“ลุงสวี่ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ หนูก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“เฮอะๆ…” ซือหมิงหลี่แค่นหัวเราะ รีบเอ่ยหาเรื่องทันที “กล่าวหาสวี่อี้ผิดไปแล้วจริงๆ แต่ว่า เธอมีปัญหาแน่ๆ”
“ใครจะรู้ว่าเธอเป็นสายของพันธมิตรเลือดที่แทรกแซงอยู่ในตระกูลซือของพวกเราหรือเปล่า ครั้งนี้จงใจช่วยหัวหน้าตระกูล เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากตระกูลซือและหัวหน้าตระกูล และจะได้ทำเป้าหมายใหญ่สำเร็จ แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องให้ศาลกฏหมายเป็นผู้ตัดสิน ส่วนเธอ ก็ไปรับการสอบสวนอย่างละเอียดที่ศาลกฏหมายซะก่อน ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ เดี๋ยวได้รู้กัน!”
ศาลกฏหมาย?
หากเธอเข้าศาลกฏหมายไปแล้ว ยังจะรอดชีวิตออกมาได้อีกหรือ?
ซือหมิงหลี่เดินอย่างว่องไวไปถึงด้านหน้าคุณหญิงใหญ่และซือหมิงหรง “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้เจ้าเลห์มาก ฉันว่าฉวยโอกาสในวันนี้ ตรวจสอบให้ชัดเจนไปเลย! เรื่องนี้ เกี่ยวพันถึงทั้งตระกูลซือ หากว่าที่นายหญิงของตระกูลเป็นสายของศัตรู…”
ซือหมิงหรงเป็นคนที่ถือคติฆ่าผิดตัวเป็นหมื่นคน ก็จะไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ท่าทีของเขาย่อมเอนเอียงไปทางซือหมิงหลี่
ซือหมิงหรงพูดต่อไปว่า “ระวังไว้ก่อน ตรวจสอบให้ชัดเจน ไม่มีอะไรที่ไม่จำเป็น”
เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องถึงเรื่องใหญ่ คุณหญิงย่าขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรออกมาในคราแรก
ซือหมิงหลี่เห็นดังนั้น ไม่รอให้คุณหญิงย่าได้เอ่ยปาก ตะโกนออกไปทางประตูอย่างรีบร้อน “เข้ามา! จับเธอมัดไว้!”
บอดี้การ์ดสองสามคนที่ผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีพยักหน้าแล้วเดินไปทางเยี่ยหวันหวั่น
“พวก…พวกแก!” สีหน้าสวี่อี้ร้อนใจดั่งไฟสุมอก เดิมทีคิดอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวเองตอนนี้ก็ทำได้เพียงปิดปาก ไม่อย่างนั้นทำไปทำมาเรื่องราวอาจจะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม
สวี่ฉางคุนเองก็คิดเช่นเดียวกัน หันไปส่ายศีรษะให้สวี่อี้ ไม่ให้เขาพูดอะไร
ทำได้แค่รอให้จบการประชุมตระกูลนี้ก่อน ค่อยคิดหาวิธี!
เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตาทั้งสองข้าง หรือว่าวันนี้ต้องมาตายที่นี่อย่างนั้นเหรอ?
แม้เธอจะมั่นใจว่าสามารถล้างมลทินให้กับสวี่อี้ได้ แต่กลับลืมว่าระดับของเธอกับซือหมิงหลี่ต่างกันมากเกินไป…
เบื้องหน้าอำนาจอันแข็งแกร่ง ชั้นเชิงทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์
ตอนนี้เธอยังอ่อนแอเกินไป…
บอดี้การ์ดท่าทางเย็นชาโหดเหี้ยมเดินไปทางเยี่ยหวันหวั่น ฝ่ามือหยาบกร้านคว้าเยี่ยหวันหวั่นขึ้นมาอย่างแรง…
“แค่กๆ…”
ในเวลานี้เอง ท่ามกลางเสียงโหวกเหวก ก็มีเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น
เสียงนั้นเบามาก ทว่าเป็นเหมือนดั่งลมหนาวหอบหนึ่งที่พัดมาจากสถานที่ที่หนาวเย็นอย่างที่สุด ทำให้ทุกคนในห้องตัวแข็งทื่อภายในพริบตา
เสียงโหวกเหวกในตอนแรกพลันหายไปทันที ทุกคนล้วนอยู่ในความเงียบ ราวกับคอหอยถูกมีดอันแหลมคมจ่อเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา
ทุกคนมองไปยังต้นทางของเสียง…
จากนั้นก็ได้เห็น ซือเยี่ยหานที่ไม่รู้ว่าฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่!
ชายหนุ่มสวมชุดนอนตัวใหญ่เนื้อบาง จับขอบประตูยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่ป่วยหนักซีดขาวไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ฝีเท้าก็อ่อนแรงเหลือเกิน นัยน์ตาเย็นชาลึกล้ำยากจะคาดเดาดำขลับ
“ปู่สี่ ผมไม่แน่ใจว่า ตระกูลซือกลายเป็นที่ที่คุณตัดสินตามอำเภอใจได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เสียงแหบแห้งของชายหนุ่มดังเข้าหูของทุกคน
เป็นเพียงชายหนุ่มที่ป่วยจนสามารถหมดสติไปได้ทุกเมื่อแท้ๆ ทว่าทุกคนกลับรู้สึกเหมือนเห็นอสูรนรก จนขวัญหนีดีฝ่อ ขวัญกระเจิงไปหมด
โดยเฉพาะซือหมิงหลี่ ท่าทางอวดดีหยิ่งผยองเมื่อครู่หายเกลี้ยงทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดเต็มหน้าผากอย่างรวดเร็ว อ้าปากเหมือนอยากจะพูดสิ่งใด แต่กลับล็อคเสียจนพูดอะไรไม่ออก…
“หัว…หัวหน้าตระกูล…”
“คุณชายเก้าฟื้นแล้ว!”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี