หลิวอิ่งปฏิเสธข้อเสนอของสวี่อี้ด้วยความเด็ดขาด “ฉันไม่เห็นด้วย! ต่อให้มีความหวังแค่เพียงนิดเดียวก็จะต้องคุ้มกันนายท่านอย่างเต็มที่! ทำแบบนี้จะทำให้นายท่านตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น! เพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเธอน่ะเหรอ?”
สีหน้าของสวี่อี้เคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เอ่ยขึ้นอย่างเฉียบขาด “หลิวอิ่ง! ถ้าหากพวกเราปกป้องไม่ได้แม้แต่คุณหนูหวันหวั่น รอให้นายท่านฟื้นขึ้นมา นายจะบอกเขาว่าอะไร?”
“ฉัน…” หลิวอิ่งเองก็รู้ดีว่าซือเยี่ยหานปฏิบัติตนอย่างไรกับเยี่ยหวันหวั่น จึงไม่อาจคัดค้านคำพูดของสวี่อี้ได้อีก แต่ว่า เขาก็ไม่มีทางยอมเสียสละมากมายขนาดนี้เพื่อผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีอย่างเยี่ยหวันหวั่น
ขณะที่สวี่อี้กับหลิวอิ่งกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น เยี่ยหวันหวั่นเอาแต่มองซือเยี่ยหาน ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
“คุณหนูหวันหวั่น รบกวนคุณเตรียมตัวสักหน่อย ผมจะจัดคนส่งคุณออกจากประเทศ B เดี๋ยวนี้เลย!” สวี่อี้ไม่ชักช้า หันไปบอกกับเยี่ยหวันหวั่น
ภายในพริบตา สายตาของทุกคนในห้องต่างก็จับจ้องอยู่ที่หญิงสาวแสนสวยคนนั้น
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เธอจะเลือกอะไรกันนะ?
ถ้าหากเธอจริงใจต่อซือเยี่ยหาน จะต้องไม่ยอมจากไปในเวลานี้แน่ จะต้องเลือกที่จะอยู่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันใช่ไหม?
หลังจากความเงียบในช่วงสั้นๆ หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น ตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ได้ ฉันรู้แล้ว”
พริบตาที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ทุกคนต่างขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองไปที่เยี่ยหวันหวั่นนั้นไม่ค่อยดีนัก
ความเหยียดหยามบนใบหน้าหลิวอิ่งแผ่ขยายในพริบตา หัวเราะอย่างเย็นชาเบาๆ “นายท่าน นี่คือผู้หญิงที่นายท่านคอยรักคอยห่วงใยมาตลอด…”
ถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแม้แต่จะคิดหรือลังเลสักนิดยังไม่มี คิดหนีเอาชีวิตรอดคนเดียวทันที
ถ้าหากเป็นคุณหนูรั่วซี ไม่มีทางทิ้งนายท่านที่กำลังป่วยหนักไว้คนเดียวแน่!
สวี่อี้เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ในเวลาแบบนี้คิดอยากจะรักษาชีวิตรอดก็เป็นเรื่องของสัญชาตญาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับนายท่านอยู่แล้วด้วย…
ภายใต้สายตาทิ่มแทงของทุกคน เยี่ยหวันหวั่นหันมองชายหนุ่มที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอยู่นาน จากนั้นก็หันกายจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มสวมชุดทะมัดทะแมงสีดำทั้งตัวสองคน ทำหน้าเข้มเข้ามารับเยี่ยหวันหวั่น
“คุณหนูเยี่ย รีบขึ้นรถเถอะครับ!” บอดี้การ์ดชุดดำเอ่ยเร่ง
“เดี๋ยวก่อน!” เยี่ยหวันหวั่นพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“คุณหนูเยี่ยมีอะไรอีกหรือครับ?” หนึ่งในคนเหล่านั้นเอ่ยปากถามขึ้น
“ช่วยเอากระเป๋าสีดำในห้องฉันมาให้ด้วย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขอ
“คุณหนูเยี่ย การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก อย่าเอาสัมภาระไปเยอะแยะเลยจะดีกว่า!”
คนชุดดำทำหน้านิ่งก็เลยมองอารมณ์ไม่ออก และเพราะว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างนี้จึงทำให้เดาอารมณ์จากน้ำเสียงไม่ออกด้วยเช่นกัน แต่เยี่ยหวันหวั่นแค่เดาก็รู้ได้ถึงความโมโหในใจของทั้งสอง ดีไม่ดีคงจะคิดว่าในกระเป๋าจะมีทรัพย์สมบัติมีค่าที่เธอสะสมจากซือเยี่ยหาน
สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เอ่ยยืนกรานว่า “กระเป๋าใบนี้สำคัญมาก จำเป็นต้องเอาไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น!”
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดแบบนี้ บรรยากาศพลันอึมครึมขึ้นมา
คนชุดดำสองคนสบตากันทีหนึ่ง สุดท้ายหนึ่งในสองคนนั้นก็ไปลากกระเป๋าใบนั้นมา “คุณหนูเยี่ย ตอนนี้ไปกันได้หรือยังครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นถึงได้พยักหน้า “ได้แล้ว!”
รถสีดำคันหนึ่งสตาร์ทเครื่องยนต์ ปะปนไปกับกลุ่มแขกที่ออกจากที่พัก แล่นออกจากโรงแรมไปอย่างรวดเร็ว โดยมีทีมย่อยลับ 1 ทั้งทีมคอยซุ่มตามคุ้มครองไปส่ง…
…………………………………………………..
บทที่ 396 กรงขัง
หลังจากส่งเยี่ยหวันหวั่นให้จากไปแล้ว คนที่เหลือก็รีบจัดเตรียมที่จะคุ้มครองซือเยี่ยหานออกไปทันที
ใบหน้าของหลิวอิ่งนิ่งสนิท
ออกจากโรงแรมไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
ตอนนี้เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในมือของพวกมัน พวกเขาจะไปที่ไหนก็เป็นลูกไก่ในกำมือ
พวกเขาออกไปไม่ได้ ความช่วยเหลือก็เข้ามาไม่ได้เช่นเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี