ไฟแค้น นิยาย บท 19

"แม่ผมอยู่ไหน" ใบหน้าที่เรียบเฉยซ่อนอารมณ์ไว้มากมาย ยากที่จะบรรยาย ..สิ่งที่เขาเคยรับรู้มาทั้งหมด ถ้ามันไม่เป็นจริงแล้วเขาจะทำยังไงต่อ

"เสร็จงานศพนี้แล้ว น้าจะพาไป"

"คุณน้าแค่บอกผมมาคำเดียว..ว่าตอนนี้แม่ของผมยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม"

หลายวันผ่านไป..

วันนี้เป็นวันที่ 7 หลังจากที่คุณากรเสียชีวิตลง พวกเธอเก็บศพพ่อไว้เพื่อสวดอภิธรรม 7 คืน

"หนูดูหน้าซีดไปมากเลยนะลูก ทานอะไรบ้างหรือยัง" แก้วกานดาเป็นห่วงลูกสาวมาก

"เมื่อวานนี้ทานแล้วค่ะแม่"

"เมื่อวานนี้? วันนี้ก็สายมากแล้วทำไมลูกยังไม่ทานอีก" นางก็มัวแต่วุ่นๆ กับเรื่องงานศพเหมือนกัน

"ยังไม่หิวเลยค่ะ"

"ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวแม่จะไปเอาโจ๊กมาให้รองท้องก่อน" ที่นางยังไม่พาสีหราชไป ก็เพราะแบบนี้แหละ.. กลัวว่าลูกสาวจะไม่ดูแลตัวเอง เพราะเธอมีความผูกพันกับพ่อมาก ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน

"โจ๊กร้อนๆ มาแล้วจ้า" แก้วกานดาถือโจ๊กมาวางลงตรงหน้าลูกสาว

ตอนนี้เหลือแค่ย้ายโลงศพของพ่อเธอไปเข้าเมรุ แต่อัปสรสุดาก็ไม่ยอมห่างจากผู้เป็นพ่อ เธอยังนั่งเฝ้าท่านอยู่ตรงนั้น

"โจ๊กของเมื่อวานนี้เหรอคะ" หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีโจ๊กถ้วยนั้น

"ทำไมเหรอจ๊ะ แม่ครัวเพิ่งจะยกหม้อลงเองนะ" แก้วกานดายกโจ๊กถ้วยนั้นขึ้นมาสูดดมดูว่ามันมีกลิ่นจริงไหม "คงเป็นกลิ่นกุ้งมั้งลูก แต่แม่ครัวก็ทำดีอยู่นะ" นางคิดว่าลูกสาวคงจะเครียดมาก จนระบบรับกลิ่นรับรสทำงานผิดปกติ

"แม่เก็บไปเถอะค่ะ ถ้าหิวเดี๋ยวน้องจะไปหาทานเอง"

ตั้งแต่วันที่เธอตบหน้าเขา จนถึงวันนี้ ทั้งสองยังไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย แม้ว่าวันนั้นจะเป็นการด่าทอ แต่ก็ยังดีที่เธอยังพูดด้วย

สิงหราชนั่งอยู่โซฟาตัวที่ไว้สำหรับแขก VIP เขาได้แต่นั่งมองเธออยู่ตรงนั้น

ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียดี ถ้าไม่เพราะความรู้สึกนั้น คงไม่มีสิงหราชถึงทุกวันนี้ ป่านนี้เขาคงเป็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อถีบตัวเองให้ขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดแบบนี้

เวลาผ่านไปจนถึงช่วงที่ต้องเคลื่อนย้ายโรงศพไปเข้าที่เตาเผา ..นั่นก็คือเมรุ

"พ่อคะ" หญิงสาวยืนกอดรูปของพ่อร้องไห้ เธอได้แต่เงยหน้าขึ้นมองควันที่กำลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า "ลูกจะทำบุญส่งไปให้พ่อนะคะ" มันคือสิ่งเดียวที่เธอจะทำเพื่อพ่อได้ ยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณของท่านเลย แต่ท่านก็ต้องจากไปเสียแล้ว

"กลับบ้านกันดีกว่าลูก" ตอนนี้ถือว่าพิธีได้จบลง เหลือแต่เก็บอัฐิ

เช้าวันต่อมา..

ทุกคนมาพร้อมกันที่วัดเพื่อจะเก็บอัฐิของพ่อเธอไปใส่ธาตุ

พอเสร็จพิธีตรงนั้นแล้วแม่ของเธอก็ขอตัวออกมา เพื่อที่จะพาเขาไปที่นั่น

"แม่ไปเถอะค่ะ"

"หนูจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ไปกับแม่ดีกว่า"

"แม่ไปกับเขาเถอะ แต่แม่อย่าไว้ใจผู้ชายคนนี้มากนะ" พอรู้ว่าแม่จะเดินทางไปกับเขา เธอก็ไม่เชื่อใจเท่าไร แต่จะให้ร่วมเดินทางไปด้วยคงไม่

และเรื่องนี้อัปสรสุดาไม่ได้ถามแม่เลยสักคำว่าท่านจะไปไหน..ไปทำอะไร เธอบอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ขอรับรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้

"หนูต้องดูแลตัวเองนะลูก แม่ไปแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับแล้ว" พอเก็บอัฐิผู้เป็นสามีเสร็จ นางก็พาสิงหราชออกมา เพราะว่าได้สัญญากับเขาไว้แล้ว

หญิงสาวยืนมองตามท้ายรถที่แม่นั่ง ไปจนลับสายตา แล้วก็เดินกลับเข้ามาหาพี่สาวในวัด

"ไม่มีพ่อ..แล้วลูกจะอยู่ยังไง" มันเป็นสิ่งที่อัจฉราภรณ์คิดมาตลอด ..เพราะมีแม่ก็เหมือนไม่มี ท่านตัดทางโลกไปแล้ว จะไปเยี่ยมบ่อยก็ไม่ได้ การเดินทางลำบากมาก

"พี่ยังมีน้องไงคะ อย่าเสียใจเลยนะ" มือเรียวยื่นไปเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นพี่และปลอบใจทั้งน้ำตา

"บอกฉันไม่ให้เสียใจ ตัวเองก็ร้องไห้ไม่หยุด" พูดเสียงแข็งกระด้างใส่น้องสาว แต่ในน้ำเสียงนั้นทำไมดูห่วงใยมากกว่าจะด่าทอ

ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนที่พ่อยังรุ่งเรือง คงจะมีผู้คนมาไว้อาลัยกันมากมาย แต่ตอนนี้เหลือพวกเธอแค่สองคน

พี่และน้องยืนมองธาตุของพ่ออยู่พักใหญ่ แล้วก็ชวนกันกลับบ้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไฟแค้น