ปกติโจวเหวินปินชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ในบริษัท ความคับแค้นใจได้ร่ำลือไปทั่วตั้งแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะพนักงานระดับล่าง ทุกคนต่างเกลียดชังเข้ากระดูกดำกับพฤติกรรมของเขา เพียงแต่ติดที่มีพื้นหลังของกงซวี่อยู่ ทุกคนถึงได้เก็บความเกลียดชังไม่กล้าแสดงออกมา
วันนี้ได้เห็นเขาถูกกงซวี่เขี่ยทิ้งแล้ว ผู้คนรู้สึกเพียงแต่สมน้ำหน้าเขา ได้เห็นท่าทางจอมปลอมไม่จริงใจของเขา ทุกคนต่างแสดงสีหน้าดูถูก พากันกระซิบกระซาบ…
“แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมกงซวี่กำลังทำอะไรกันแน่ แต่โจวเหวินปินก็น่ารังเกียจเหลือเกิน ทำงานหนักไม่มีเครดิตเหรอ? ทุ่มเทกายใจ? เขาพูดออกมาได้ยังไง?”
“ใช่ๆ! ตั้งแต่เซ็นสัญญากับกงซวี่ เขาก็อาศัยขาใหญ่ทองคำนี้มาวางอำนาจบาตรใหญ่ในบริษัท ข่มเหงรังแกพนักงาน บังคับเรียกเก็บผลตอบแทนสูง เอาประโยชน์เข้าตัวไปเท่าไหร่ โกงศิลปินไปก็ไม่น้อย?”
“ทำกรรมไว้ต้องชดใช้กรรม ก็มาถึงวันที่เขาถูกกงซวี่เขี่ยทิ้ง! เป็นเสือที่ไร้เขี้ยว ดูซิว่าเขาจะโอหังยังไงได้!”
……
กงซวี่ปรายหางตาเย็นชามองหน้าจงรักภักดีทำงานอยากหนักไร้เครดิตของโจวเหวินปิน นัยน์ตาสุกใสดั่งแสงอาทิตย์พลันฉาบไว้ด้วยความเย็นชา เอ่ยเสียงดูแคลน “โจวเหวินปิน เลิกเสแสร้งเป็นคนดีดูน่าสังเวชสักที นายได้ผลประโยชน์ไปจากฉันเท่าไหร่แล้ว ในใจตัวเองไม่ได้นับไว้บ้างหรือไง? อีกอย่าง…นายเห็นฉันเป็นไอ้โง่เงินหนาตามคนอื่นไม่ทันจริงๆ เหรอ?”
ได้ยินประโยคนี้ โจวเหวินปินมีเหงื่อเย็นผุดออกมาที่หน้าผาก เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่า คุณชายลูกท่านหลานเธอตรงหน้าคนนี้แม้จะยโสโอหัง ไม่เป็นโล้เป็นพาย กลับไม่ใช่พวกปัญญาอ่อนที่จะหลอกได้ง่ายๆ
ตอนนี้โจวเหวินปินถึงได้เริ่มลนลานแล้ว “กงซวี่…กงซวี่นายทำกับฉันอย่างนี้…ไม่ได้…”
หลายปีมานี้เพราะเขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น ไม่ได้ยับยั้งชั่งใจ ทำคนขุ่นเคืองมาก็ไม่น้อย ฉู่หงกวงยิ่งจับตาเขาคิดจะไล่เขาออกจากบริษัท เมื่อสูญเสียภูเขาพักพิงอย่างกงซวี่ไปแล้ว เขาไม่อยากจะคิดถึงจุดจบของเขาเลย…
กงซวี่เดิมทีก็ไม่ใช่คนที่มีความอดทน เปลืองเวลามามากขนาดนี้ก็มาถึงขีดสุดแล้ว ดังนั้น จึงต่อสายตรงถึงแผนกบุคคล
เรื่องทางนี้ใหญ่โตมาก แผนกบุคคลทราบความเคลื่อนไหวทางด้านนั้นของกงซวี่นานแล้ว ทราบข่าวว่าโจวเหวินปินไม่เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป จึงสอบถามความคิดเห็นจากฉู่หงกวงเป็นอย่างแรก
ท่าทางของฝ่ายฉู่หงกวง ไม่ต้องคิดก็รู้
ดังนั้น กงซวี่เพิ่งจะต่อสายไป แผนกบุคคลก็ได้จัดการกระบวนการทั้งหมดและทำการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวให้กงซวี่ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่สูงมาก
ผู้อำนวยการแผนกบุคคลวิ่งแจ้นนำสัญญาผู้จัดการส่วนตัวฉบับใหม่มาให้ด้วยตัวเอง
ได้เห็นแผนกบุคคลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณชายกงจึงมีสีหน้าผ่อนคลายลงหลายส่วน ดึงสัญญาจากมือผู้อำนวยการแผนกบุคคลมาแล้ว พลิกเปิดไปยังหน้าสุดท้ายโดยที่ไม่อ่านเลยสักนิดตวัดปากกาเซ็นชื่อเต็มของตัวเอง จากนั้นเดินไปอยู่ตรงหน้าของเยี่ยหวันหวั่นด้วยความดีใจอย่างที่สุด “พี่เยี่ย พี่รีบอ่านเถอะ หากไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็เซ็นชื่อเถอะ!”
ดวงตาลูกท้อของกงซวี่เร่งเร้าวูบไหว แววตาเปี่ยมไปด้วยจินตนาการสีชมพูอันงดงาม
เย้! ผลไม้อบแห้งน้อยของฉัน! อีกเดี๋ยวก็จะมีโอกาสใช้เรื่องงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว อาศัยโอกาสสอบถามข่าวคราวของผลไม้แช่อิ่มน้อย เช่นถามเบอร์มือถืออะไรทำนองนี้…
เยี่ยหวันหวั่นถูกสายตาเร่าร้อนนั่นจดจ้องจนไร้คำจะพูด รับสัญญามา แล้วเซ็นชื่อของตัวเอง
โจวเหวินปินที่อยู่ด้านข้างตาเบิกโตมองเยี่ยหวันหวั่นเซ็นชื่อถึงตัวสุดท้าย ทั้งเนื้อตัวคล้ายกับสูญเสียจิตวิญญาณ หน้าซีดเทายืนเหม่อค้างอยู่ตรงนั้น
กงซวี่ประคองสัญญาฉบับใหม่ไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า ดูจากท่าทางแล้วคล้ายกับอยากจะกลายร่างเป็นผีเสื้อโบยบินอยู่ในห้องหลายๆ รอบ “พี่เยี่ย นับจากวันนี้ไป ผมเป็นคนของพี่แล้วนะ”
………………………………………………………..
บทที่ 474 นี่คือบททดสอบ!
ในห้องแต่งหน้า หลังจากผู้คนที่มามุงดูพากันสลายตัวจนสิ้นแล้ว
กงซวี่แอบพูดกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “พี่เยี่ย พี่ว่าตอนนี้พวกเรามีความสัมพันธ์สนิทสนมขนาดนี้แล้ว จะสามารถ…”
เยี่ยหวันหวั่นปรายตามองกงซวี่อย่างขอไปที แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้กล่าวว่า “ดูพฤติกรรมนายก่อน”
แม้กงซวี่จะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ปลุกกำลังใจขึ้นมาได้อีกครั้ง พี่เขยต้องการทดสอบเขา นี่คือบททดสอบ!
คิดมาถึงตรงนี้ กงซวี่พลันฟื้นคืนชีพเลือดเต็มกำลัง “พี่เยี่ยวางใจได้ ผมจะทำตัวดีแน่นอน!”
ได้เห็นคุณชายลูกผู้ดีมีเงินคนนี้มีแรงจูงใจเหมือนเด็กหนุ่มไฟแรง เยี่ยหวันหวั่นอดขำไม่ได้ “จะรอดูผลงานของนาย”
ชายหนุ่มหยักยิ้มมุมปาก รอยยิ้มบนริมฝีปากเคลื่อนไหวดั่งระลอกคลื่น กระเพื่อมตรงเข้าสู่ใจคน…
รอยยิ้มนี้ในสายตาของกงซวี่แล้ว เหมือนเป็นภาพซ้อนกับรอยยิ้มของหญิงสาวที่มอบผลไม้แช่อิ่มให้เขาในวันนั้น…
กงซวี่ยืนเหม่ออยู่ที่เดิม ใบหน้าฉายแววสับสนงุนงง ใบหูร้อนผ่าวขึ้นมา
เพราะเป็นพี่น้องกันเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี