"ไปหาพ่อเถอะลูก" หญิงวัยกลางคน ที่เธอเรียกว่าแม่ ค่อยๆ พยุงลูกสาวให้ลุกขึ้น นางรู้ดีว่าลูกสาวคงทำใจกับเรื่องนี้ได้ยาก
"แม่คะ พ่ออยากจะพูดอะไรกับน้อง" ความเสียใจอีกหนึ่งอย่างที่ไม่น้อยไปกว่าการสูญเสียพ่อ..ก็คือไม่ได้ยินคำสั่งเสียก่อนที่ท่านจะหมดลมหายใจ
"มันผ่านไปแล้วลูก หนูอย่าคิดมากนะ" แก้วกานดาต้องได้ทำตัวให้เข้มแข็งและปลอบใจผู้เป็นลูก ถึงแม้นางจะไม่มีความรักให้สามีเลย แต่ก็อยู่กับเขามาหลายปี ความผูกพันมันก็ต้องมีบ้าง
"แม่..น้องจะทำยังดี" ถ้าจะให้ทำใจเรื่องนี้มันคงยาก..เป็นไปได้เธออยากจะตายตามผู้เป็นพ่อไปเลยด้วยซ้ำ แต่ยังมีห่วงอีกอย่างหนึ่งก็คือแม่
พอยืนขึ้นได้ขาเรียวก็ก้าวเดินตามแม่และพี่สาวมาที่ห้องดับจิตของโรงพยาบาลนั้น
"ลูกขอโทษ น้องเป็นลูกที่ไม่ดีมากเลยใช่ไหม ลมหายใจสุดท้ายของพ่อ..ลูกก็ไม่ได้อยู่ตอนนั้น" อัปสรสุดาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง แต่คำที่เธอพูดออกมา มันทำให้พี่สาวคนที่หัวใจแกร่ง ถึงกับมีน้ำตา
"พ่อคะ" มือเรียวค่อยๆ เลื่อนผ้าสีขาวที่ปกคลุมใบหน้าออกแบบช้าๆ "พ่อ!!"
ภาพที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง กอดศพพ่อร้องไห้ แทบจะขาดใจ ทำให้เขาสะเทือนใจมาก ..ใช่แล้วตอนนี้สิงหราชมาถึงห้องดับจิตนั้นแล้ว
เรื่องที่แชมป์นำมารายงาน ก็คือเรื่องที่พ่อของเธอเสีย
แทนที่เขาจะดีใจ เพราะมันคือสิ่งที่เขาอยากจะเห็นมากที่สุดในชีวิต แต่ทำไมพอเห็นภาพนี้แล้วถึงสะเทือนใจนัก
"คุณสิงห์" อัจฉราภรณ์มองออกไปเห็นเขาอยู่ตรงประตูพอดี
แก้วกานดารีบมองมาตามเสียงที่อัจฉราภรณ์เรียก ..ทำไมผู้ชายคนนี้หน้าคุ้นจัง เราเคยเจอที่ไหนหรือเปล่า.. นางพยายามมองและใช้ความคิด..ว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน แต่ก็เหมือนไม่เคย ใบหน้าของเขาเหมือนใครบางคน
"ผมเสียใจด้วยนะครับ" พอมีคนทักแบบนั้นแล้ว สิงหราชจำเป็นต้องได้เดินเข้ามา
"คุณพ่อเสียแล้วค่ะ" อัจฉราภรณ์เดินเข้าไปกอดผู้ชายร่างหนาเพื่อให้เขาปลอบ
ชายหนุ่มก็ทำหน้าที่นั้น แต่สายตาคมมองมาที่ผู้หญิงอีกคน ตอนนี้เหมือนเธอไม่รับรู้อะไรเลย นี่ขนาดเขายืนอยู่ด้านหลัง ..ถ้าเธอรู้ว่าเขาอยู่ในห้องนี้ด้วยไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
"ฉันจะทำยังไงดีคะ" อัจฉราภรณ์ยังพูดกับเขาต่อ เพื่อปรึกษาเรื่องพ่อ
"ผมจะให้คนจัดการงานศพให้ทุกอย่าง"
ใบหน้างามที่อยู่ในวงแขนเงยขึ้นมองคนตัวสูง และกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ..
"ไม่ต้อง!!" แต่คนที่ชิงพูดก่อนก็คืออัปสรสุดา เธอได้ยินตั้งแต่พี่สาวเรียกชื่อเขาแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากจะสนใจผู้ชายคนนี้อีก
"ยัยน้อง!" พี่สาวหันมาตะคอกน้องสาว
"ออกไป!" เธอไล่แบบไม่หันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ
"แกจะเสียมารยาทเกินไปแล้วนะยัยน้อง! แกรู้ไหมว่าคุณสิงห์เป็นใคร"
ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อัปสรสุดารู้จักเขาดียิ่งกว่าพี่สาวอีก
"ไป.." หญิงสาวแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไล่ ตอนนี้เธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ
เงินก้อนสุดท้ายที่พ่อของเธอมีอยู่ ท่านซื้อรถคันนั้นเพื่อให้เป็นของขวัญวันเกิด
อัปสรสุดาดีใจมากที่ได้ของขวัญ แต่เธอไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเงินก้อนสุดท้ายของพ่อ ถ้ารู้เธอจะไม่ให้พ่อทำแบบนี้
ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ที่แม่ใหญ่ของเธอเป็นคนที่จิตใจดี ไม่เหมือนลูกสาวของนาง ตอนที่มีเรื่องผู้หญิงคนสุดท้ายของสามี มะลิแม่ของอัจฉราภรณ์ก็เลยปลง..ถึงกับออกบวช..จนถึงทุกวันนี้นางก็ยังอยู่ที่วัด
และตอนนี้นางก็รู้แล้วว่าผู้เป็นสามีได้เสียชีวิตลง แต่นางก็ได้แต่ขออโหสิกรรม ไม่ขอมาร่วมงานศพนี้
"พ่อหนุ่ม.. เราเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันเหรอ" แก้วกานดาชั่งใจอยู่นาน ก็เลยยอมเอ่ยปากถามสิงหราช..
ชายหนุ่มที่กำลังสนใจแต่ผู้หญิงคนที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพของพ่อ ค่อยๆ หันกลับมามองคนที่ถามแบบช้าๆ
"ทำไมครับ"
"น้าคุ้นหน้าเรามาก เหมือนเคยเจอที่ไหน แต่ก็คิดไม่ออก"
"ผมคงจะหน้าโหลมั้งครับ"
"ไม่จริงหรอกหน้านี้เป็นเอกลักษณ์มาก" แก้วกานดาพยายามมองแบบครุ่นคิด และทันใดนั้นหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งผุดขึ้นมา "น้าจำได้แล้ว.. เรารู้จักผู้หญิงที่ชื่อสุดาไหม"
"....?!...."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไฟแค้น