บทที่ 539 ได้โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วย
เห็นเยี่ยหวันหวั่นจะอ้าปาก สืออีหันมองบอดี้การ์ดลับด้านล่างสังเวียนทันที “พวกนาย มาซ้อมกับคุณหนูเยี่ยหวันหวั่นหน่อยซิ”
“อ๊า?!”
เหล่าบอดี้การ์ดลับที่กำลังกุมท้องหัวเราะ รอยยิ้มพลันแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า
ตอนนี้บอดี้การ์ดลับพวกนั้นหัวเราะไม่ออกอีกแล้ว ฝีมือแปลกประหลาดของเยี่ยหวันหวั่น พวกเขาเห็นกับตาหมด แม้แต่สืออียังไม่อาจโต้กลับได้ พวกเขาขึ้นไปก็หาเรื่องเจ็บตัวชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?
ทว่า ในเมื่อสืออีสั่งแล้ว พวกบอดี้การ์ดลับย่อมไม่อาจปฏิเสธ ทำได้แค่ฝืนใจเดินขึ้นสังเวียนไป
“พลั่ก!”
“ตึง”
“ตุบตับ”
ภายในห้องฝึกซ้อมมีเสียงร้องโอดโอยของเหล่าบอดี้การ์ดลับดังอย่างต่อเนื่อง
ไม่ถึงสิบนาที บรรดาบอดี้การ์ดต่างตาช้ำหน้าบวมเหมือนสืออีไม่มีผิด สายตาที่มองเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
เมื่อครู่ตอนอยู่ข้างล่าง แม้จะรู้ว่าฝีมือของเยี่ยหวันหวั่นน่ากลัว แต่ก็แค่ตาเห็น พอขึ้นมารับรู้ด้วยตนเองแล้วย่อมต่างกันยิ่งกว่า
พวกบอดี้การ์ดลับต่างโอ้อวดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือ แต่พออยู่ต่อหน้าเยี่ยหวันหวั่นกลับไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่า ผู้หญิงร่างกาย ‘อ่อนแอ’ คนหนึ่งทำไมถึงมีความสามารถน่ากลัวขนาดนี้ได้
“พวกนายไม่ได้อ่อนข้อให้ฉันจริงเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นมองสืออีกับบอดี้การ์ดทั้งหลายที่ตาเขียวช้ำหน้าพลางถาม
“ไม่…ไม่เลยครับ…” บอดี้การ์ดหน้าหล่อใสหนึ่งในนั้นซึ่งถูกเยี่ยหวันหวั่นอัดยับเยินที่สุดส่ายหัวติดๆ กัน พูดติดอ่างเล็กน้อย
พวกเขาทุ่มเทสุดความสามารถแล้ว
ขนาดทำสุดความสามารถยังเป็นเช่นนี้ หากยังอ่อนข้อให้เยี่ยหวันหวั่นอีก เกรงว่าพวกเขาคงถูกเยี่ยหวันหวั่นต่อยจนตายทั้งเป็น
เยี่ยหวันหวั่นจับคางครุ่นคิด คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะเป็นต้นกล้าดีในด้านการต่อสู้ นี่เพิ่งจะเรียนไม่เท่าไหร่ ก็สามารถล้มครูได้แล้ว ถ้าให้เธอฝึกอีกสักปีสองปี นั่นคงจะถึงระดับปฐพีนี้ไร้ซึ่งศัตรู…
คิดถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นยิ่งรู้สึกสนใจ นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้น “มาๆๆ พวกนายเข้ามาพร้อมกันเลย โจมตีฉันสุดแรงเลยนะ”
“ไม่ไหวแล้วครับ…”
“คุณหนูหวันหวั่น…ไว้ชีวิตพวกผมเถอะ…”
“คุณหนูหวันหวั่น…พวกเราไม่ได้มีความแค้นติดค้างอะไรต่อกัน…”
“คะ…คุณหนู…หวะ…หวันหวั่น…พะ…พวกเรา…สู้…สู้คุณหนูไม่ไหว…คุณหนู…เก่งเกินไป…!” หนึ่งในบอดี้การ์ดลับที่ดูบอบบางคนหนึ่งพูดตะกุกตะกัก ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“คุณหนูหวันหวั่น…ได้โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วย!”
ทันใดนั้น สืออีเดินไปด้านหน้าเยี่ยหวันหวั่น โค้งตัวเก้าสิบองศา คำนับให้กับเยี่ยหวันหวั่น
เห็นสืออีทำแบบนี้ เยี่ยหวันหวั่นพลันตกตะลึง
อะไรนะ? รับเขาเป็นศิษย์?
ฐานะของเธอกับสืออี ทำไมถึงได้สลับกันรวดเร็วแบบนี้…
จำได้ชัดๆ ว่าสืออีเป็นโค้ช ส่วนตัวเองเป็นนักเรียนถึงจะถูก…
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันตั้งสติจากการกลายเป็น ‘อัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่มีร่างกายเป็นเลิศ’ ก็เจอครูของตัวเองกับลูกน้องบอดี้การ์ดขอให้รับเป็นศิษย์ สมองของเธอจึงงุนงงไปหมด
“ปัญหาคือ…ฉันไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆ รับพวกนายมาเป็นศิษย์จะไม่สอนพวกนายผิดๆ เหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยความปวดหัว
สืออีหลุบตาลง สีหน้าหม่นหมองอยู่บ้าง “คุณหนูหวันหวั่นรังเกียจที่พวกเราคุณสมบัติไม่พอเหรอครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นอุทาน “…หา?”
เธอเป็นนกน้อยบอบบางมาตลอด จะไปรังเกียจว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดทีมย่อยอย่างเขาคุณสมบัติไม่เพียงพอได้ยังไง! เขาไปเอาความเข้าใจผิดนี้มาจากไหน?
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่าไร้สาระมากเกินไป จึงไม่อยากรับปากเป็นธรรมดา จนใจที่ทนการรบเร้าของพวกเขาสองคนไม่ไหว สุดท้ายเลยได้แต่รับปากอย่างจนปัญญา “ฉันรับปากก็ได้…”
ได้ยินคำนี้จากเยี่ยหวันหวั่น ทั้งสองดีอกดีใจมาก ตอนแรกอยากจะพูดขอบคุณแต่กลับถูกเยี่ยหวันหวั่นขัดเสียก่อน
เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อด้วยท่าทางเคร่งขรึม “แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ตัวฉันเองก็รู้ไม่จริงทั้งหมด ไม่แน่ใจว่าจะสอนอะไรพวกนายได้ พวกนายเป็นคนบังคับฉันเอง ถ้าสอนผิดทาง ถึงเวลานั้นพวกนายห้ามไปฟ้องเจ้านายล่ะ!”
“อาจารย์ถ่อมตัวเกินไปแล้ว!” สีหน้าสืออีเผยความซาบซึ้ง
หลังจากรับรู้ความน่ากลัวของเยี่ยหวันหวั่นด้วยตัวเองแล้ว หากยังเชื่อว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่รู้จริง นั่นสิถึงเรียกว่าเห็นผี
“คุณหนูหวันหวั่น พวกเรา…พวกเราก็อยากให้คุณเป็นอาจารย์ด้วย…”
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดที่เหลือทำหน้ากระตือรือร้น ส่ายก้นตามมาด้วยเช่นกัน
“พอได้แล้ว พวกนายอยากเรียน ก็รอการแข่งขันชิงตำแหน่งปีนี้ผ่านไปก่อนค่อยว่ากัน อาจารย์จะสอนไหวที่ไหนกัน” สืออีรีบเอ่ย ได้ยินดังนั้น บอดี้การ์ดเหล่านั้นเบะปาก ทำได้แค่ปล่อยๆ ไป เสียใจที่เมื่อครู่เอาแต่ลังเลจึงคว้าโอกาสไว้ไม่ทันเวลา
……………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี