บทที่ 148 อย่าเพิ่งประมาท
ลั่วอู๋เดินมาที่ห้องโถงใหญ่ของศาลาไป่หยู่
เจ้าของร้านคนเก่ารอเขาอยู่ที่นั่น เมื่อเขาเห็นลั่วอู๋เดินออกมาเขารีบยื่นจดหมายให้ “นายน้อยมีจดหมายมาจากศาลาไป่เปา”
“ อ้าว ข่าวแพร่กระจายออกไปเร็วจัง”
ลั่วอู๋รับจดหมายด้วยรอยยิ้ม
เป็นไปตามที่คาดไว้
จดหมายเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธและไม่เหมาะสมจากเฉินจิง
“เจ้าบ้าไปแล้ว”
“ข้าต้องมีสักแปดชีวิตถึงจะร่วมมือกับเจ้าได้ ‘ข้าคือลั่วอู๋จากศาลาไป่หยู่และข้าเป็นคนฆ่าเขาเอง’ เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังร้องเพลงในการแสดงครั้งใหญ่รึไง!”
“เจ้าเพิ่งยิงคนสนิทของลูหยางพิงที่ประตูเมืองไมมู่ แถมเจ้ายังกล้าที่จะป่าวประกาศชื่อของเจ้าอย่างชัดเจนเช่นนี้เจ้าอยากตายใช่ไหม ถ้าเจ้าอยากตายก็ช่วยอย่าให้มันกระทบถึงคนอื่นได้ไหม ! ข้าถูกเบื้องบนตำหนิมาแล้ว ถ้าข้าไม่ได้ผลลัพธ์อะไรสักอย่างข้าคงจะถูกยิงตายตามคนที่เจ้าฆ่าไปแน่ ”
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น พรรคหวงชากำลังยุ่งเหยิงเพราะการเลือกตั้งผู้นำคนต่อไปใกล้เข้ามาแล้ว ทำไมเจ้าถึงต้องไปเติมเชื้อไฟเพิ่มด้วย”
“ เอาล่ะตอนนี้เจ้าน่าจะพอใจแล้วใช่ไหมที่ความขัดแย้งในพรรคหวงชาทวีความรุนแรงมากขึ้นและสงครามครั้งใหญ่ก็กำลังใกล้จะปะทุแล้ว”
“ ถ้าเจ้ามีแรงละก็รีบไปสนับสนุนเร็วไม่งั้นได้เดือดร้อนกันทุกคนแน่”
ประโยคสุดท้ายของจดหมายแสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนของเฉินจิง
ขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังศาลาไป่เป่าเป็นกองกำลังที่นำโดยคงฉินผู้นำของเมืองคูกู พวกเขาอ่อนแอกว่าฝ่ายของลูหยางพิง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอก
ปัจจุบันศาลาไป่หยู่และศาลาไป่เปาได้เป็นพันธมิตรร่วมมือกัน
ถ้าคงฉินปล่อยให้ศาลาไป่หยู่ถูกกำจัดไป มันจะเท่ากับเป็นการหักแขนของเขาเองและคงจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต่อสู้กับฝ่ายของลูหยางพิงได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ หากคงฉินแพ้เขาคงต้องรอไปอีกสี่ปี เขาถึงจะสามารถชิงตำแหน่งผู้นำได้อีกครั้ง เขาไม่สามารถรอได้
ยิ่งไปกว่านั้นลูหยางพิงคงจะไม่ให้โอกาสเขาอีกแน่ เขาคงจะกวาดล้างผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของเขาในอีกสี่ปีข้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
สงครามครั้งนี้นั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลั่วอู๋ในฐานะคนที่ก่อให้สงครามนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมอย่างน้อยสามเดือน จึงต้องยืนอยู่ข้างคงฉินเพื่อปกป้องตัวเอง
“มันเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆด้วยแฮะ” ลั่วอู๋หัวเราะเบา ๆ โดยไม่สนใจกับคำพูดอันหยาบคายในจดหมาย
หน้าเมืองไมมู่เขาได้ยิงลูกศรสังหารชิงชู
แม้ว่ามันจะเกิดจากความหุนหันพลันแล่น แต่ก็มีข้อควรพิจารณาบางประการด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวที่จะต่อสู้กับพรรคหวงชา แม้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างคงฉิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะสนับสนุนคงฉินมากขนาดนั้น
มันก็แค่มีผลประโยชน์รวมกัน
ในกรณีของการเตรียมการนั้น การบริโภคของทั้งสองฝ่ายคงจะต้องมีสิ้นเปลืองมาก ต่อให้จบศึกไปแล้ว ทรัพยากรในพรรคหวงชาจะต้องว่างเปล่าอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้นเขาไม่ต้องกังวลเลยว่าคงฉินจะฉีกสัญญาพันธมิตรแล้วทรยศ
ประการที่สองก็คือนี่เป็นช่วงเวลาที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับศาลาไป่หยู่
เนื่องจากมีฉูจงฉวนและหยู่เฮาอยู่ที่นี่ ฉูจงฉวนคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นค่อนข้างดีและเขาติดเงินศาลาไป่หยู่ไปดื่มด่ำกับไวน์ เพื่อที่เขาจะได้ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย ลั่วอู๋จึงไม่รู้สึกผิดบาปที่จะให้เขามาร่วมด้วยในปัญหานี้
สำหรับหยู่เฮา
เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าเขารู้ว่าเพื่อนเดือดร้อนเขาก็จะช่วย
การใช้หยู่เฮาแบบนี้ทำให้ ลั่วอู๋รู้สึกผิดและไม่สบายใจ แต่อารมณ์เหล่านี้ก็แค่เพียงชั่วคราว เพราะเขาจะต้องชดเชยให้ในภายหลังแน่
พลังการต่อสู้ที่แท้จริงของชายสองคนนี้เปรียบได้กับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง ซึ่งเมื่อรวมกับหลิวหู ก็จะมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงถึงสามคนในศาลาไป่หยู่
น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เราน่าจะขอยืมพลังของหลงเซี่ยได้ แต่ตอนนี้เราทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
คาดว่าน่าจะมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงไม่เกินไปกว่า 30 คนในพรรคหวงชา และด้วยการแบ่งฝักฝ่ายขุมกำลังในปัจจุบันจึงน่าจะเพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ของสงครามได้
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหยิบโล่คริสตัลมากกว่า 200 อันออกมาจากไหปีศาจ พวกมันทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นโดยเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ