บทที่ 132 เฉินหมิงหยู่
ณ เมืองแห่งความพินาศ
มีขบวนรถม้ามาจากนอกเมือง
พวกเขาเหล่านี้ดูเหมือนกองคาราวานธรรมดาที่บรรทุกสินค้าไปยังเมืองแห่งความพินาศ แต่ที่แตกต่างก็คือบนรถม้านั้นมีอักษรเขียนไว้ว่า “เฉิน”
ผู้คุมกองคาราวานแต่ละคนเต็มไปด้วยบรรยากาศของนักรบที่ไม่แยแสต่อสิ่งใด ราวกับว่ามีประสบการณ์ในการต่อสู้ออกศึกมานับร้อยครั้ง ผู้คนทั่วไปไม่กล้าสบประมาท
ผู้นำกลุ่มผู้คุมเป็นชายวัยกลางคนที่มีเอวตรง ดวงตาเขาดูสดใสและเต็มไปด้วยพลัง แม้ว่าผมและเคราของเขาจะเป็นสีเทา แต่นิสัยของเขาก็เหมือนปืนยาวที่พร้อมจะยิง
“เราแวะเข้าไปพักผ่อนในเมืองกันก่อนเถอะ” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ผู้คุมกองคาราวานนั้นพยายามอย่างหนักที่จะแสดงอารมณ์ผ่อนคลาย แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดกลิ่นอายของนักรบที่ผ่านสมรภูมิได้อยู่ดี
“ที่นี่งั้นเหรอ ?” ม่านของรถม้าถูกยกออกมัน เผยให้เห็นร่างของเด็กสาวที่มีดวงตาอันสดใสและฟันที่ขาวสะอาด นางสวมชุดผ้าไหมสีเขียวปิดบังหลบสายตาจากผู้อื่นด้วยที่มีใบหน้าอันบอบบาง นางเป็นคนสวยที่สมบูรณ์แบบ
แต่ดูเหมือนว่าสีหน้าของหญิงสาวจะดูไม่มีความสุขสักเท่าไหร่
ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ใช่แล้ว คุณหนูเฉิน”
“สภาพแวดล้อมในทะเลทรายนี่มันเลวร้ายเกินไป ผิวของข้าหยาบกร้านไปหมดแล้ว” เฉินหมิงหยู่ บ่นและชี้ไปที่ใบหน้าที่ขาวอันมีน้ำมีนวลของนางแล้วกล่าวว่า “มันเป็นความผิดของท่านปู่ ทำไมต้องพาข้ามาด้วย น่าเบื่อที่สุด”
ชายวัยกลางคนเงียบ
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยในรถม้าดังขึ้น “หมิงหยู่ เจ้าซุกซนคิดจะทำอะไรอีกแล้วงั้นเหรอ เจ้ามาที่นี่เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และเพื่อเรียนรู้ลักษณะเฉพาะของสัตว์วิญญาณให้มากขึ้น หากได้ศึกษาจากหลาย ๆ ที่เจ้าก็จะสามารถเป็นผู้ปรับแต่งสัตว์วิญญาณที่ดีที่สุดได้ เช่นในพื้นที่เขตหวงชานี้เองก็มีสัตว์วิญญาณที่เจ้าไม่รู้จักอยู่มากมาย ”
มันเป็นเสียงของชายชรา
เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวท่าทางดูเป็นคนใจดี แม้ว่าผมของเขาจะเป็นสีขาวหงอกไปทั้งหัว แต่เขาก็ดูร่าเริงเฮฮาและน่าเข้าหา ลมหายใจของเขาดูอ่อนโยน แต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจแรง ๆ เมื่ออยู่ใกล้เขา
“ข้าเก่งมากอยู่แล้ว ข้าเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่อายุ 18 ปี ข้าก็ได้เป็นผู้ปรับแต่งอาวุโสที่อายุน้อยที่สุดในแผ่นดินใหญ่ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าแต่งตั้งขึ้นมาเองด้วย” เฉินหมิงหยู่ เงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวา
“ น่าขันดีแท้” ใบหน้าของชายชรามีความพึงพอใจ
เฉินหมิงหยู่นั้นสว่างไสวดั่งดวงตะวัน
นั่นคือสิ่งที่เพื่อนเก่าเขาเคยพูดไว้
หลานสาวคนนี้ช่างเป็นความภาคภูมิใจของเขาจริงๆ
รถม้าแล่นเข้าสู่เมืองแห่งความพินาศ
ขณะนั้นการสนทนาระหว่างเด็กกลุ่มหนึ่งก็ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนในรถม้า
“ดูนี่สิ นี่คือแมงป่องทะเลทรายที่ปรับแต่งโดยศาลาไป่หยู่” เด็กชายตัวอ้วนอายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบกล่าวอย่างมีชัย
“ว้าวจริงหรือ” เด็กกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันรอบ ๆ และมองไปที่แมงป่องทะเลทรายด้วยความอิจฉา เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่ารักพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “แมงป่องทะเลทรายงั้นเหรอ ข้าน่ะมีสุนัขชาชีที่ปรับแต่งโดย ศาลาไป่หยู่นะ”
“ เจ๋งมาก” กลุ่มเด็ก ๆ พูดด้วยเสียงอิจฉาพร้อมที่มองไปที่สาวน้อย “พวกเราขอไปดูมันได้ไหม”
เด็กหญิงตัวเล็กพูดด้วยความภาคภูมิใจ “แน่นอนถ้าพวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นนายหญิง ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูก็ได้”
“รับทราบขอรับนายหญิง” เด็กกลุ่มนั้นร้องออกมาอย่างกระหาย
การสนทนาของเด็ก ๆ กลุ่มนี้ทำให้ทั้งสองคนหัวเราะ
“เด็ก ๆ พวกนี้น่ารักจัง” เฉินหมิงหยู่หัวเราะคิกคัก
ทว่าเด็กน้อยที่มีแมงป่องทะเลทรายดูไม่พอใจและพึมพำ “สุนัขชาชีมีดีอะไรบ้าง ศาลาไป่หยู่ขายพวกมันเป็นระยะ ๆ แต่แมงป่องทะเลทรายของข้าไม่มีขายอีกแล้วนะจะบอกให้”
เด็ก ๆ กลุ่มนั้นคิด แล้วก็นึกได้ว่าที่เขาพูดเป็นความจริงและล้อมรอบเขาแทน “ถ้าอย่างนั้นเจ้าปล่อยให้แมงป่องทะเลทรายของเจ้า ใช้ทักษะ ก้าวพริบตา ให้พวกเราดูได้ไหม?”
“แน่นอน” เด็กน้อยหัวเราะและหันหน้าไปทางแมงป่องทะเลทรายที่เกาะบนตัวเขาแล้วพูดว่า “แสดงความสามารถของเจ้า ให้พวกเขาดูหน่อยสิ”
แมงป่องทะเลทรายบนร่างของเด็กน้อย ใช้ก้าวพริบตาหายไปทันที
จากนั้นมันก็โผล่ขึ้นมาอีกที่หนึ่งแทน
“ว้าว นั่นมันน่าทึ่งมาก” เด็ก ๆ คนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ