สวี่อี้ชัดเจนอยู่ในใจ สายลับคนนั้นตายไปแล้วอย่างแน่นอน แม้แต่ศพเขาก็เคยเห็นมาแล้ว ไม่มีใครจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้เลย
เป็นเพราะเยี่ยหวันหวั่นต้องการช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงได้ตั้งใจพูดอะไรแบบนี้
ดังนั้น ความจริงเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รู้ว่าเขาถูกปรักปรำหรือไม่ แต่กลับเลือกที่จะเชื่อเขา
ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเธอลุกออกมาทันเวลา เขาคงต้องเสียขาทั้งสองข้างไปแล้ว คนทั้งตระกูลสวี่คงต้องมาลำบากกับเขาด้วย
สวี่อี้ยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น แววตาที่มองจ้องหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแน่วแน่มั่นคง นัยน์ตาซ่อนประกายแห่งความเกรงกลัว เอ่ยตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คุณหนูหวันหวั่น คุณคือว่าที่นายหญิงของตระกูลซือ เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่ผมควรทำอยู่แล้ว!”
ได้ฟังคำตอบของสวี่อี้ เยี่ยหวันหวั่นเผยสีหน้าแปลกใจอยู่หลายส่วน
น้ำเสียงของสวี่อี้…คือการยอมรับสถานะของเธอแล้ว…
ไม่คิดเลยว่าภายใต้การกระทำที่ไม่ได้คิดก่อน เพราะเรื่องราวในครั้งนี้ ท่าทีของสวี่อี้ที่มีต่อเธอจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้เธอตัวคนเดียวอยู่ในบ้านตระกูลซือ หากมีคนอย่างสวี่อี้สามารถสนับสนุนเธอด้วยความจริงใจ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอ
อย่างไรแล้วสวี่อี้ไม่เพียงเป็นคนสนิทที่สุดของซือเยี่ยหาน เขายังเป็นตัวแทนของตระกูลสวี่ที่อยู่ข้างหลังอีกด้วย
หากได้รู้ว่า สวี่ฉางคุนพ่อของสวี่อี้ดูแลรับใช้ข้างกายนายท่านผู้เฒ่ามานานสามสิบปี สร้างคุณความดีมานับไม่ถ้วน บารมีของตระกูลสวี่มีสูงกว่าผู้อาวุโสที่เป็นสายเลือดทางตรงบางคนเสียอีก…
บรรดาผู้อาวุโสเพิ่งจะกลับไปได้ไม่นาน คุณหมออัจฉริยะซุนในที่สุดก็เร่งรีบมาถึงจนได้
คุณหญิงย่ารีบสั่งให้คนเชิญเขาขึ้นมา “หมอซุน คุณรีบช่วยดูอาการของเจ้าเก้าหน่อย ก่อนหน้านี้เขาอยู่ดีๆ ก็หมดสติไป เพิ่งจะฟื้นเมื่อครู่นี้เอง!”
บนเตียงใหญ่สีเทา ชายหนุ่มได้ยินเสียงประตูถูกผลักเข้ามา เลิกคิ้วขยับเล็กน้อย เมื่อได้เห็นคนที่เขามาแล้วสีหน้าพลันกลับมาเย็นชาเหมือนน้ำแข็งดั่งเช่นเคย
ดวงตามืดมนของชายหนุ่มฉายแววความหงุดหงิดอยู่หลายส่วน “หวันหวั่นล่ะ?”
คุณหญิงย่ามองหลานชายอย่างจนใจ นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ไม่สนใจสุขภาพของตัวเอง สิ่งแรกที่ทำคือคิดถึงหวันหวั่น คนเขาเพิ่งจะแยกไปไม่กี่นาทีเองไหมล่ะ?
เวลานี้เอง เสียงฝีเท้า ‘ตึกๆๆ’ ดังขึ้นมา เยี่ยหวันหวั่นส่งพวกสวี่ฉางคุนกลับไปหมดแล้ว ก็รีบเดินขึ้นตึกมา
ได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นแล้ว คุณหญิงย่าก็กล่าวอย่างโล่งใจ “เอ๊ะ มาแล้วนี่ไง! ตอนนี้ให้หมอซุนตรวจอาการหลานได้หรือยัง?”
ซือเยี่ยหาน “เข้ามา”
คำพูดนี้ชัดเจนว่าพูดกับเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปที่ข้างเตียงอย่างว่าง่าย
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นมาแล้ว ทั้งตัวของซือเยี่ยหานเหมือนมีออร่าบางอย่างที่มองไม่เห็นได้จางหายไปดูผ่อนคลายลง เขาหลับตายอมให้ซุนไป๋เฉ่าและลูกศิษย์ใหญ่ของเขาทำการตรวจต่างๆ
ผ่านไปนาน…
“เป็นยังไงบ้างหมอซุน?” คุณหญิงใหญ่เห็นสีหน้าของหมอซุนไม่ค่อยดีเท่าไร พลันรู้สึกตื่นตกใจ
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ข้างๆ หันมองซุนไป๋เฉ่าพลางคิ้วขมวดย่น
ชาติก่อนเนื่องจากซือเยี่ยหานเจ็บหนักถึงได้อาการสาหัส ในชาตินี้อาการของเขาจะดีขึ้นบ้างไหม?
ซุนไป๋เฉ่าส่ายหน้า ถอนหายใจยาวเฮือก กล่าวว่า “ร่างกายของคุณชายเก้า…เริ่มเลวร้ายลงไปแล้ว…เกรงว่า…จะไม่ค่อยดีเท่าไร…”
“เลวร้ายลง? นี่…นี่มันหมายความว่าไง?” คุณหญิงย่าตกใจจนดึงสร้อยลูกประคำในมือขาดตกกระเด็นเต็มพื้น
ซุนไป๋เฉ่าสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวจริงจัง “ผมเคยบอกไว้นานแล้ว สุขภาพของเขาเป็นเหมือนชั้นวางปลอมๆ ภายนอกดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ภายในขาดดุลเสียหายเกินไปแล้วจริงๆ ไม่เพียงไม่อาจฟื้นฟูให้กลับมาได้ แต่กลับถูกใช้เกินกำลังอย่างต่อเนื่องวันแล้ววันเล่า แม้แต่กำลังสุดท้ายที่เขาจะทนได้ยังถูกใช้จนหมด อาการเจ็บป่วยที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ปะทุออกมาเอง สภาพของเขาในตอนนี้เป็นเพียงปัญหาเรื่องช้าเร็วของเวลา…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี