เมื่อเห็นความชื่นชมของเหวินเสี่ยวที่มีต่อภูตไห ลั่วอู๋ก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงไหปีศาจและความสามารถที่เขามีโดยเด็ดขาด
“เจ้ากำลังจะบอกว่าภูตไหนั้นยังมีชีวิตงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม
เหวินเสี่ยวพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “แน่นอนสิ นอกจากนี้สัตว์วิญญาณคู่พันธะของเจ้านั้นยิ่งเป็นการพิสูจน์ได้อย่างดีว่ามันยังมีชีวิตอยู่ สัตว์วิญญาณที่แปลกประหลาดเหนือสามัญสำนึกเช่นนี้นอกจากภูตไหแล้ว ใครจะปรับแต่งมันออกมาได้กันเล่า?”
ลั่วอู๋ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ สมองของเขารีบทำงานอย่างรวดเร็วหากมันไม่มีทักษะกลืนกินแล้วละก็ มันคงไม่สามารถกลืนกินเนื้อของงูยักษ์ในป่าหวงชา ซึ่งมีสายเลือดของมังกรได้
นอกจากนี้ถ้ามันไม่ได้กลับเข้าไปในไหปีศาจ มันก็คงจะไม่สามารถยับยั้งพลังวิญญาณอันน่ากลัวของงูยักษ์ที่มันกินเข้าไปได้เช่นกัน
การปรับแต่งด้วยไหปีศาจนั้นมีข้อดีมากมาย แต่มันก็ทำให้ชะตากรรมและตัวตนการคงอยู่ของต้าหวงเปลี่ยนไปมากเช่นกัน
“เจ้าต้องการไปที่ส่วนลึกของป่าหวงชาไหมล่ะ ? บางทีภูตไหอาจจะยังอยู่ที่นั่นก็ได้นะ?” ลั่วอู๋ถาม
เหวินเสี่ยวส่ายหัว “มันผ่านมาตั้ง 1 ปีแล้ว อีกทั้งภูตไหคงไม่ต้องการให้มาพบมัน ข้าคิดว่าเจ้าน่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับภูตไหซะอีก … ”“เจ้าต้องการพบกับภูตไหเพื่ออะไรงั้นหรือ ?” ลั่วอู๋ถามอย่างระมัดระวัง
“เพื่อ … ” คำพูดของเหวินเซียวหยุดลงอย่างกะทันหัน ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าไม่ควรพูดมากเกินไป เขาไม่ควรบอกคนอื่นในเรื่องนี้ไปแบบลวก ๆ
เหวินเสี่ยวกลับมาเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนโยนพร้อมกับความเขินอายในรอยยิ้มของเขาอีกครั้ง “ข้าคงจะบอกเจ้าไม่ได้ มันเป็นความลับของข้า”
หลังจากนั้นเหวินเสี่ยวก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปมันก็สมเหตุสมผลแล้วที่จะมองหาภูตไหด้วยตัวเอง แต่ปัญหาก็คือเขาต้องการจะทำอะไรกับมันกันแน่? มันจะยากไปไหมในการจะเอาชนะภูตไหด้วยตัวคนเดียว? มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเพ้อฝัน
ในเวลานี้เสียงที่เบาเหมือนยุง ก็ดังมาจากด้านข้างของ ลั่วอู๋ “นายน้อยเจ้าคะ”
“มีอะไรงั้นเหรอ ?” ลั่วอู๋มองย้อนกลับไปและพบว่า หลี่หยินตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นางกำลังลืมตามองไปที่เขาอย่างระมัดระวัง
“เจ้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย “ข้าคุยกับเหวินเซียวเสียงดังเกินไปหรือเปล่า?”
หลี่หยินกระซิบด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ข้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่ในตอนที่นายน้อยพูดว่าชอบข้า เจ้าค่ะ”
ลั่วอู๋กะพริบตาและใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงในที่สุดเสียงลมหายใจสม่ำเสมอก็ดังขึ้นมาจากข้างกายของเขา
ปฏิกิริยาของลั่วอู๋สงบลง หลี่หยินได้หลับลงไปจริง ๆ แล้ว จมูกเล็ก ๆ ของนางย่นลงเล็กน้อยดูน่ารักและผมนุ่มสลวยของนางก็ปัดลงบนใบหน้าของลั่วอู๋ส่งกลิ่นหอมออกมา
“หลับไปแล้วสินะ” ลั่วอู๋รู้สึกโล่งใจ อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกเสียใจราวกับว่าเขาได้พลาดบางสิ่งที่สำคัญไปวันรุ่งขึ้นกลุ่มของลั่วอู๋ทั้งสี่คนก็ยังคง “ออกล่า” กันต่อไป
หลังจากค้นหาเป้าหมายอยู่นานในที่สุดพวกเขาก็พบเป้าหมายที่เหมาะสมหลังจากได้วางแผนสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง พรรคพวกของลั่วอู๋ทั้งสี่ก็เริ่มการลอบโจมตีทีเผลอฆ่าสังหารอีกฝ่ายไป 5 คน ส่วนอีกสองคนวิ่งหนีไปได้ ครั้งนี้พวกเขาเก็บแผ่นหยกมาได้ 18 แผ่น
รวมที่ได้ทั้งหมดในช่วงนี้ก็นับเป็น 23 แผ่นตอนนี้พวกเขาแต่ละคนมีแผ่นหยกคนล่ะ 15 แผ่น ถ้าโชคดีหน่อยก็คงจะผ่านการทดสอบรอบที่สองได้ทุกคน
แต่มันก็ยังไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ทว่าครั้งนี้พวกเขาโชคไม่ดีเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าจะมีข่าวรั่วไหลเกี่ยวกับผู้ที่คอยตามล่าเหล่าพันธมิตรเขาจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก
แม้ว่าพวกเขาจะเชี่ยวชาญในลอบโจมตีและเก็บความลับ แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการจะพูดคุยกับคนอื่น และให้ความร่วมมือเฉพาะกับผู้ที่มีกลุ่มแล้วเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าพันธมิตรล่าสังหารใกล้จะแตกสลายกันแล้วสินะ” ฉูจงฉวนกล่าว
“มันเป็นเพียงการรวมกลุ่มชั่วคราวเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น” ลั่วอู๋กล่าว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็เดินทางไปที่จุดนัดพบสุดท้ายของการทดสอบ หรือก็คือทางตะวันออกของพื้นที่ล่าสัตว์
ทันทีที่หมดเวลาทูตเฉียนหลงจะมาปรากฏตัวรอทุกคนอยู่ที่นั่นทันใดนั้นลั่วอู๋และพรรคพวกของเขาก็ถูกล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่ดูอันตราย
“อย่าเลย เราเป็นพวกเดียวกัน” ลั่วอู๋ขมวดคิ้วและกระซิบทว่าในฝูงชนนั้นกลับมีชายคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าอันเย้ยหยัน “จริงเหรอ ? เจ้ามาจากที่ไหนกัน มาจากกลุ่มพันธมิตรล่าสังหารงั้นเหรอ?”
ลั่วอู๋ตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ