ไฟแค้น นิยาย บท 41

"เหม็น" หญิงสาวเริ่มพะอืดพะอมหนักเข้า เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ ถึงแม้เขาจะอาบน้ำไปแล้วมันก็ยังมีกลิ่น

"ถ้างั้นผมจะนอนข้างล่างนะ คุณจะได้ไม่เหม็นมาก" ชายหนุ่มห่มผ้าให้เธอก่อนที่เขาจะหยิบหมอนหนึ่งใบวางลงข้างเตียง

ตั้งแต่เป็นสิงหราชมา ไม่เคยต้องมานอนพื้นแข็งและเย็นเฉียบแบบนี้ ทำไมเขาถึงทำเพื่อเธอได้ขนาดนี้

หญิงสาวมีความเป็นห่วงเขาอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทนเพื่อเธอได้มากแค่ไหน ก็เลยไม่เอ่ยปากพูดอะไร

เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอเป็นสัญญาณบอกว่า คนตัวเล็กได้นอนหลับไปแล้ว ชายหนุ่มถึงค่อยๆ คืบคลานขึ้นมา

พอร่างกายของเขานอนได้ที่ เสียงของเธอเหมือนพะอืดพะอมในขณะที่หลับอยู่ คงเพราะกลิ่นหายใจใกล้มาก ..สิงหราชก็เลยโยนหมอนกลับลงไปที่เดิม ..เอาวะคงไม่หนาวตายหรอก ที่ไม่ไปหาผ้ามาห่มนอนดีๆ เพราะอยากโชว์พาวเวอร์ให้ภรรยาได้เห็น

เช้าวันต่อมา..

"อัปสร.. คุณตกเตียงเหรอ" ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธอนอนหนุนแขนเขาอยู่ พร้อมผ้าห่ม

พอหญิงสาวได้ยินเสียงก็รีบลุกขึ้น..แต่ไม่ตอบอะไร

"ไปหาหมอหน่อยดีกว่า" สิงหราชรีบลุกตาม เขาคิดว่าเธอคงตกเตียงลงมาแน่.. ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องเธอมาก

"ฉันไม่ได้ตกสักหน่อย ใครจะไปนอนดิ้นถึงขั้นตกเตียงขนาดนั้น" หญิงสาวพูดใส่อารมณ์เพื่อกลบเกลื่อนนิดหนึ่ง

"ไม่ได้ตกเตียง ทำไมคุณถึงมานอนอยู่.." พอคิดขึ้นมาได้ว่าเธอคงจะกลัวเขาหนาวตาย และในห้องนี้ก็มีผ้าห่มแค่ผืนเดียว..มุมปากยกยิ้มขึ้นทันทีที่หยุดพูด

"คุณยิ้มอะไร ไปแปรงฟันเลยนะเหม็น"

"ไปเดี๋ยวนี้ครับ" รีบวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

"แมะ.แม่ะ" เสียงเด็กน้อยเรียกอยู่หน้าประตูห้อง อัปสรสุดารีบไปเปิดให้

"น้องถามหาคุณแม่กับคุณพ่อตลอดเลยค่ะ" ตอนนี้พยัคฆราชมีพี่เลี้ยงประจำกาย ..สิงหราชจ้างพี่เลี้ยงที่ผ่านการฝึกเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงเด็กมาโดยตรง

"อ้าวพยัคฆ์น้อยของพ่อ" เด็กน้อยกำลังงอแงกอดแม่ แต่พอพ่อออกมาจากห้องน้ำก็รีบวิ่งไปหาพ่อทันที

แล้วสิงหราชก็พาทั้งสองลงมาทานข้าว ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็รอแค่พวกเขา

"มาทานข้าวกับย่าดีกว่าลูก" สุดาเอื้อมมือไปรับหลานจากพ่อของแก "มีแต่ของชอบของหนูทั้งนั้นเลย" แล้วคุณย่าก็ตักอาหารใส่ปากหลานชาย

"วันนี้ผมฝากพยัคฆ์หน่อยนะครับ เดี๋ยวจะพาแม่ของแกไปฝากท้องที่โรงพยาบาล"

"อ้าว..แล้วเมื่อวานนี้ยังไม่ได้ฝากกันเหรอลูก"

ชายหนุ่มรีบมองหน้าคนตัวเล็กทันที เพราะกลัวว่าจะงอนเรื่องของพี่สาวขึ้นมาอีก

"ท้องยังอ่อนอยู่เลยไม่ต้องรีบไปฝากก็ได้" หญิงสาวพูดขึ้นบ้าง

"ผมอยากให้อยู่ในความดูแลของคุณหมอ"

"ก็ดีเหมือนกันนะลูก จะได้รู้ด้วยว่าน้องของพยัคฆ์ อายุครรภ์เท่าไรแล้ว" สุดาทำหน้าที่ป้อนข้าวหลานแล้วก็ยังหันมาพูดกับพ่อและแม่ของหลาน

"เรื่องนั้นไม่ต้องเช็คหรอกครับ ว่าอายุครรภ์เท่าไร เพราะผมรู้ดี" สายตาชายหนุ่มมองต่ำลงไปที่หน้าท้อง ซึ่งตอนนี้มันยังแบนราบอยู่

หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้ชัด 

"น้ำดีเป็นบ้า" สิงหราชพูดออกมาเบาๆ คนแรกก็ปล่อยแค่สองถึงสามครั้ง พอมาคนสองครั้งเดียวก็ติดแล้ว

"ลูกว่าอะไรนะ"

"เปล่าครับ"

[โรงพยาบาล]

ที่จริงเขาให้หมอมาที่บ้านก็ได้ แต่เครื่องมือกลัวว่าจะไม่พร้อม ชายหนุ่มก็เลยพาเธอมาตรวจให้แน่ใจ

พอตรวจทุกอย่างเสร็จสรรพ..ทั้งสองก็กลับมาที่รถ

แล้วชายหนุ่มก็สั่งลูกน้องไปอีกที่หนึ่ง..

"เรามาที่นี่กันทำไมคะ" หญิงสาวมองดูสำนักงานเขตบางรัก ที่ลูกน้องของเขาเพิ่งจะจอดรถ

"เดี๋ยวลงรถไปคุณก็รู้" มือหนาคว้าคนตัวเล็กให้เดินตามมา อัปสรสุดาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขามาที่นี่ทำไม

"เชิญได้เลยครับคุณสิงหราช" คนระดับเขาแค่โทรมา ทุกอย่างก็ถูกเตรียมพร้อมรอเสมอ

"อะไรคะ" ถามไปทั้งๆ ที่รู้ว่า กระดาษที่อยู่ตรงหน้ามันคือ...

"เอกสารที่ช่วยยืนยันว่า..ต่อจากนี้ไปผมจะมีแค่คุณเพียงคนเดียว"

จากที่ไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้น้ำตามันได้ไหลลงมาแบบห้ามไม่อยู่

"ผมอนุญาตให้คุณร้องไห้ได้แค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย" นิ้วโป้งที่คิดว่าแกร่งที่สุด ได้ถูกยื่นไปเขี่ยน้ำตา ที่กำลังไหลรินลงมาบดบังใบหน้างาม

"ถ้าพร้อมแล้วก็เซ็นต์ชื่อได้เลยนะครับ" นายทะเบียนยื่นใบทะเบียนสมรสพร้อมปากกาสีทองมาให้ทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงหน้า

ชายหนุ่มเซ็นต์ชื่อลงไปก่อน เพื่อให้เธอเห็นว่า เขาต้องการอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอจริง

"คุณพร้อมที่จะเซ็นต์ชื่อ ต่อจากผมไหม" สิงหราชยื่นปากกาด้ามเดียวกันส่งมาให้

อัปสรสุดารับมันมา แล้วก็เซ็นต์ชื่อตัวเองลงไปในนั้น วันนี้เธอรู้สึกอบอุ่นมาก..มากจนไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา นอกจากน้ำตาที่รินไหลไม่ขาดสาย

"เราจะรอจัดงานแต่ง พร้อมกับเจ้าตัวเล็กนะ" เขาอยากให้ลูกทั้งสอง ได้อยู่ร่วมแสดงความยินดี ในงานวิวาห์ของพ่อและแม่ไปพร้อมกัน

"ค่ะ" แค่นี้เขาก็ทำให้เห็นแล้วว่าเธอสำคัญกับเขาจริงๆ

ออกจากสำนักงานเขต สิงหราชก็พามาทานข้าว ล่องเรือที่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยการเหมาลำเรือ

"ถ้าคุณไม่ไหวบอกนะผมจะได้พาขึ้นฝั่ง" ชายหนุ่มกลัวว่าเธอจะแพ้ท้อง

"ฉันไหวค่ะ" อัปสรสุดาไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่อบอุ่นได้ถึงเพียงนี้

ทั้งสองทานข้าวเสร็จก็ต้องได้กลับมา เพราะว่าที่บ้านยังเหลือแม่อีกสองคนและลูกรออยู่

"หมาน้อย" หญิงสาวลงจากรถได้ ก็ตรงเข้าไปหาลูกที่กำลังวิ่งมารับ

"พยัคฆ์..มาหาพ่อเร็ว" ชายหนุ่มพูดเน้นเสียงคำว่าพยัคฆ์มาก เพราะอยากให้ภรรยาเรียกลูกชายชื่อนี้ด้วย

พอพ่อยื่นมือไป จากที่กำลังจะวิ่งหาแม่ เด็กน้อยกลับเปลี่ยนใจวิ่งไปหาพ่อ

"หมาน้อย!"

"พยัคฆ์" สิงหราชหันไปพูดกับภรรยา พร้อมกับอุ้มลูกชายขึ้นมา

"ฉันจะเรียกหมาน้อย มีปัญหาอะไรไหม!" เธองอนให้ลูกชาย ก็เลยพาลไปถึงพ่อของลูก

ชายหนุ่มทำท่าทางขึงขังแล้วพูดออกไปว่า "ไม่มีคร้าบ"

"แหมทีเมียพูด ไม่ดุเลยส้ากกกกคำ" คนที่พูดลากเสียงยาว และแชมป์ก็หมายถึงเรื่องที่อัปสรสุดาเรียกลูกชายว่าหมาน้อย

"ไอ้แชมป์!!"

"ผมเปล่าพูดครับ ไอ้เอกมันเป็นคนพูด"

"กูได้ยินนะว่ามึงพูด เดี๋ยวมึงก็เจอตีนอีกหรอก" ถ้าไม่ติดที่กำลังอุ้มลูกอยู่ แชมป์คงได้กินบาทาเข้าไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไฟแค้น