ชารอนเม้มริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไรออกมา บางที ดักลาสอาจคิดว่าเธอเป็นนางผู้หญิงชั่วร้ายที่ผลักแซลลีลงบันไดไปแล้วก็ได้ ดูเหมือนว่าเขาคงไม่ยอมรับชารอนเป็นลูกสะใภ้อีกแล้วแน่
ชารอนมองไปที่ไซม่อน 'เขาจะยอมตกลงรับผู้หญิงที่คุณปู่ดักลาสส่งมาไหมนะ?'
ไซม่อนขมวดคิ้ว ในตอนแรก เขาปฏิเสธข้อเสนอของพ่อตัวเองไปแล้ว แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ารีเบคก้าจะกลับมาอีกครั้งแบบนี้
“เอาเสื้อผ้าพวกนั้นไปเก็บด้วย มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะทำอะไรแบบนี้” ไซม่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุดเย็นชา นั่นเป็นเพราะเขามีแม่บ้านที่คอยทำหน้าที่ซักเสื้อผ้าให้ตัวเองอยู่แล้ว และเขาจะไม่พอใจมาก ๆ หากมีใครคนอื่นมาแตะต้องสิ่งของพวกนี้
"แต่ว่า..."
“ออกไป” ไซม่อนพูดแทรกขึ้นมาอย่างเย็นชา
ไซม่อนทั้งเย็นชาและไร้ความปรานี คำพูดเหล่านั้นทำให้ดวงตาของรีเบคก้าแดงก่ำ นั่นทำให้เธอดูเปราะบางและเกือบจะน่ารักในสายตาของคนอื่น แต่ทว่า ท่าทีเหล่านั้นใช้ไม่ได้กับไซม่อนเลยแม้แต่น้อย
“ก็ได้คะ ถ้าอย่างนั้น... ฉันจะออกไปเรียนรู้งานเลขาจากคุณควินน์ข้างนอก ถ้าคุณต้องการอะไร ก็เรียกได้เลยนะคะ” คราวนี้ รีเบคก้าจะไม่ยอมเป็นคนโง่และเดินออกจากห้องไปง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว
รีเบคก้าวางเสื้อผ้ากลับเข้าไปที่เดิม เธอก้มศีรษะลงและรีบเดินออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกไซม่อนไล่ออกจากบริษัท ถึงอย่างไร เธอเองก็ไม่ยอมให้ตัวเองถูกไล่ออกไปง่าย ๆ แน่นอน
ทันทีที่รีเบคก้าจากไป ชารอนยังคงเห็นว่าดวงตาของรีเบคก้าแดงก่ำเล็กน้อย นั่นทำให้ชารอนรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน
ชารอนไม่รู้เลยว่าไซม่อนจะปฏิบัติต่อผู้หญิงตรงหน้าได้เย็นชาขนาดนี้
“อันที่จริง... ถ้ามีใครสักคนคอยอยู่ข้างคุณ มันก็น่าจะดีนะคะ” ชารอนกล่าวด้วยความจริงใจ
นัยน์ตาสีดำของไซม่อนหรี่ลงและหันมามองที่ชารอน เขาพลันกัดริมฝีปาก “คุณนายแซคคารี่ คุณอยากเป็นเพียงแค่ของเล่นฆ่าเวลารึยังไงกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO