ลั่วอู๋ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น
“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ดูเหมือนว่าข้าจะคิดมากเกินไป” ลั่วอู๋ขอโทษอย่างเชื่องช้า เขาโล่งใจขึ้นมาก
เหวินเสี่ยวหายใจเข้าลึก ๆ และสงบลงหัวใจของลั่วอู๋บีบแน่นและดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความหนาวเย็น
ศาลาไป่หยู่?“ใจเย็น ๆ ก่อนน่า ถ้าข้าจะมีเจตนาร้าย ข้าคงจะไม่มาบอกเรื่องนี้กับเจ้าต่อหน้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้หรอก” เหวินเสี่ยวกล่าว
หัวใจของลั่วอู๋หลวมลงเล็กน้อย ที่เขาพูดมามันก็จริงอยู่ แต่ลั่วอู๋ก็ยังคงไม่นิ่งนอนใจและเฝ้าระวัง
เหวินเสี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าของร้านหยางของศาลาไป่หยู่ ไหว้วานขอให้ข้ามาบอกเจ้าว่า เขาไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับสำนักโล่พิทักษ์ของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นทางตระกูลลั่วยังมีคำสั่งโดยตรงจากหัวหน้าตระกูลว่าห้ามเป็นศัตรูกับเจ้า และทางตระกูลลั่วหวังว่าเจ้าจะลืมอดีตได้ และกลับไปที่ตระกูลลั่วอีกครั้ง ”
ลั่วอู๋เริ่มสับสนเล็กน้อย“ดูเหมือนว่าจะมีคำสั่งมาจากทางหัวหน้าตระกูลลั่ว ให้บอกเจ้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น” เหวินเสี่ยวอธิบาย “นั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ผู้จัดการหยางต้องขอให้ข้ามาบอกเรื่องนี้กับเจ้า”
ลั่วอู๋รู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่“ข้าเองก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ข้าจะช่วยให้เจ้าให้ผ่านการประเมินรอบที่สอง เพื่อตอบแทนบุญคุณของศาลา ไป่หยู่ นอกจากนั้นก็ไม่ใช่เรื่องของข้าแล้วล่ะ” เหวินเสี่ยวกล่าว
ลั่วอู๋หลงอยู่ในภวังค์ความคิดตระกูลลั่วเป็นหนี้เขามากเกินไป ความดีความชอบเพียงเล็กน้อยเท่านี้ ไม่ช่วยให้เขาอยากกลับไปหรอก อีกอย่างตัวลั่วอู๋เองก็ไม่คิดที่จะนับตัวเองว่าเป็นคนในตระกูลลั่วมานานแล้วด้วย ต่อให้เขาได้รู้ถึงสิ่งที่ตนเองสงสัยในอดีต เขาก็คงจะไม่กลับไปที่นั่นอยู่ดี
แสงสว่างจ้าของแคมป์ไฟสะท้อนให้เห็นใบหน้าของลั่วอู๋ที่ดูหดหู่
หลังจากนั้นไม่นานเหวินเสี่ยวก็พูดว่า “จบเรื่องของตระกูลลั่วแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาคุยเรื่องที่ข้าสงสัยแล้ว”
ลั่วอู๋ถามอย่างสับสน “เจ้ามีเรื่องอะไรสงสัยงั้นเหรอ?”ลั่วอู๋กะพริบตา ใบหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะอึ้งอยู่ หัวใจของเขาเริ่มสั่นคลอนด้วยคลื่นลูกใหญ่
ภูตไห?“ภูตไหคืออะไร ?” ลั่วอู๋สับสนเล็กน้อย “ตอนที่ข้าได้รับมันมา มันก็มีทักษะนี้อยู่แต่แรกแล้ว”
เหวินเสี่ยวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตอบคำถามของลั่วอู๋ เขายังคงถามต่อไป “เจ้าได้มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? และที่ไหน ? ข้าไม่เคยเห็นสัตว์วิญญาณแบบนี้มาก่อนเลย”
“ประมาณหนึ่งปีที่แล้ว มันอยู่ลึกเข้าไปในป่าหวงชา” ลั่วอู๋เริ่มกุเรื่อง
ยังไงอีกฝ่ายก็เข้าไปพิสูจน์ไม่ได้อยู่แล้วเหวินเสี่ยวกลับมารู้สึกตัวและพูดอย่างเหม่อลอย“ ว่ากันว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณที่อ้างตัวเองว่ามันถูกเรียกว่าภูตไห มันมีพลังวิเศษในการปรับแต่งทุกสรรพสิ่งบนโลก และสามารถทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อได้ทุกประเภท วิชาและทักษะของมันเทียบได้กับเทพเจ้าผู้สรรค์สร้าง ”
หัวใจของลั่วอู๋แทบจะกระโจนออกจากร่างน่าแปลกที่แม้แต่เชื้อสายผู้สืบทอดอำนาจอันยิ่งใหญ่เยี่ยงเขา ยังคงต้องการโควตาแนะนำจากผู้อื่น ตระกูลของเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับโควตาอย่างนั้นเหรอ? ใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์กับราชวงศ์มังกรเร้นกายต่างก็มีโควตานี้กันทั้งนั้น
“ชีวประวัติอะไรของเจ้า ?” ลั่วอู๋กำลังสับสนเป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด และยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวรรดิ
ลั่วอู๋รู้สึกสะดุ้งในใจ เขาถามต่อไปว่า “เจ้าบรรพบุรุษของเจ้าที่ทิ้งประวัติไว้ในพระราชวังเป่ยหมิง เขามีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนแล้ว?”
“บรรพบุรุษของข้าเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อ 8000 ปีที่แล้ว” เหวินเสี่ยวกล่าว
ดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้าง “มีบันทึกจากเมื่อ 8000 ปีก่อนด้วยงั้นเหรอ อีกอย่างข้าคิดว่าถ้ามันนานขนาดนั้น ภูตไหที่เขาพูดถึงคงกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว เจ้าจะหามันเจอได้อย่างไร?”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า” เหวินเสี่ยวมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความไม่พอใจ “เหล่าบรรพบุรุษของข้าไม่เคยลืมเลือนเรื่องเกี่ยวกับผู้ที่เป็นอมตะ พวกเขาตามหาข้อมูลเกี่ยวกับภูตไหตลอด ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมหรือบันทึกเกี่ยวกับผู้เป็นอมตะต่างก็มีภูตไหอยู่ในนั้น แม้แต่ในหนังสือโบราณเมื่อกว่า 17000 ปีก่อน ก็ยังเห็นได้ถึงชื่อของมัน ภูตไหนั้นเป็นตัวตนอมตะไม่มีวันตาย”
หากเป็นตามที่เหวินเสี่ยวกล่าว บรรพบุรุษโบราณในพระราชวังเป่ยหมิง ต้องมีอายุอย่างน้อยก็มากกว่า 9000 ปี
เขาเป็นใครกันแน่ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ