เมื่อได้รับคำชมสำเร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็พึงพอใจแล้ว
เวลานี้เอง เยี่ยหวันหวั่นมองไปรอบข้าง พลันเห็นก้อนขนขาวๆ ที่นอนหมอบอยู่ข้างเท้าซือเยี่ยหาน
“ต้าไป๋!” เยี่ยหวันหวั่นร้อง “ว้าว” ปีนลงจากตัวซือเยี่ยหาน หันตัวทยานไปที่เสือขาว
จากความทรหดอดทนไม่ย่อท้อของเธอช่วงนี้ (ตามตื๊อไม่เลิกรา) ตอนนี้ในที่สุดเธอก็สามารถเข้าใกล้ต้าไป๋ในระยะหนึ่งก้าวได้แล้ว อีกทั้งยังแอบจับปลายขนเสือได้ด้วย
ซือเซี่ยเพิ่งจะเห็นเยี่ยหวันหวั่นกำราบปีศาจร้ายเสียอยู่หมัด วินาทีถัดมาก็ได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นยื่นมือชั่วร้ายนั่นไปที่สลอเทอร์แต่กลับไม่ถูกกัดขาด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอัศจรรย์ไปทั้งตัว
นี่ยังเป็นซือเยี่ยหานขี้โมโหที่สายตาไร้ซึ่งเม็ดทรายคนนั้นอยู่ไหม?
นี่ยังเป็นสลอเทอร์ที่ห้ามคนแปลกหน้าเข้าใกล้ ฉีกเนื้อคนจนขาดเป็นว่าเล่นตัวนั้นอยู่ไหม?
“โอ้โห…” ซือเซี่ยอดไม่ได้ร้องอุทานขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นถึงได้เงยหน้าขึ้น มองคนบางคนที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อ้าว? ซือเซี่ย? นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ซือเซี่ยได้ยินดังนั้น ใบหน้าสูงส่งพลันแตกละเอียดยิบ
ให้ตายสิเขาอยู่ตรงนี้มาตลอดต่างหาก
“นายมาเยี่ยมซือเยี่ยหานเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นกระพริบตาปริบๆ เอ่ยถาม
“มีปัญหาอะไรไหมล่ะ?” ซือเซี่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์
เยี่ยหวันหวั่นถามต่อทันที “อ้อ ถ้างั้นนายเยี่ยมเสร็จหรือยัง?”
ได้ยินคำถามไล่แขกเป็นนัยโดยไม่ได้พูด ซือเซี่ยก็หน้างอง้ำ “เยี่ยหวันหวั่น เธอหมายความว่าอะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะ “คือว่า…ถ้านายเยี่ยมเสร็จแล้ว ก็รีบกลับบ้านไปเถอะ เพราะว่าฉันกับอาเก้าจะไปข้างนอกแล้ว!”
ซือเซี่ยขมวดคิ้ว “ไปข้างนอก? ดึกขนาดนี้จะออกไปไหนกัน?”
เยี่ยหวันหวั่น “ก็ต้องไปเดทน่ะสิ!”
ซือเซี่ยไร้ซึ่งคำพูด
ซือเซี่ยโมโหเสียจนแสบปอดไปหมด “พอฉันกลับมา ก็รีบมาเยี่ยมไข้ทันที ตอนนี้ข้าวก็ยังไม่ได้กินสักคำ เธอก็จะไล่ฉันแล้วเหรอ! มีผู้ใหญ่ที่ไหนทำตัวแบบพวกเธอบ้าง?”
เยี่ยหวันหวั่นคงจะค้นพบความเมตตาแล้ว ถอนหายใจเอ่ยว่า “ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้กินข้าวสักหน่อย ฉันกับอาเก้าออกไปเดทกัน นายอยู่กินข้าวที่นี่ก็ได้ ฉันให้ห้องครัวทำให้ นายอยากกินอะไรก็ทำอันนั้น!”
ซือเซี่ย “เยี่ย! หวัน! หวั่น!”
เยี่ยหวันหวั่นถูกเจ้าเด็กแสบคำรามใส่เสียจนหูอื้อไปหมด “งั้นนายจะเอายังไงล่ะ?”
ซือเซี่ยสูดหายใจเข้าลึก “ไม่งั้นพวกเธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น หรือไม่ก็ พาฉันไปด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นเอียงศีรษะมองซือเยี่ยหาน “เอ่อ เบบี๋ คุณจะว่าอะไรไหมถ้ามีโคมไฟ[1]อีกสักดวง? ประมาณห้าร้อยวัตต์”
ซือเยี่ยหาน “ฉันยังไงก็ได้”
ซือเซี่ยไม่รู้จะพูดอะไร
…
ดังนั้น สุดท้ายแล้วเดทสองต่อสองก็กลายเป็นสามคนด้วยประการฉะนี้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถได้จอดหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นเตรียมให้ซือเยี่ยหานได้กินในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
ก่อนออกจากบ้านซือเซี่ยได้ให้คนเตรียมชุดลำลองให้เขาเปลี่ยนชุดหนึ่ง ตอนนี้เขาสวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ท่อนบนใส่เสื้อยืดสีชมพู มองดูเหมือนหนุ่มน้อยวัยใส
หน้าตาของทั้งสามคนอยู่ด้วยกันเด่นสะดุดตาเกินไป ตั้งแต่เมื่อกี้ก็ดึงดูดสายตามาไม่น้อย
เมื่อเดินเข้าร้านมา ก็เห็นว่าที่กิจการของร้านเป็นไปด้วยดีเช่นเคย ด้านนอกมีโต๊ะกางอยู่จำนวนไม่น้อย ทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าที่ต่อแถวรอทานอาหารอยู่
พนักงานสาววัยรุ่นของร้านกำลังถือป้ายประกาศอยู่นอกร้าน ประชาสัมพันธ์กับลูกค้าของร้านว่าวันนี้มีกิจกรรมคู่รัก
ซือเซี่ยหรี่ตามองชุดกระโปรงที่สีเหมือนกับเสื้อยืดของตัวเอง มุมปากยกยิ้ม จากนั้นพุ่งตัวไปข้างกายเยี่ยหวันหวั่น จงใจเอ่ยถามว่า “อาสะใภ้เก้า ดูสิ พวกเราใส่เสื้อผ้าแบบนี้…เหมือนคู่รักกันไหม?”
ซือเซี่ยกับเยี่ยหวันหวั่นอายุใกล้เคียงกันอยู่แล้ว ตอนนี้ยังใส่เสื้อผ้าในโทนสีเดียวกันเดินด้วยกัน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่รักกันได้ง่ายจริงๆ
ไอ้จอมหาเรื่องเอ๊ย!!
เยี่ยหวันหวั่นมองซือเยี่ยหานอย่างตื่นตระหนก จากนั้นกัดฟัน กอดแขนซือเยี่ยหาน ยิ้มจนตาหยีเอ่ยว่า “เฮอะๆ ไม่เหมือนพ่อแม่กับลูกชายหรอกเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี