ไฟแค้น นิยาย บท 39

"หมาน้อย..หมาน้อยล่ะคะ" หญิงสาวเดินเข้ามาในห้อง พอไม่เจอลูก เธอก็มองหาจนทั่ว

"คุณใจเย็นก่อนสิ" ชายหนุ่มเดินมาโอบเอวบางไว้

"ลูกล่ะคะ" อัปสรสุดาหันมาถามเขาอีกที

"นอนหลับอยู่เตียงนั่นไง" สิงหราชให้คนจัดหาเตียงสำหรับเด็กเข้ามาให้ลูกชายได้นอนสบายๆ หน่อย

"หมาน้อย" หญิงสาวรีบเดินอ้อมไปตรงที่เขาบอกว่าลูกนอนอยู่

แต่ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในห้องไม่ได้สนใจการตามหาหมาน้อยของอัปสรสุดาเลย พวกท่านสนใจว่าทำไมทั้งสองถึงดูสนิทกันจนผิดตา

"ป้าว่าอย่าเพิ่งกวนแกดีกว่า หมาน้อยเพิ่งจะหลับไป" สุดาพูดกับอัปสรสุดา แต่สายตาของนางมองดูลูกชายแบบสงสัย

"แกกวนมากไหมคะ" หญิงสาวเอื้อมมือลงไปลูบศีรษะของลูกชายที่กำลังหลับใหลอยู่

"ไม่กวนเลยจ้า แกน่ารักมาก"

"ขอบคุณคุณป้ามากเลยนะคะ ที่ต้องได้ดูแลหมาน้อยและยังได้ดูแลคุณแม่อีกคน" อัปสรสุดาเดินมาหาแม่ที่เพิ่งลุกขึ้นนั่งพิงเมื่อตอนเห็นเธอเข้ามา

"ธุระของหนูเสร็จแล้วเหรอลูก" แก้วกานดายื่นมือมากุมมือลูกสาวไว้

"เสร็จแล้วค่ะ" หญิงสาวโผลเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ "น้องขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้" ถ้าไม่เพราะเธอหนีหายไป แม่ก็คงไม่ได้อยู่ในสภาพนี้

"ไม่ร้องไห้นะลูก" นางลูบผมลูกสาวเพื่อปลอบใจ

"หมาน้อยคือลูกของแกใช่ไหมสิงหา" พอคำถามนี้ออกจากปากสุดาแม่ของสิงหราช ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างก็หันมองมาที่นางพร้อมกัน

มันเป็นคำถามเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของผู้เป็นแม่ เพราะเด็กคนนี้หน้าเหมือนลูกชายของนางมาก และนางคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่ใช่พ่อของเด็กหรอก ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อของหมาน้อยต้องแวะเวียนมาหาลูกบ้างสิ แต่นี่อะไร..ทำไมถึงมีแต่ลูกชายของนางที่มา

"ผมขอโทษครับ" ชายหนุ่มคุกเข่าลง ปลายเตียงคนป่วยที่มีแก้วกานดานั่งอยู่บนนั้น เพื่อทำให้รู้ว่าเขาเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่ทำแบบนี้กับครอบครัวของนาง

"สิงหาลูกทำอะไร" สุดาเดินมาหวังจะพยุงลูกชายให้ลุกขึ้น

"ผมขอโทษ ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหันมามองคนตัวเล็กที่กอดแม่แบบไม่วาง

น้ำตาของอัปสรสุดาไหลไม่หยุด เธอไม่ได้หันมามองเขาเลยด้วยซ้ำ

"มันเกิดอะไรขึ้น" แก้วกานดาก้มลงไปถามลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอด

"ก็เป็นอย่างที่เขาพูดนั่นแหละค่ะแม่ ผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดี" หญิงสาวพูดออกไปพร้อมกับเสียงที่สะอื้น แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง

"คุณอย่าร้องไห้เลยนะ ผมขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา" คนร่างหนาค่อยๆ ขยับเข่าเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก

"คุณอย่าเข้ามานะ!" หญิงสาวพูดเสียงแข็ง โมโหขึ้นมาอีกครั้ง..ชีวิตของเธอที่ต้องเจออะไรแบบนี้..เพราะเขาคนเดียว

"ผมไม่เข้าใกล้ก็ได้ แต่คุณหยุดร้องไห้ก่อนได้ไหม.. มันไม่เป็นผลดีต่อลูกของเราเลยนะ" ชายหนุ่มห่วงอีกคนที่อยู่ในท้องของเธอ เพราะไม่อยากให้แม่อารมณ์ขุ่นมัว

"หมายความว่ายังไง" แก้วกานดาและสุดาเริ่มจะสงสัยในคำพูดของเขาอีกครั้ง

"ตอนนี้เธอกำลังท้องน้องของพยัคฆ์อยู่ครับแม่"

"ท้อง?!" แม่ๆ ทั้งสองถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน

"แม่ว่าเราต้องทำอะไรให้ถูกต้องกันแล้วล่ะ" ถึงแม้สุดาจะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นางก็พอจะคาดเดาไว้บ้างแล้ว

"ลูกทั้งสองรักกันไหม" มันคือคำถามของแก้วกานดาที่อยากจะรู้ในตอนนี้

"ไม่ค่ะ" อัปสรสุดาตอบแม่ออกมาทันทีโดยที่ไม่ใช้เวลาคิดเลยด้วยซ้ำ

"แล้วเราล่ะสิงหา" สุดาหันมาถามลูกชายบ้าง

"ผม.." ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายแต่ความน้อยใจก็มีเหมือนกัน ตอนนี้น้อยใจที่เธอตอบแม่ของเธอออกมาได้เร็วมาก..แบบไม่คิดเลยด้วยซ้ำ

"เขาก็ไม่ได้รักน้องค่ะ" หญิงสาวตอบแทนเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มใช้เวลาคิด

"ตายแล้ว" สุดาถึงกับอุทานออกมา เพราะการที่จะครองคู่กันมันต้องมีสิ่งนี้เป็นการเชื่อมระหว่างคนสองคน

"ไม่ได้รักกัน แต่มีลูกด้วยกันถึงสองคนเลยนะ" แก้วกานดาพูดออกมาเบาๆ

และมันก็ทำให้เธอและเขามองสบตากันแบบไม่ได้นัดหมาย

"น้องพูดจริงค่ะ" มือเรียวปาดน้ำตาออกจากใบหน้างาม เหมือนทำให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดคือความจริง

"อีกสองวันคุณหมอจะให้แม่ออกจากโรงพยาบาล ..แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่" บรรดาแม่ของทั้งสองคิดว่าต้องใจเย็นก่อน เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะงอนกันอยู่แน่

"จริงเหรอคะ" ใบหน้าที่กำลังเศร้าหมองเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่าผู้เป็นแม่แข็งแรงจนจะออกจากโรงพยาบาลได้

เย็นวันเดียวกันนั้น..

พอหมาน้อยตื่นขึ้นมา เจอว่าผู้เป็นแม่กลับมาแล้ว เด็กน้อยก็ดีใจมาก กอดแม่ไม่ยอมห่าง

แต่ตอนนี้สิงหราชไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เขาต้องได้ไปเคลียร์เรื่องที่เธอก่อไว้ เพราะไม่อยากให้อิทธิเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเธออีก

พวกเขานัดเจอกันที่โรงแรม ห้องเดียวกันกับที่อิทธิพาอัปสรสุดามาคุย

"เช็คที่คุณเซ็นให้เมียผมวันนั้น" สิงหราชยื่นเช็คใบนั้นคืนให้กับอิทธิ เขายังเก็บมันไว้อย่างดี เพื่อที่จะนำมันกลับมาคืนให้เจ้าของ

"แบบนี้ไม่ดีมั้งครับคุณสิงหราช เช็คใบนี้ผมไม่ได้ให้คุณสักหน่อย" อิทธิพอรู้เรื่องนี้มาบ้างแล้ว ว่าอัปสรสุดาคือภรรยาที่ไม่เปิดเผยของสิงหราช และเขาก็รู้สึกเสียดายมาก

"ตามใจนะถ้าคุณไม่รับคืน.." ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นแล้วเดินมาที่เก้าอี้โดยไม่แยแส

"เดี๋ยวก่อนสิครับคุณจะไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ" ถึงแม้อิทธิจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขาได้ ..แต่ทางด้านธุรกิจแล้ว..อิทธิเทียบชั้นกับสิงหราชไม่ได้เลย

พออิทธิเดินตามมา ลูกน้องของสิงหราชรีบเดินเข้ามาขวางไว้

"เรื่องนั้นผมยอมวางมือก็ได้ ถ้าคุณยอมคุยธุรกิจกับผม"

ชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับมา ..มันฉลาดมากที่เอาเธอมาแลกกับเรื่องธุรกิจ แต่มันก็ไม่ได้เกินความคาดเดาของสิงหราชไปได้เลย..

"ได้..ต้องการอะไรก็ร่างเป็นเอกสารออกมา เดี๋ยวผมจะพิจารณาอีกที"

"คุณห้ามผิดคำพูดนะคุณสิงหราช" อิทธิได้แต่ตะโกนตามหลังสิงหราชไป เพราะตอนนี้เขาได้เดินออกจากโรงแรมนั้นไปแล้ว

วันที่แม่ของเธอออกจากโรงพยาบาลก็มาถึง..

ตอนนี้สิงหราชให้ลูกน้องพาพวกท่านและลูกชายไปส่งที่บ้าน ..ส่วนตัวเขาและเธอต้องได้จัดการเรื่องฝากท้อง

พอลิฟต์เปิดออกที่ชั้นล่าง หญิงสาวก็ได้ก้าวเดินออกมาก่อน ส่วนชายหนุ่มเดินตามหลังมาแบบไม่ห่าง

"คุณสิงห์คะ" เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากทางด้านหลังสิงหราชและอัปสรสุดาถึงกับหยุดแล้วหันกลับไปมอง..มันคือเสียงของอัจฉราภรณ์ที่กำลังจะขึ้นไปชั้นบน แต่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งพวกเขาจึงมองไม่เห็น

"คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเจอคุณที่นี่" จบคำพูดก็เดินเข้ามาควงแขนเขาแบบแสดงความเป็นเจ้าของ

"ทำไมแกถึงลงมากับคุณสิงห์ได้ล่ะ" พอหันไปพูดกับน้องสาวกลับใช้คนละโทนเสียงกัน

"ฉันคิดว่าวันนี้คุณคงจะไม่ว่างแล้ว..ถ้างั้นฉันจะกลับก่อน" ทั้งสองกำลังจะมาทำเรื่องฝากท้องที่ชั้นล่าง

"เธอนัดกับคุณสิงห์จะไปไหนกัน" อัจฉราภรณ์พูดออกมาด้วยท่าทางที่ไม่พอใจเอามากๆ

แต่อัปสรสุดาหันหลังแทนคำตอบแล้วเธอก็ก้าวเดินไป

"คุณเดี๋ยวก่อนสิ..ผมขอตัวก่อนนะครับ" เขาร้องตามเธอไป แต่อัปสรสุดาก็ไม่หยุด ชายหนุ่มพยายามแกะมือของพี่สาวเธอออก

"คุณจะรีบไปไหนคะ" ไม่ยอมปล่อยมือแถมยังเหนี่ยวรั้งเขาไว้

"ผมกำลังจะไป..."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไฟแค้น