ชารอนรู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันใด มันไม่ใช่การแต่งงานแบบปลอม ๆ หรอกหรือ? ทำไมเขาถึงต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยล่ะ?
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ท้ายที่สุด รถหรูสีดำก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลแซคคารี่
รถจอดอยู่ตรงหน้าน้ำพุขนาดยักษ์ ทันทีที่มองผ่านหน้าต่างรถ ชารอนก็เห็นว่ามีคนรับใช้ยืนรออยู่
ไซม่อนและเซบาสเตียนลงจากรถไปแล้ว ทั้งชายร่างใหญ่และเด็กน้อยร่างเล็กกำลังยืนรอชารอนอยู่ข้างนอก
ชารอนต้องให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะก้มหน้ารับกรรมและลงจากรถ ทันใดนั้น ชารอนก็ตระหนักถึงบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อนสิ เราไม่มีของอะไรติดตัวเลย คุณคิดว่ามันจะไม่เป็นการเสียมารยาทไปหน่อยเหรอ?” ในตอนนี้ ชารอนพลันตระหนักว่าตัวเองควรมีของเยี่ยมมาให้พวกเขาหน่อย
“แค่พาลูกชายมาก็พอ” ไซม่อนรู้สึกว่าแค่ความเอาใจใส่ของชารอนก็เพียงพอแล้ว
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” ไซม่อนหันหน้าไปพูดกับเซบาสเตียน
ชารอนมองไปยังด้านหลังที่ดูเยือกเย็นของชายตรงหน้าและแอบแลบลิ้นออกก่อนจะเดินตามเขาไป
ทั้งพ่อบ้านและคนรับใช้ต่างต้อนรับและพาทั้งสองเข้าไปในบ้าน ภายในห้องนั่งเล่น ดักลาสกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังพร้อมกับถือลูกประคำอยู่ในมือ
“พวกเรามาถึงบ้านแล้วครับ พ่อ” ไซม่อนพาชารอนและลูกชายมายืนต่อหน้าดักลาส
ดักลาสเงยหน้าขึ้นและหรี่ตาลง “ลูกพาเธอมาที่บ้านเราทำไมกัน?”
“พ่อครับ ผมอยากจะแนะนำให้พ่อได้รู้จักสองคนนี้อย่างเป็นทางการ ชารอนเป็นภรรยาของผมครับ และนี่คือลูกชายของผม เขาชื่อว่าเซบาสเตียน” ไซม่อนกล่าวคำพูดอย่างไม่เร่งรีบ
ดักลาสเผยสีหน้าตกใจออกมา “ที่ลูกบอกว่าจะพาผู้หญิงกลับมาบ้านเรา คือเธอคนนี้หรอกหรือ?”
ดักลาสเคยได้ยินชื่อของชารอนมาจากฟิโอน่า แต่ทว่า หากฟังจากคำพูดของฟิโอน่าแล้ว ชารอนไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงแพศยาหลอกลวง
บางที ไซม่อนอาจจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้ก็ได้ แถมเธอยังมีลูกชายอีกด้วย ไซม่อนจะกล้าแต่งงานกับเธองั้นหรือ?
ไซม่อนเผยท่าทีสงบเช่นเคย "ใช่ครับ"
ทันใดนั้น เส้นเลือดบนหน้าผากของดักลาสก็พลันโผล่ขึ้นมา “ไร้สาระน่า! พ่ออนุญาตให้ลูกแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แถมเธอยังมีลูกชายที่โตขนาดนี้อีก!” ดักลาสโกรธมากเสียจนโพล่งด่าไซม่อนออกไป
ชารอนจับมือเซบาสเตียนเอาไว้แน่น อันที่จริง ชารอนคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเหตุการณ์อะไรแบบนี้ต้องเกิดขึ้นก่อนจะมาถึง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงรู้สึกประหม่าไม่น้อยในตอนแรก
ชารอนเหลือบมองไซม่อนและฉุกคิดว่าบางทีทั้งสองอาจต้องเซ็นใบหย่าในวันรุ่งขึ้น
ทั้งห้องนั่งเล่นพลันเงียบสงัดทันทีจากความเกรี้ยวโกรธของดักลาส ขนาดคนใช้ยังยืนตัวสั่นและไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมาเลย
ทันใดนั้น ระหว่างที่ไซม่อนขมวดคิ้วและกำลังจะโต้กลับ เสียงตะโกนของเด็กชายก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน “คุณปู่จะมาดุแม่ผมแบบนี้ไม่ได้นะครับ แม่ผมเป็นคนดี!”
ดักลาสรู้สึกโกรธไม่น้อยทันทีที่ถูกเด็กชายตัวเล็กเถียงกลับเช่นนั้น เขาจะทนต่อไปได้ยังไงกันล่ะ?
“เจ้าหนู เจ้าเรียกใครว่าปู่กัน?” ดักลาสกล่าวคำพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
เซบาสเตียนตวาดใส่อีกครั้ง “ถ้าคุณไม่ต้องการผม ผมก็จะไม่เรียกคุณแบบนั้นอีก ผมมีแค่พ่อคนเดียวก็พอแล้ว”
"พ่องั้นรึ?" ดักลาสเหลือบมองไซมอนอย่างเย็นชา ไซม่อนต้องการให้เด็กไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนี้เป็นลูกชายของตัวเองงั้นหรือ?
ไซม่อนสบตากับดักลาส “พ่อครับ เซบาสเตียนเป็นลูกของเราครับ”
ทว่า ดูเหมือนว่าดักลาสจะไม่เข้าใจความหมายที่ไซม่อนต้องการจะสื่อ เขาจ้องมองกลับไปทั้งแบบนั้น
“เมื่อกี้ลูกพูดว่าอะไรนะ?” ดักลาสถามอย่างเคร่งขรึมหลังจากเงียบไปชั่วครู่
“เมื่อห้าปีที่แล้ว ผมมีอะไรกับเธอครับ และชารอนก็ให้กำเนิดลูกของผมออกมา เพราะฉะนั้น เซบาสเตียนก็เป็นหลานชายแท้ ๆ ของคุณพ่อครับ” ไซม่อนกล่าคำพูดอย่างใจเย็น
สีหน้าของดักลาสเปลี่ยนไปอยู่สองสามครั้ง เขากำลังตกตะลึงและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
หลังจากนั้นไม่นาน ดักลาสกล่าวคำพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “มากับพ่อ” หลังจากนั้น พ่อบ้านจึงช่วยพยุงดักลาสไปยังห้องหนังสือ
ไซม่อนขอให้ชารอนและเซบาสเตียนนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น เดี๋ยวอีกสักครู่เขาจะกลับมา
ระหว่างที่ชารอนมองดูสองพ่อลูกเดินไปด้วยกัน ความกังวลในใจของเธอก็ยังไม่จางหายไปไหน
ชารอนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าดักลาสจะคิดเช่นนั้นกับเธอ ดูเหมือนว่าดักลาสจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับโฮเวิร์ดแล้ว ด้วยเหตุนั้น สายตาที่ดักลาสมองมายังชารอนนั้นไม่ต่างอะไรกับเธอเป็นนางแพศยา
“แม่ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าพวกเขาไม่ต้องการเรา เราก็จะไปจากที่นี่กัน” มือเล็กๆ ของเซบาสเตียนจับแม่ของตัวเองไว้แน่ เขาดูสงบมากกว่าเธอเสียอีก
ชารอนจับมือลูกชายเอาไว้แน่นพร้อมกับลูบศีรษะของเด็กน้อย “แม่ไม่เป็นไรหรอกจ่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO