เยี่ยหวันหวั่นลูบต้าไป๋เล่นไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น ถึงต้าไป๋จะไม่สนใจเธอ เธอก็จะพูดคนเดียวพึมพำได้ครึ่งวัน เล่านิทานให้มันฟังบ้าง ไม่ก็ร้อยพวงมาลัยให้มัน ในสวนจะมีเสียงคำรามอย่างรำคาญของต้าไป๋และเสียงบ่นจู้จี้ของเยี่ยหวันหวั่นดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว
กระทั่งเยี่ยหวันหวั่นมารู้ตัวอีกทีก็มืดแล้ว ถึงได้ยอมออกจากสวนที่มีต้าไป๋และผักกาดไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ เดินหน้าเศร้าเข้าห้องที่มีวิชาเลขและซือเยี่ยหาน
หลังจากโบกมืออำลาต้าไป๋แล้ว เยี่ยหวันหวั่นกอดกระเป๋าแล้วเดินขึ้นตึกไปด้วยความหนักใจ
เห็นสวี่อี้เดินออกมาจากห้องหนังสือ เยี่ยหวันหวั่นก็รีบเข้าไปเอ่ยถาม “ตอนนี้ซือเยี่ยหานยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ?”
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่น สวี่อี้พลันอยากจะร้องไห้ คุณหนูท่านนี้เล่นพอสักที
ยุ่งเหรอ จะยุ่งอะไรได้ นายท่านด้านในมัวแต่ยุ่งกับการหึงหวง ยุ่งจนมืดฟ้ามัวดินแล้วน่ะสิ!
อยากจะใช้ต้าไป๋มาเรียกความสนใจจากหญิงงามแท้ๆ ใครจะรู้ว่าสาวงามจะโดนดึงความสนใจไปแล้วไปลับเลย นับว่าเขาเข้าใจแล้วว่าเลี้ยงลูกเสือเลี้ยงลูกจระเข้คืออะไร
“นายท่านไม่มีธุระอะไรครับ! หากคุณจะไปหาเขา ก็รีบไปตอนนี้เลยเถอะครับ!” สวี่อี้รีบตอบ
“งั้นตอนนี้เขาอารมณ์ไหน?” เยี่ยหวันหวั่นถามด้วยความไม่มั่นใจ หากว่ากำลังอารมณ์ดี เธอจะไปขอให้ช่วยติวเลขให้ก็คงตอบตกลงโดยง่าย
“อารมณ์ดีมากเลยครับ!” สวี่อี้หลอกขายเยี่ยหวันหวั่นอย่างไม่ลังเล
“อ้อ งั้นก็ดี…” เยี่ยหวันหวั่นถอนใจโล่งอก แล้วเดินเข้าห้องหนังสือไปอย่างไม่คิดอะไร
หลังจากเข้าไปแล้ว ก็เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายที่ระเบียง ในมือถือตำราภาษาต่างประเทศเล่มหนึ่ง ใบหน้าซ่อนอยู่ในเงามืด มองเห็นสีหน้าไม่ชัดเจน
“มีอะไร?” เห็นเธอเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาเย็นกระจ่างดั่งดวงจันทร์มองไปที่เธอ
เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของตัวเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าสวี่อี้กำลังหลอกเธออยู่
ตอนนี้ซือเยี่ยหานอารมณ์ดีจริงเหรอ?
เธอคิดอยู่นาน ก็หาเหตุผลที่ซือเยี่ยหานจะอารมณ์ไม่ดีไม่เจอ จึงไม่ได้คิดมากอะไรอีก
“เรื่องนั้น คือว่าแบบนี้…เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนก็จะสอบเข้ามหาลัยแล้ว แต่ว่าวิชาเลขของฉันแย่มากเลย อยากติวสักหน่อย! ช่วงนี้คุณยุ่งไหมคะ? ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม? ทุกคืนขอให้ฉันสองชั่วโมง ไม่สิ หนึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นไม่กล้าขอมากเกินไป เพราะเขาเป็นคนที่งานยุ่งมาก
เพียงแต่คำสุภาษิตกล่าวได้ดี ฟังบัณฑิตอธิบายมีประโยชน์กว่าอ่านหนังสือเป็นสิบปี สำหรับเธอแล้วได้ประโยชน์ไม่น้อยเลย
นอกจากเพราะวิธีการอธิบายของซือเยี่ยหานง่ายมากทำให้เธอเข้าใจได้แล้ว ยังมีเหตุผลทางสรีรวิทยาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ต่อหน้าซือเยี่ยหานเธอไม่กล้าใจลอยเด็ดขาด รวบรวมสติได้ดีมาก ประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็รอคำตอบของชายหนุ่มด้วยความตื่นเต้น
ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็วางหนังสือในมือลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างไปจากปกติ “ฉันให้เธอได้สองชั่วโมง”
“สองชั่วโมง!” เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน ดวงตาทอแสงเปล่งประกาย “จริงเหรอ?”
“แต่ว่า ฉันมีเงื่อนไข” แววตาของซือเยี่ยหานหม่นลงเล็กน้อย
เส้นประสาทของเยี่ยหวันหวั่นตึงเครียด “งะ…เงื่อนไข…เงื่อนไขอะไร?”
ซือเยี่ยหาน “สอดคล้องกัน เธอก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่าง”
เยี่ยหวันหวั่น “ค่าตอบแทนนี้หมายถึง?”
ซือเยี่ยหาน “ให้ฉันแปดชั่วโมง”
เยี่ยหวันหวั่นชะงัก “หา…?”
ให้เขาแปดชั่วโมงไปทำอะไร?
วินาทีถัดมา หัวสมองของเธอพลันนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ในหอพักครั้งก่อน เหมือนจะเจอสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน ตอนนั้นเงื่อนไขที่ซือเยี่ยหานเสนอคือหกชั่วโมง ถูกต้อง ความหมายก็คือนอนเป็นเพื่อนเขาหกชั่วโมง…
ดังนั้น ความหมายแปดชั่วโมงที่ซือเยี่ยหานพูดถึงตอนนี้ คงจะเท่ากับ–
“ความหมายของคุณคือให้ฉันนอนเป็นเพื่อนคุณหนึ่งคืน!?”
ด้วยความตกใจ เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาโตหลุดปากพูดออกมา
ได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ซือเยี่ยหานปรายตามองเธอครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยทันที “เธอต้องการให้ฉันติวให้คืนเดียวเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นส่ายศีรษะตอบสนองกับเงื่อนไข “คืนเดียวไม่พอแน่นอน อย่างน้อยต้องต่อเนื่องจนการสอบเสร็จสิ้น ก่อนการสอบจะยุติ คาดว่าคงต้องติวทุกคืน หากว่าคุณมีเวลาล่ะก็…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี