ไฟแค้น นิยาย บท 47

ข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวฉาวของวงการสีกากีเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่เล่นงานเขาไม่ปล่อยให้เงียบแน่ ตอนนี้เริ่มมีเพจดังจับตามองและรอทำข่าว ..ส่วนกล้องที่จับอยู่ด้านในห้อง ก็คือกล้องของทางสถานีตำรวจ เพื่อที่จะเอาไว้จับพิรุธของผู้ที่ถูกกล่าวหา นั่นก็คือท่านสารวัตรดัมมี่

"พี่ดัมมี่ทำไมพี่ไม่พูดอะไรเลย" นกเอี้ยงเดินมายืนข้างกายของดัมมี่ ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่เธอหมายปองไว้ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้น เธอก็อยากจะช่วย

เพราะไม่ใช่แค่ตำแหน่งการงานของเขาที่สูง แถมหน้าตายังหล่อเหลา ที่สำคัญสุดคือเขายังโสด เพราะสมัยนี้หาผู้ชายโปรไฟล์แบบนี้ได้ยากมาก

"คุณนกเอี้ยงครับ ตอนนี้ท่านสารวัตรไม่สามารถที่จะพูดกับใครได้ เพราะถูกสั่งห้าม เชิญคุณนกเอี้ยงออกไปข้างนอกก่อนดีกว่าครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านนอก มาเชิญให้นกเอี้ยงออกไปก่อน

เมรีหันมามองดูหน้าคนที่นั่งอยู่ด้านข้างทันทีที่ได้ยินคุณตำรวจพูด ..เป็นแบบนี้เองเหรอ ที่เขาไม่พูดอะไร เพราะถูกสั่งห้าม เธอรู้ดีว่าถ้าถูกสอบวินัย เขาคงจะเจอหนักแน่

"เราเริ่มต่อเลยดีกว่าครับ"

การตรวจสอบก็ได้ดำเนินต่อไป ภาพหลักฐาน และคลิปกล้องวงจรปิดได้ถูกดึงออกมาเป็นระยะ

สวนนกเอี้ยงที่ยืนมองอยู่ด้านนอก เริ่มจะจับใจความได้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

"หลักฐานแน่นหนามาก ถึงแม้ผู้เสียหายต้องการอยากจะช่วย ก็คงยาก" เจ้าหน้าที่พูดเปรยขึ้นมา เพราะเห็นเธอไม่ค่อยพูดอะไรเลย

ผู้เสียหายได้แต่มองดูภาพของตัวเอง แล้วทำมากสุดก็แค่พยักหน้า หลายคนคิดว่าเธอคงจะชอบลีลาของสารวัตร ถึงเก็บงำไว้แบบนี้

ส่วนดัมมี่..ได้แค่มองดูภาพหลักฐานที่ยื่นออกมา เพื่อเอาผิดเขาให้ได้ ..ทำไมชายหนุ่มถึงจะไม่รู้ว่ามันเป็นฝีมือของใคร ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว

"ถ้าผู้เสียหายไม่มีอะไรจะพูดอีก พวกเราขอตรวจสอบท่านสารวัตรต่อ เชิญผู้เสียหายออกไปก่อนครับ" บุคลากรที่นั่งอยู่ด้านหน้าหนึ่งในสามนั้นได้กล่าวขึ้น

"ตรวจสอบยังไงคะ" หญิงสาวถามขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนมาเชิญให้เธอออกจากห้องไปก่อน

"เรื่องนั้นทางเราจะแจ้งให้ผู้เสียหายได้รับทราบที่หลัง แต่ทางเราไม่ยอมนิ่งดูดายให้ประชาชนได้ถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวแน่ครับ"

"ฉันควรจะได้รู้ไม่ใช่เหรอคะ ถ้าพวกคุณไม่บอกฉันก็จะยังไม่ออกไป" ทีแรกเธอคิดว่าเรื่องนี้จะไม่ลุกลามใหญ่โตถึงขนาดนี้ แต่นี่มันถึงขั้นทำให้เขาหมดอนาคตได้เลยนะ

..ถึงแม้ว่าเธอจะเลิกรากับเขาไปแล้ว แต่ก็ยังจำช่วงเวลาดีๆ ที่อยู่ด้วยกันไม่เคยลืม

"จะมีการสอบวินัย ในช่วงนี้ก็จะทำทัณฑ์บนและพักงานไว่ก่อน หรือไม่ก็อาจจะย้ายไปที่ชายแดน"

"ทำไมต้องทำรุนแรงกันถึงขนาดนั้นด้วย..ฉันไม่งอนแล้วก็ได้"

"ไม่งอน?" ทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านในถึงจะมองหน้ากัน เพราะท่าทางของเธอเปลี่ยนไปจากตอนให้การมาก เพราะตอนนั้นเธอไม่ค่อยพูดอะไรเลย

"ฉันก็แค่งอนเขา ที่คุยกับผู้หญิงคนอื่น" สายตาของหญิงสาวมองออกไปหานกเอี้ยง..ที่ยืนมองเข้ามา

"คุณผู้เสียหายหมายความว่ายังไง"

"พวกคุณก็เป็นตำรวจ แถมเป็นฝ่ายตรวจสอบด้วยไม่ใช่เหรอคะ ทำไมไม่ตรวจให้ลึกกว่านี้ คุณไม่รู้หรือไงว่าฉันคือเมียของเขา"

พอเธอพูดมาถึงตรงนี้..ดัมมี่จากที่นั่งแบบไม่ได้มองมาเลยตั้งแต่แรก ..แต่ตอนนี้ชายหนุ่มถึงกับทำผิดกฎของการสอบสวน เขาหันไปมองที่เธอ

"ฉันคือภรรยาของท่านสารวัตรดัมมี่เองค่ะ" เธอพูดในระหว่างที่มองมาสบตาเขาเหมือนกัน

"คุณรู้ไหมครับ ว่าถ้าให้การเท็จ อะไรจะเกิดขึ้น" ทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มขู่ เพราะมาในรูปแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมี

"พวกคุณก็ตรวจสอบกันเองสิ ฉันอยู่กินกับเขามาเป็นปีๆ"

"พวกคุณมีหลักฐานอะไรไหม ที่จะยืนยันคำพูด" เจ้าหน้าที่เริ่มถามหาหลักฐาน

เพราะว่าตอนนี้คดีเริ่มพลิก..ถ้าทั้งสองเป็นสามีภรรยากันจริง คนที่หน้าแหกก็คือคนที่อยากจะเล่นงานดัมมี่ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันแต่คนละสายงาน

"ฉันไม่มีหรอกค่ะ เพราะเรายังไม่จดทะเบียนสมรสกัน" เรื่องนี้เธอพูดความจริง

"ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเป็นเอกสารทางราชการ แต่พวกคุณต้องมีหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตนว่าพวกคุณได้อยู่ด้วยกันจริง อย่างเช่นรูปถ่าย"

"เรื่องนั้นฉันก็ไม่มี" ตอนที่โกรธเขามากๆ เธอได้ลบทุกอย่างออกไปหมด..ที่ต้องลบเพราะกลัวว่าจะคิดถึงถ้ายังเห็นรูปเขาอยู่

"คุณผู้หญิงครับ..คุณจะช่วยผู้ต้องหาแบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าอย่างนั้นคุณอาจจะเจอคดีเอง"

จากที่นั่งอยู่เฉยๆ ชายหนุ่มล้วงเอากระเป๋าเงินที่อยู่ในกางเกงออกมา แล้ววางลงตรงหน้าของเจ้าพนักงาน

เจ้าหน้าที่มองหน้ากันไปมาแล้วก็หยิบกระเป๋าเงินของเขามาเปิดดู เพื่อจะค้นดูหลักฐาน

"รูปคู่" พอเห็นว่ามีรูปคู่ชายหญิงใบเล็กๆ ที่เคลือบไว้อย่างดี เหมือนกับของมีค่า เจ้าหน้าที่ก็มองเทียบกับใบหน้าของผู้เสียหาย มันคือคนเดียวกันจริง และรูปนี้ก็คงจะถ่ายนานแล้ว เพราะผมคนละทรง

"เราขอใช้เวลาตรวจสอบอีกสักระยะ และเรื่องการทำทัณฑ์บนจะพักไว้ก่อน จนกว่าจะตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าสิ่งที่พวกคุณพูดมามันเป็นความจริง"

ถ้าสิ่งที่ผู้เสียหายหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเหยื่อพูดมาเป็นเรื่องจริง นั่นก็คือคดีพลิก เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้แจ้งความตั้งแต่แรก..คนที่เล่นงานเขาอาจจะโดนสะเอง

"เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่" พอสถานการณ์เคลียร์แล้ว ท่านผู้กำกับก็เลยเรียกสารวัตรให้เข้าพบ

ส่วนเมรีนั่งรออยู่ด้านนอก ซึ่งมีนกเอี้ยงอยู่แถวนั้นด้วย

พอคุยกับท่านผู้กำกับไม่นานดัมมี่ก็ออกมาจากห้องของท่าน

"พี่ดัมมี่คะ" นกเอี้ยงรีบเดินไปควงแขนเขาไว้ ทันทีที่ออกมาจากห้องของพ่อเธอ

"เอ่อ.." สายตาของเขามองมาที่เมรี ซึ่งเธอก็มองเขาอยู่เหมือนกัน ..แต่จะสะบัดผู้หญิงอีกคนออกก็ไม่ได้ เพราะเธอคือลูกสาวของเจ้านาย

"นกเอี้ยงเข้ามาหาพ่อหน่อย" ท่านผู้กำกับเรียกลูกสาวเข้าไปพบ เพราะไม่อยากให้ลูกไปเป็นมือที่สามของใคร

"มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณพ่อ นกไม่ยอมนะ!" นกเอี้ยงไม่อยากจะปล่อยมือเขาเลย

เมรีคิดว่าเรื่องคงจะจบแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นแล้วเดินออกมา

"เดี๋ยวก่อน" พอดัมมี่เป็นอิสระจากนกเอี้ยงก็รีบตามหลังคนตัวเล็กออกมา

หญิงสาวหยุดเพื่อที่จะฟังว่าเขาจะพูดอะไร..แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับมามอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไฟแค้น