ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO นิยาย บท 75

ไซม่อนเผยสีหน้าไร้อารมณ์และกล่าวคำพูดออกมาอย่างเย็นชา “หากนายกล้าแตะต้องเด็กคนนี้อีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน” ทันทีที่พูดจบ ไซม่อนก็ปล่อยมือ

โฮเวิร์ดเดินโซเซไปสองก้าวก่อนที่จะทรงตัวได้ เขารู้สึกชาทั้งแขน พร้อมกับปล่อยให้แขนข้างนั้นห้อยต่องแต่งอย่างควบคุมไม่ได้ แขนเขายังสั่นอยู่เลยด้วยซ้ำ โฮเวิร์ดไม่คิดเลยว่าลุงไซม่อนจะทำเช่นนี้กับหลายแท้ ๆ ของตัวเองเพราะสงสารชารอนและเซบาสเตียน

แซลลี่ลุกขึ้นและช่วยโฮเวิร์ดทันที เธอรู้สึกแย่ไม่น้อย “โฮเวิร์ด คุณเป็นอะไรมากไหมคะ?”

ทว่า เปลวไฟแห่งความโกรธพลันลุกไหม้อยู่ในอกของโฮเวิร์ด เขาจ้องไปที่ชารอนและกล่าวคำพูดกับแซลลี่ "เราไปกันเถอะ"

แซลลี่รู้สึกไม่พอใจ แต่เนื่องจากไซม่อนกลับมาแล้ว เธอจึงทำอะไรชารอนไม่ได้มาก แซลลี่พลันกัดฟันและเดินเข้าไปในบ้านกับโฮเวิร์ด

“พ่อครับ ผมไม่ได้ผลักป้าคนนั้นนะครับ ผมแค่จะสั่งสอนคนที่มารังแกแม่ของผม” เซบาสเตียนอธิบายให้ไซม่อนฟังอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจัง

ไซม่อนดูสงบ “พ่อเชื่อลูกนะ แต่ต่อจากนี้ไป อย่าทำตัวนักเลงอีกล่ะ”

“ผมก็แค่พยายามปกป้องแม่เอง ผมไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแม่แน่!” เด็กน้อยทำหน้าจริงจัง

“ถูกแล้วที่ลูกอยากปกป้องแม่ นั่นแหละเรียกว่าสุภาพบุรุษ แต่ยังไงเสีย ลูกก็ต้องรู้จักป้องกันตัวเองด้วย” ในระหว่างที่ไซม่อนยอมรับการกระทำของเซบาสเตียน เขาก็ไม่ลืมที่จะสอนลูกชายเช่นกัน

ชารอนพลันกล่าวเสริม “พ่อพูดถูกนะลูก ถ้าลูกรู้ว่าป้องกันตัวเองไม่ได้ ก็อย่าทำแบบนั้นอีก มิฉะนั้น ลูกจะทำให้แม่เป็นห่วงนะจ้ะ”

ก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะไซม่อน เด็กน้อยคงโดนโฮเวิร์ตบหน้าไปแล้ว

เซบาสเตียนเข้าใจแล้ว เขาจับมือแม่และกล่าวขอโทษ “แม่ครับ ผมขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วง แม่อย่าโกรธผมเลยนะ”

ชารอนแตะศีรษะลูกชาย “ตราบใดที่ลูกไม่เป็นอะไร แม่ก็ไม่โกรธหรอกจ้ะ แต่จำที่พ่อสอนเอาไว้ด้วยล่ะ เข้าใจไหม? ”

“ครับแม่!” เด็กน้อยกล่าวและโค้งคำนับ มันดูน่าตลกไม่น้อย

“เข้าไปในบ้านกันเถอะ” ไซม่อนกัดริมฝีปากและพูดกับทั้งคู่

ชารอนคิดถูกเกี่ยวกับความกังวลของตัวเอง โฮเวิร์ดพาแซลลี่มาอยู่ในบ้านหลังนี้จริง ๆ ด้วย ความตั้งใจของโฮเวิร์ดน่าจะเป็นเพราะบ้านใหญ่หลังนี้มีนักโภชนาการและพ่อครัวสุดเก่งที่สามารถทำให้แซลลี่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้

บางที การที่แซลลี่สูญเสียลูกในท้องไปอาจทำให้ดักลาสรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาก็ได้ ด้วยเหตุนั้น เขาจึงตกลงให้แซลลี่ย้ายมาอยู่ที่นี่ไปก่อน

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ชารอนก็รู้สึกไม่ค่อยหิวเท่านั้นนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอต้องนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับโฮเวิร์ดและแซลลี่ แซลลี่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้าน นั่นก็เพื่อที่เธอจะได้ต่อสู้กับชารอน

ในตอนกลางคืน ชารอนซึ่งกำลังจะกลับห้องพลันเจอกับแซลลี่ที่ทางเดินโดยบังเอิญ เธออดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด 'โลกกลมจริง ๆ เลยนะ'

แซลลี่เหลือบมองชารอนอย่างเย็นชาและเดินเข้าไปหาพร้อมกับแรงจูงใจที่ชัดเจน

ชารอนยืนอยู่ตรงนั้นและรอให้แซลลี่เดินเข้ามาใกล้ ชารอนรู้ดีว่าแซลลี่มาอยู่ที่นี่ก็เพราะเธอ มันจึงเป็นเรื่องที่หลบเลี่ยงไม่ได้เลย

ไม่นานนัก แซลลี่ก็มายืนตรงหน้าชารอน เธอจ้องมองที่ชารอนด้วยรอยยิ้มสุดเย็นชา ทันใดนั้น แซลลี่ก็กล่าวคำพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นใช่ไหมล่ะ? ชารอน ฉันพนันได้เลยว่าเธอคงคิดไม่ถึงเรื่องที่ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่แน่นอน ต่อจากนี้ไป เราจะอาศัยอยู่ที่นี่ ในบ้านหลังเดียวกัน เธอควรดูแลฉันดี ๆ ด้วยล่ะ”

ทว่า คำสุดสุดท้ายของแซลลี่ค่อนข้างถากถางชารอนไม่น้อย แต่ถึงกระนั้น ชารอนเองก็ยังแยกแยะได้ว่าแซลลี่ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

ชารอนเผยท่าทีสุดเย็นชาออกมาเช่นกัน “ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวคนอื่นจะกล่าวหาว่าฉันผลักเธอตกบันไดอีก และถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันไม่ยอมเธอแน่”

ทันทีที่ประเด็นนี้ถูกถกขึ้นมา แซลลี่ยังคงรู้สึกราวกับมีขวากหนามอยู่ในจิตใจของตัวเอง ดูเหมือนทุกคนจะคิดว่าชารอนเป็นคนผลักแซลลี่ลงบันไดและทำให้เด็กในท้องเสียชีวิต 'นางชารอนชั่วร้ายขนาดนี้ แต่ทำไมเธอยังถึงได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อยู่อีกล่ะ? '

'อย่าบอกนะว่าการสังเวยของลูกในท้องของฉันจะสูญเปล่าน่ะ'

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO