“เกิดรู้สึกอกหักขึ้นมาหรือยังไงกัน? เด็กในท้องเป็นแค่เบี้ยเดินเกมให้เธอไม่ใช่เหรอ? เธอใจดำอำมหิตมากพอที่จะฆ่าเด็กคนนั้น แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องความโศกเศร้ากับฉันล่ะ? นั่นไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ดด้วยซ้ำ นั่นคือเหตุผลที่เธอใจร้ายกับเด็กคนนั้นใช่ไหม?” ชารอนควบคุมความโกรธของตัวเองไม่ได้แล้ว เธอยิงคำถามใส่แซลลี่
รอยยิ้มบนใบหน้าของแซลลี่หายไป เธอแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาและตอบกลับ “แล้วไงล่ะ? ในเมื่อไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา อยากเอาเรื่องนี้ไปพูดเพื่อทำให้ฉันกลัวหรือยังไงกัน?! ถึงแม้ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นไซม่อนก็เถอะ... เขาไม่เชื่อเธอหรอก!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ชารอนก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัว หลังจากนั้น เธอก็เข้าใจอะไรบางอย่างในทันที สายตาอันเฉียบคมของชารอนจับจ้องไปที่แซลลี่ระหว่างที่กำลังกล่าวคำพูดออกมาอย่างลังเล “เธอ... เธอเป็นคนเข้าไปเปลี่ยนผลการตรวจดีเอ็นเอของเด็กในท้องใช่ไหม?”
ชารอนรู้สึกงุนงงในตอนที่ไซม่อนยื่นใบตรวจดีเอ็นเอให้ ชารอนไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังเลย 'รู้ทั้งรู้ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ด แต่ทำไมในรายงานระบุว่าเขาเป็นล่ะ?'
ในตอนนั้นเอง ชารอนก็ได้รับรู้ว่าแซลลี่วางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว!
ชารอนทำได้แค่โทษตัวเองที่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อย 'แซลลี่จะยอมตกบันไดเองโดยไม่มีแผนสำรองได้ยังไงกันล่ะ?'
'สิ่งเดียวที่น่าคิดคือ... แซลลี่หลอกไซม่อนและเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ดีเอ็นเอได้ยังไงกัน?'
ในตอนนั้นเอง แซลลี่หัวเราะอีกครั้ง มันเป็นเสียงหัวเราะเยือกเย็นและภาคภูมิ ถึงอย่างไร แซลลี่ก็ไม่ยอมรับ "เธอกำลังพูดถึงผลลัพธ์อะไรกัน? ฉันเกรงว่าฉันจะไม่เข้าใจนะ"
รอยยิ้มของแซลลี่แทบบาดตาของเธอ ถึงกระนั้น ชารอนก็เข้าใจแล้วว่าเธอไม่สามารถทำอะไรกับแซลลี่ได้เลยหากแซลลี่ปฏิเสธที่จะยอมรับ ท้ายที่สุด มันก็เหมือนกับที่แซลลี่พูด ใครจะพิสูจน์ได้ล่ะว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ด?
ในระหว่างบรรยากาศระหว่างผู้หญิงสองคนข่นมัวในอากาศ ทันใดนั้น เสียงตะโกนของผู้ชายก็ดังมาจากด้านหลัง “แซลลี่...”
เสียงฝีเท้ากำลังเข้ามาขวางทางทั้งสอง พวกเขาไม่ได้มีแค่คนเดียว
ไซม่อนและโฮเวิร์ดปรากฏตัวพร้อมกัน พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลทันทีหลังจากได้รับข่าว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายก็เจอกันที่ทางเข้าโรงพยาบาลโดยบังเอิญอีกด้วย
โฮเวิร์ดเป็นคนเดินนำ เขาเดินไปข้างแซลลี่ โฮเวิร์ดสังเกตเห็นว่าหน้าของแซลลี่แดงและบวม นอกจากนี้ มันยังมีรอยฝ่ามืออยู่ด้วย แค่เหลือบมองเพียงครั้งเดียว มันก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่าเธอถูกตบ โฮเวิร์ดจ้องไปที่ชารอนและกล่าว “คุณตบแซลลี่เหรอ?”
ทันใดนั้น ไซม่อนก็เข้าไปยืนอยู่ข้างชารอน เขายังสังเกตเห็นด้วยว่าใบหน้าของแซลลี่แดงและบวม
ชารอนไม่ได้แก้ตัว เธอสบตากับโฮเวิร์ดและยอมรับอย่างโจ่งแจ้งว่า "ใช่แล้ว ฉันเป็นคนตบเธอเอง"
“คุณ.... คุณมันสารเลว คุณตบเธอทำไมกัน?” ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของลุงไซม่อน โฮเวิร์ดก็คงเข้าไปทำร้ายชารอนอย่างไร้ความปราณีไปแล้ว!
“ก็เพราะเธอใช้น้ำเดือดเทใส่แขนลูกชายฉันยังไงล่ะ แค่ตบยังน้อยไปด้วยซ้ำ!” ดวงตาของชารอนสั่นเทาด้วยความโกรธ เธอต้องการให้แซลลี่ได้รับผิดบ้าง
“คุณกำลังพูดว่าแซลลี่เป็นคนทำร้ายเซบาสเตียนงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของไซม่อนเย็นชา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยน่ากลัว
ก่อนที่ชารอนจะพูด แซลลี่ก็ร้องไห้ออกมาทันทีและโผเข้ากอดโฮเวิร์ด เธอทำหน้าเศร้าและเคร่งเครียด "ฉันไม่ได้ทำนะคะโฮเวิร์ด มันไม่ใช่อย่างที่ชารอนพูดเลย ฉันแค่รู้สึกหิวน้ำ ฉันเลยเทน้ำร้อนเอาไว้บนโต๊ะ ฉัน... ฉันไม่รู้เลยว่าเซบาสเตียนโดนน้ำลวกได้ยังไง...”
“แซลลี่! เธอเพิ่งยอมรับการกระทำของตัวเองไปเมื่อกี้เองนะ!” ชารอนทนต่อนิสัยหน้าไหว้หลังหลอกของแซลลี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว 'ทำไมถึงมารยาสาไถยได้ขนาดนี้นะ?!'
“ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้จริง ๆ นะคะโฮเวิร์ด คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่มีเหตุผลที่จะไปทำร้ายเด็กคนนั้นเลย คุณต้องเชื่อฉันนะคะ ฮือ...” แซลลี่กำลังร้องไห้ในอ้อมแขนของโฮเวิร์ด
แน่นอน โฮเวิร์ดเชื่อเธออย่างไม่มีเงื่อนไข เขาจ้องไปที่ชารอนและตะคอกอย่างเย็นชา “เลิกกล่าวหาแซลลี่ในทุกเรื่องสักทีเถอะน่า!” ในระหว่างที่โฮเวิร์ดพูด เขากอดแซลลี่แน่นขึ้น
“คุณ...” ระหว่างที่ชารอนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พยาบาลกล่าว “คุณหมอขอเชิญสมาชิกครอบครัวเข้ามาข้างในหน่อยค่ะ”
ชารอนถอดคำพูดออกจากใจทันที เธอรีบหมุนตัวและตามพยาบาลเข้ามา นอกจากนี้ ไซม่อนก็เดินตามเธอไปด้วย
“โฮเวิร์ด เราควรเข้าไปดูด้วยนะคะ” แซลลี่ดูบอบบางและอ่อนแอ นั่นทำให้ไม่มีใครเชื่อเธอเลยว่าเธอเป็นคนทำร้ายเซบาสเตียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO