ลั่วอู๋เหลือบมองไปที่พวกเขา “ข้าแนะนำว่าอย่าทำแบบนั้นจะดีกว่านะ”
“ทำไมกันล่ะ ?” ชายในชุดสีฟ้าขาวถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เพราะยิ่งพวกเจ้าใช้พลังวิญญาณมากเท่าไหร่ พลังวิญญาณก็จะยิ่งคลุ้มคลั่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดพลังวิญญาณของพวกเจ้าก็จะระเบิดออกมา ทำให้เส้นวงจรพลังวิญญาณทั้งหมดระเบิดออกมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้กลุ่มในชุดสีฟ้าขาวทั้งสี่คนก็ตื่นตระหนก พวกเขาหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ลงในทันทีและไม่กล้ากระตุ้นพลังวิญญาณอีก
แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาไม่ได้กระตุ้นพลังวิญญาณแล้ว พลังวิญญาณที่เดือดพล่านวุ่นวายก็ค่อย ๆ ลดลงกลับมาเป็นปกติ
“เร็ว รีบกินยาแก้พิษเข้าไป” เมื่อวิกฤตถูกหยุดลงชั่วคราว ชายในชุดสีฟ้าขาวก็สั่งการให้พรรคพวกกินยาต้านพิษอย่างรวดเร็ว
พวกเขารีบหยิบยาแก้พิษออกมาและกลืนลงไป“นายน้อย!” หลี่หยินเดินเข้ามาหาลั่วอู๋ด้วยความประหลาดใจ
ลั่วอู๋ลูบหัวหลี่หยินและพูดด้วยรอยยิ้ม “หลบไปข้างหลังข้าซะ ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเจ้าแน่”
หลี่หยินพยักหน้าชายในชุดสีฟ้าขาวหัวเราะเบา ๆ “ยาแก้พิษสากลของทีมฮันซานของข้า เป็นยาระดับเจ็ดซึ่งสามารถล้างพิษได้ถึงหมื่นรูปแบบ พิษของเจ้าซึ่งเป็นเพียงแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน จะมีความแข็งแกร่งไปกว่ามันได้อย่างไร?”
“โอ๊ย มันมีพลังมากน่า เชื่อข้าเถอะ” ลั่วอู๋พูดแล้วก็เงียบไป
ชายในชุดสีฟ้าขาวดูเหมือนจะหงุดหงิดกับท่าทีของลั่วอู๋ “ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 7 อย่างเจ้าเอาความกล้าบ้าบิ่นหยิ่งยโสมาจากที่ไหนกัน ถ้าเจ้าวางยาข้าแบบลับ ๆ ละก็ข้าก็อาจจะกลัวพิษของเจ้าอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเจ้ากล้าปรากฏตัวอย่างเปิดเผยตัวท้าทายต่อหน้าข้าแบบนี้ อย่าตำหนิข้าว่าโหดร้ายเลยนะ ต่อให้เจ้าจะมอบแผ่นหยกให้ข้า ข้าก็คงจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่ ”
“ถ้าเจ้าต้องการแผ่นหยกหรือชีวิตของข้า เจ้าก็สามารถเขามาชิงไปได้เลย ถ้าเจ้ามีความสามารถมากพอที่จะช่วงชิงมันไปละก็นะ” ลั่วอู๋หยิบแผ่นหยกแปดใบออกมาแสดงเย้ยหยัน
ดวงตาของทั้งสี่คนในชุดสีฟ้าขาวฉายแววประหลาดใจแต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้มาพบกับเด็กชายคนนี้ ที่เป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับกลางแต่กลับมีแผ่นหยกอยู่มากมายถึง 8 ใบ นี่มันเป็นเป้าหมายในการล่าที่ดีที่สุด
ชายในชุดสีฟ้าขาวบางคนมองอย่างระแวดระวังไปทางหนานกงหยิงเอ๋อ “สหายจากพระราชวังหยู่หวังดูเหมือนว่าแผ่นหยกแปดชิ้นนี้จะต้องตกเป็นของพวกเราทีมฮันซานแล้วละนะ”
หนานกงหยิงเอ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย“บางทีผู้ชายคนนั้น อาจไม่รู้ว่าข้าให้ความสำคัญกับมันมาก” หนานกงหยิงเอ๋อหัวเราะกับตัวเองแล้วส่ายหัว “พวกเจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจเลย ข้าจะไม่เข้าไปขัด”
เหล่าผู้คนจากทีมฮันซานรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยลั่วอู๋ไม่ได้ลนลานเขาแค่ตวัดดาบเบา ๆ และเสียงตัดที่ชัดเจนก็ดังขึ้น
เสียงดาบดังสลับไปมากับเสียงฟัน หลังจากได้ยินเสียงเหล่านี้ชายในชุดสีฟ้าขาวก็คุกเข่าลงกับพื้นในทันที มีเหงื่อเย็นไหลลงมาและสีหน้าของเขาก็ดูเจ็บปวดทรมาน
“พี่ชาย เป็นอะไรไปขอรับ?” อีกสามคนแปลกใจ “พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน?”“ตายซะเถอะ” หญิงสาวในทีมฮันซานพึมพำอย่างโกรธเกรี้ยวและเรียกสัตว์วิญญาณของนางออกมาเพื่อโจมตีลั่วอู๋
แต่ในวินาทีต่อมานางก็ส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดแล้วล้มนอนลงบนพื้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“พวกเจ้ายังอยากจะสู้กันต่อไปอีกรึเปล่า ?” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ“ลั่วอู๋ ข้าจะจำเจ้าไว้ ถ้าพวกเราผ่านการทดสอบรอบนี้ไปได้ พวกเราจะมาหาเจ้าเพื่อแก้มือในภายหลัง”
อีกสามคนเองก็โยนแผ่นหยกออกไปให้อย่างไม่เต็มใจเช่นกัน
จริง ๆ แล้วพวกเขามีแผ่นหยกอยู่รวมกันถึง 13 ใบ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
“เอายาแก้พิษมาให้ข้า” ชายในชุดสีฟ้าขาวกล่าวด้วยความโกรธ
ลั่วอู๋กล่าวตอบ “ข้าไม่ได้ใช้ยาพิษแต่อย่างใด จะให้ข้าไปเอายาแก้พิษมาให้พวกเจ้าได้จากที่ไหนกันเล่า แต่ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่พวกเจ้าไม่มายั่วโมโหข้าอีก พวกเจ้าก็จะปลอดภัยจากมัน”“ฝากไว้ก่อนเถอะ” กลุ่มคนในชุดสีฟ้าขาวเดินจากไปอย่างโกรธแค้น
ในขณะที่นั่งอยู่บนนกกระเรียนแห่งการจุติใหม่ หนานกงหยิงเอ๋อผู้ซึ่งภาคภูมิใจในพลังของตนเองได้ส่อแววแห่งความระมัดระวังขึ้นมาในนัยน์ตาอันสวยงามของนาง
ลั่วอู๋นั้นสามารถปราบผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้งสี่คนได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามนางไม่เข้าใจว่าเขาใช้วิชาใด และไม่แน่ใจว่านางจะสามารถป้องกันตัวเองจากมันได้รึเปล่า
นางไม่คาดคิดว่าสองเดือนที่แล้วลั่วอู๋คนนั้นที่ยังคงค่อนข้างเสียเปรียบตัวเองในการต่อสู้ จะกลายมาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวและอันตรายได้มากขนาดนี้นกกระเรียนแห่งการจุติใหม่ส่งเสียงร้องต่ำออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
มันเป็นเสียงอันดุดันและสูงซึ่งสามารถทำให้คนเสียสติได้เลยทีเดียว
“แล้วจะทำไม ? เจ้ามันก็แค่คนที่ปลูกฝังความคิดของคนรับใช้ให้กับหลี่หยินมากเกินไป ไม่อย่างนั้นนางจะยึดติดในการเป็นสาวใช้ของเจ้าขนาดนี้ได้ยังไง?” แววตาของหนานกงหยิงเอ๋อดูเย็นชา
ลั่วอู๋หัวเราะเยาะ “เจ้าถามหลี่หยินใช่ไหมว่าข้าอยู่ที่ไหนในตอนที่นางตกอยู่ในอันตราย งั้นข้าขอตอบแทนนางเลยก็แล้วกัน ว่าข้าจะยืนอยู่ข้างหน้าหลี่หยิน และข้าจะยืนอยู่ข้างหน้าคอยปกป้องนางแบบนี้ตลอดไป แล้วเจ้าล่ะจะอยู่ตรงไหน เป็นคนใจดีที่คอยห่วงใยผู้อื่นรึยังไง?”“ใช่สิ ที่เจ้าทำก็เพียงแค่มองดูอยู่ห่าง ๆ” ลั่วอู๋พูดขณะจ้องมองไปที่หนานกงหยิงเอ๋อ “ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะมองดูอยู่ห่าง ๆ ก็โปรดหุบปากและอย่าแสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับข้าและ หลี่หยินอีก เพราะข้าไม่ได้มีความสนใจที่จะฟังเจ้า”
มันเป็นการบอกว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง“ไปกันเถอะ หลี่หยิน” ลั่วอู๋เก็บดาบระบำแห่งความตายแล้วเดินจากไป
หลี่หยิน ไม่ได้มองกลับไปที่ หนานกง หยิงเอ๋อเลยแม้แต่น้อย นางยังคงอยู่ใกล้ ๆ กับ ลั่วอู๋ดังเดิมในที่สุดอารมณ์อันเย็นของนางดูเหมือนจะถูกละลายลงไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ