “สาวน้อย สายตาของเธอพิเศษมากเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะชอบเจ้าหมอนี่ได้”
เยี่ยหวันหวั่นไม่พอใจกับวิธีพูดของเจียงหลีเฮิ่น จึงโต้กลับไปว่า “สายตาของฉันมันทำไม ที่รักของฉันทั้งอ่อนโยนทั้งหล่อเหลาทั้งใจดีทั้งใสซื่อ เกิดจากตมแต่ไม่เปื้อนโคลน ชิดสายธารแต่ไม่ยั่วเย้า! เป็นคนดีที่ดีที่สุดในโลก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี