"แม่ผมอยู่ไหน" ใบหน้าที่เรียบเฉยซ่อนอารมณ์ไว้มากมาย ยากที่จะบรรยาย ..สิ่งที่เขาเคยรับรู้มาทั้งหมด ถ้ามันไม่เป็นจริงแล้วเขาจะทำยังไงต่อ
"เสร็จงานศพนี้แล้ว น้าจะพาไป"
"คุณน้าแค่บอกผมมาคำเดียว..ว่าตอนนี้แม่ของผมยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม"
หลายวันผ่านไป..
วันนี้เป็นวันที่ 7 หลังจากที่คุณากรเสียชีวิตลง พวกเธอเก็บศพพ่อไว้เพื่อสวดอภิธรรม 7 คืน
"หนูดูหน้าซีดไปมากเลยนะลูก ทานอะไรบ้างหรือยัง" แก้วกานดาเป็นห่วงลูกสาวมาก
"เมื่อวานนี้ทานแล้วค่ะแม่"
"เมื่อวานนี้? วันนี้ก็สายมากแล้วทำไมลูกยังไม่ทานอีก" นางก็มัวแต่วุ่นๆ กับเรื่องงานศพเหมือนกัน
"ยังไม่หิวเลยค่ะ"
"ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวแม่จะไปเอาโจ๊กมาให้รองท้องก่อน" ที่นางยังไม่พาสีหราชไป ก็เพราะแบบนี้แหละ.. กลัวว่าลูกสาวจะไม่ดูแลตัวเอง เพราะเธอมีความผูกพันกับพ่อมาก ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน
"โจ๊กร้อนๆ มาแล้วจ้า" แก้วกานดาถือโจ๊กมาวางลงตรงหน้าลูกสาว
ตอนนี้เหลือแค่ย้ายโลงศพของพ่อเธอไปเข้าเมรุ แต่อัปสรสุดาก็ไม่ยอมห่างจากผู้เป็นพ่อ เธอยังนั่งเฝ้าท่านอยู่ตรงนั้น
"โจ๊กของเมื่อวานนี้เหรอคะ" หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีโจ๊กถ้วยนั้น
"ทำไมเหรอจ๊ะ แม่ครัวเพิ่งจะยกหม้อลงเองนะ" แก้วกานดายกโจ๊กถ้วยนั้นขึ้นมาสูดดมดูว่ามันมีกลิ่นจริงไหม "คงเป็นกลิ่นกุ้งมั้งลูก แต่แม่ครัวก็ทำดีอยู่นะ" นางคิดว่าลูกสาวคงจะเครียดมาก จนระบบรับกลิ่นรับรสทำงานผิดปกติ
"แม่เก็บไปเถอะค่ะ ถ้าหิวเดี๋ยวน้องจะไปหาทานเอง"
ตั้งแต่วันที่เธอตบหน้าเขา จนถึงวันนี้ ทั้งสองยังไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย แม้ว่าวันนั้นจะเป็นการด่าทอ แต่ก็ยังดีที่เธอยังพูดด้วย
สิงหราชนั่งอยู่โซฟาตัวที่ไว้สำหรับแขก VIP เขาได้แต่นั่งมองเธออยู่ตรงนั้น
ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียดี ถ้าไม่เพราะความรู้สึกนั้น คงไม่มีสิงหราชถึงทุกวันนี้ ป่านนี้เขาคงเป็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อถีบตัวเองให้ขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดแบบนี้
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงที่ต้องเคลื่อนย้ายโรงศพไปเข้าที่เตาเผา ..นั่นก็คือเมรุ
"พ่อคะ" หญิงสาวยืนกอดรูปของพ่อร้องไห้ เธอได้แต่เงยหน้าขึ้นมองควันที่กำลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า "ลูกจะทำบุญส่งไปให้พ่อนะคะ" มันคือสิ่งเดียวที่เธอจะทำเพื่อพ่อได้ ยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณของท่านเลย แต่ท่านก็ต้องจากไปเสียแล้ว
"กลับบ้านกันดีกว่าลูก" ตอนนี้ถือว่าพิธีได้จบลง เหลือแต่เก็บอัฐิ
เช้าวันต่อมา..
ทุกคนมาพร้อมกันที่วัดเพื่อจะเก็บอัฐิของพ่อเธอไปใส่ธาตุ
พอเสร็จพิธีตรงนั้นแล้วแม่ของเธอก็ขอตัวออกมา เพื่อที่จะพาเขาไปที่นั่น
"แม่ไปเถอะค่ะ"
"หนูจะอยู่คนเดียวได้ยังไง ไปกับแม่ดีกว่า"
"แม่ไปกับเขาเถอะ แต่แม่อย่าไว้ใจผู้ชายคนนี้มากนะ" พอรู้ว่าแม่จะเดินทางไปกับเขา เธอก็ไม่เชื่อใจเท่าไร แต่จะให้ร่วมเดินทางไปด้วยคงไม่
และเรื่องนี้อัปสรสุดาไม่ได้ถามแม่เลยสักคำว่าท่านจะไปไหน..ไปทำอะไร เธอบอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ขอรับรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้
"หนูต้องดูแลตัวเองนะลูก แม่ไปแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับแล้ว" พอเก็บอัฐิผู้เป็นสามีเสร็จ นางก็พาสิงหราชออกมา เพราะว่าได้สัญญากับเขาไว้แล้ว
หญิงสาวยืนมองตามท้ายรถที่แม่นั่ง ไปจนลับสายตา แล้วก็เดินกลับเข้ามาหาพี่สาวในวัด
"ไม่มีพ่อ..แล้วลูกจะอยู่ยังไง" มันเป็นสิ่งที่อัจฉราภรณ์คิดมาตลอด ..เพราะมีแม่ก็เหมือนไม่มี ท่านตัดทางโลกไปแล้ว จะไปเยี่ยมบ่อยก็ไม่ได้ การเดินทางลำบากมาก
"พี่ยังมีน้องไงคะ อย่าเสียใจเลยนะ" มือเรียวยื่นไปเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นพี่และปลอบใจทั้งน้ำตา
"บอกฉันไม่ให้เสียใจ ตัวเองก็ร้องไห้ไม่หยุด" พูดเสียงแข็งกระด้างใส่น้องสาว แต่ในน้ำเสียงนั้นทำไมดูห่วงใยมากกว่าจะด่าทอ
ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนที่พ่อยังรุ่งเรือง คงจะมีผู้คนมาไว้อาลัยกันมากมาย แต่ตอนนี้เหลือพวกเธอแค่สองคน
พี่และน้องยืนมองธาตุของพ่ออยู่พักใหญ่ แล้วก็ชวนกันกลับบ้าน
เพล้ง! พอได้ยินพี่สาวถามหาผู้ชายคนนั้นช้อนในมือถึงกับร่วงลง
"แกเป็นบ้าอะไร ตกใจหมดเลย" อัจฉราภรณ์ยังไม่รู้ว่าสิงหราชออกไปกับแม่ของอัปสรสุดา
"ปะ..เปลาค่ะ" เธอไม่อยากจะได้ยินแม้แต่ชื่อของเขา
"ป้ายังไม่เห็นคุณสิงหราชตั้งแต่เสร็จงานศพแล้วนะคะ"
"เมื่อตอนงานศพยังไม่ขอบคุณเขาเลย เขาอุตส่าห์ช่วยงานทุกอย่าง"
"จริงด้วยค่ะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ดีมากเลย ถ้าได้มาเป็นเขยบ้านนี้นะ" ป้าเริ่มทำหน้าฟินขึ้นมา
"ทำไมป้ารู้ล่ะ" อัจฉราภรณ์อยากได้เขาแทบใจจะขาดอยู่แล้ว วันงานเธอพยายามที่จะใกล้ชิด พูดคุยกับเขาให้มากที่สุด
"อย่าบอกนะคะว่าคุณฟ้าชอบ.."
"คนนี้แหละค่ะป้า คือพ่อของลูกฟ้าเลยล่ะ" จากที่เศร้าเรื่องพ่ออยู่พอคุยถึงผู้ชายอัจฉราภรณ์ก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา
ต่างจากอีกคนที่ตอนนี้หน้าซีดเซียว เมื่อพูดถึงเรื่อง....
"เป็นอะไรทำไมไม่กิน อย่าบอกนะว่าชอบผู้ชายคนเดียวกับฉัน" อันนี้พี่สาวพูดเล่น..แกมพูดจริงไปในตัว
"ปะ..เปล่าค่ะ"
วันต่อมา @จังหวัดเชียงราย
พอนอนพักเอาแรงเขาก็เดินทางต่อ จนมาถึงที่จังหวัดนี้
แก้วกานดาบอกทางตลอดระยะเวลาที่นั่งรถมา มันเป็นทางขึ้นดอย ถนนขรุขระ แต่นางก็จำทางได้แม่น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว
"หลายปีแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่ ดีจังเลยที่มีถนนเข้ามาถึงที่" แต่ก่อนต้องได้เดินเท้า แต่พอมาวันนี้ เห็นมีถนนลูกรังเส้นไม่ค่อยใหญ่..แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เดินเท้า
"ที่นี่เหรอครับ.." ชายหนุ่มมองที่ที่แม่ของเธอบอกให้จอด เพราะถนนมาสิ้นสุดอยู่แค่นี้..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไฟแค้น