หลิวอิ่งพูดประโยคนี้จบ ก็ทำหน้าตาเย็นชาสะบัดแขนจากไป
สวี่อี้ยืนอยู่ที่เดิมกล่าวประนีประนอมด้วยความลำบากใจ “เอ่อคือว่า หลิวอิ่งก็เป็นคนแบบนี้ คุณหนูอย่าถือสาเลยนะครับ”
เยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร อย่างไรเสียเธอก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว เธอคิดไว้แต่แรกแล้วว่าต้องไม่มีใครเชื่อเธอ และรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นของเธอจะทำให้คนอื่นมองเธออย่างไร
กลางดึก ณ ผับบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม
เดินทางติดต่อกันมาสองวันเต็ม บรรดาบอดี้การ์ดจึงมาผ่อนคลายที่ผับกันสักหน่อย
คนกลุ่มหนึ่งกำลังดื่มเหล้าพูดคุยกันอยู่
“เฮ้ย พวกนายได้ยินกันหมดแล้วใช่ไหม? หลายวันมานี้ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่พูดกรอกหูนายท่านอยู่ตลอดเหมือนกับพวกโรคประสาท บอกว่านายท่านจะมีภัยพบเจอกับอันตราย ยุให้นายท่านอย่าเดินทางต่อ!”
“คิดว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์ด้านการทำนายจริงๆ หรือไง?”
“พูดไปเรื่อย! ก็แค่ปากอัปมงคลพูดถูกเรื่องของหัวหน้าก็เท่านั้น! เธอยังทักอีกว่าซ่งจิ้งจะมีเคราะห์ด้านความรัก? แล้วไงนี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว ซ่งจิ้งก็ยังอยู่ดีเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ?”
ซ่งจิ้งแค่นเสียงเย็นชา “ผู้หญิงเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะอย่างที่หัวหน้าบอก ไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด!”
คนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกัน เวลานี้เองก็มีฝรั่งผมบลอนด์เดินมายังคนกลุ่มนี้ แล้วเดินตรงมาอยู่ตรงหน้าของซ่งจิ้ง สายตาจับจ้องไปที่มีดเล่มหนึ่งที่ห้อยอยู่ที่เอวของซ่งจิ้ง พลางใช้ภาษาจีนที่นับว่าคล่องแคล่วเอ่ยว่า “ว้าวๆ หากว่าผมดูไม่ผิดล่ะก็ นี่คือมีดสมัยถังชื่อดังของจีนใช่ไหมครับ?”
เห็นว่าผู้ที่มาเป็นคนที่มีความรู้ ซ่งจิ้งจึงพูดคุยเป็นธรรมชาติอยู่หลายส่วน “ชาวต่างชาติอย่างคุณรู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?”
“ฮึๆ ผมไม่ได้ชอบแค่วัฒนธรรมของประเทศจีน แต่ยังชอบหนุ่ม….”
“ยังชอบอะไรนะ?”
“เปล่าๆ ” ชายหนุ่มยิ้มๆ พลางกล่าว “ที่บ้านของผมมีอาวุธของประเทศจีนอีกเยอะเลย อยากกลับไปดูกับผมไหม? บ้านผมอยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
“จริงเหรอ? ไปสิ!”
……
เช้าวันถัดมา
เยี่ยหวันหวั่นแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ลงตึกมากินอาหารเช้าเหมือนกับวิญญาณล่องลอย
ในเวลาเดียวกันนี่เอง ด้านในห้องอาหารของโรงแรม
บรรดาหนุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังห้อมล้อมชายหนุ่มผมเกรียนรูปร่างผอมเพรียว ตบบ่าของเขาผลัดกันเอ่ยปลอบใจ
“โถ่เอ้ย อย่ามัวหดหู่เลยนะ โชคดีที่พวกเราไปทันเวลา ไอ้โจรบ้ากามนั่นทำไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอ?”
“ใครจะไปรู้ว่าไอ้ฝรั่งคนนั้นที่แท้ก็เป็นเกย์! ทั้งยังเจาะจงชอบผู้ชายจีนอีกด้วย! หลอกให้ซ่งจิ้งไปที่บ้ายโดยใช้อุบายว่าไปดูมีด!”
“ที่น่ารังเกียจที่สุดคือใส่ยานั่น! สยดสยองเกินไปแล้ว! หากว่าพวกเราไปช้าแค่ก้าวเดียว คงไม่อาจรักษาพรหมจรรย์ของซ่งจิ้งไว้ได้! ไอ้ฝรั่งนั่นถอดกางเกงแล้วด้วย หากทำจริงๆ…”
……
คู่กรณีอย่างซ่งจิ้งเส้นเลือดดำบนหน้าผากปูดขึ้นเต้นตุบๆ ยิ่งได้ยินก็ยิ่งมีสีหน้าเครียดคล้ำ ตวาดเสียงดังด้วยความโมโห “หุบปากกันให้หมด! ใครมันแม่งพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก ฉันจะชกให้ฟันร่วงเต็มพื้น!”
“ได้ๆๆ ไม่พูดถึงแล้วๆ!” ทุกคนรีบรับคำอย่างไม่ได้จริงจัง
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นก้าวเข้ามาในห้องอาหารนั้น ก็ได้ยินลำดับเหตุการณ์ฉบับละเอียดพอดี บอกเลยว่ามัน…ยากจะอธิบายเป็นคำพูดสั้นๆ ได้
เยี่ยหวันหวั่นนั่งลงที่โต๊ะอาหารห่างจากโต๊ะอาหารของพวกซ่งจิ้งอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหาร “น้องคะ รบกวนเสิร์ฟชาเก๊กฮวยให้ฉันที่หนึ่งค่ะ”
ได้ยินเสียงของเยี่ยหวันหวั่นดังผ่านหูมา ซ่งจิ้งที่เพิ่งจะมีสีหน้าผ่อนคลายลงบ้างก็ตกใจขึ้นทันที คอแข็งทื่อหันมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น
บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ต่างก็หันหน้าไปมองทางเยี่ยหวันหวั่นอย่างพร้อมเพรียงกัน แววตาแสดงออกถึงความตื่นตระหนกยิ่งกว่าครั้งก่อน
ทีแรกพวกเขาก็ยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร แต่พอได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นแล้ว พลันนึกเรื่องประหลาด…มากๆ เรื่องหนึ่งขึ้นได้
…………………………………
บทที่ 392 ซือเยี่ยหานป่วยหนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี