ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 907

กวนปี้อวี้ขมวดคิ้ว แล้วระหว่างคิ้วก็แนบชิดกันด้วยความสงสัยบางอย่าง และครุ่นคิดในใจ

ดูท่าแล้วองค์หญิงที่ชื่อว่าหลวนอี๋นี้ นางคงต้องให้พี่เกาเหยียนของนางสืบหาแล้ว

เมื่อมาถึงตำหนักฮุ่ยหนิงนั้น กวนปี้อวี้ก็วิ่งไปยังโถงข้างพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ

แม่นมเลี่ยวพบนางโดยบังเอิญ แต่นางก็ไม่ได้เข้าไปทักทายกวนปี้อวี้ แต่เลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่แทน

เมื่อนางเข้าไปพบไทเฮา นางจึงเอ่ย " เรียนไทเฮา หม่อมฉันเห็นพระชายารองกวนกลับมาแล้วเพค่ะ"

" นางกลับมาแล้ว ทำไมไม่มาหาข้าล่ะ ปกติแล้วนางเป็นคนชอบมาหาข้าตลอดนี่" เพราะครุ่นคิดเรื่องการถูกฆ่าล้างของบ้านตระกูลสวี่ ทำให้ช่วงนี้สีหน้าของไทเฮาดูซีดเซียว และมีผมที่ขาวดั่งหิมะอยู่ระหว่างเส้นผม

แม่นมเลี่ยวเองก็เห็นทุกอย่าง เอ่ย " หม่อมฉันเข้าใจเพค่ะ นางเหมือนกับได้รับความอายมา แต่ว่า โดยนิสัยของฮองเฮาแล้วไม่น่าจะหาเรื่องพระชายารองกวนเพค่ะ"

ในใจของแม่นมเลี่ยวนั้นอยู่ข้างฮองเฮา

ไทเฮานวดไปบนระหว่างคิ้ว และขมวดคิ้วเล็กน้อย " เจ้าไปเรียนปี้อวี้มาหาข้า ข้าจะถามนางด้วยตัวเอง"

แม่นมเลี่ยวหันไปมองไทเฮาแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปเรียกกวนปี้อวี้โดยไม่ได้เอ่ยอะไร

เพียงไม่นาน กวนปี้อวี้ก็เดินเข้ามาในห้องโถง

นางคารวะอย่างมีมารยาทต่อไทเฮา " ปี้อวี้ขอคารวะเสด็จป้าเพค่ะ"

ไทเฮาจ้องมองนาง เห็นว่าขอบตาของนางแดงระเรื่อเล็กน้อย แม้ว่านางจะใช้แป้งทาปกปิดไว้แล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้

ว่านางเคยร้องไห้

" นั่งสิ" ไทเฮาเต๋อเอ่ย

กวนปี้อวี้หาเก้าอี้ตำแหน่งที่อยู่ท้ายๆ แล้วก็นั่งลงไป

ไทเฮาเหลือบตามองนางแวบหนึ่ง " เมื่อครู่เจ้าไปทักทายไทเฮามาหรือ"

ร่างกายของกวนปี้อวี้สะดุ้งแวบหนึ่ง เบ้าตาเอ่อล้นด้วยน้ำตา และพร้อมจะทะลักออกมาด้วยความน้อยใจ แต่กลับอดกลั้นไว้

ไทเฮานั้นเป็นนายหญิงอยู่วังหลังหลายสิบปี และรับไม่ได้กับกิริยาอาการที่กวนปี้อวี้กำลังแสดงออกมา คนตาดีนั้นต่างก็รู้ว่าในนอนนี้กวนปี้อวี้นั้นแสร้งเกินไปแล้ว แม้แม่แม่นมเลี่ยวเองก็รู้สึกว่าปลอมมาก

แต่ไทเฮาก็ไม่ได้เปิดโปงนาง

"ฮองเฮาพูดอะไรกับเจ้าหรือ"

"ไม่มีเพค่ะ" กวนปี้อวี้ก้มหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเบา" ฮองเฮานั้นเป็นคนอ่อนโยนมาก และนางก็ปฏิบัติต่อปี้อวี้อย่างดี และยังรับสั่งให้ปี้อวี้คอยเป็นเพื่อนคุยให้เสด็จป้าด้วย ให้ค่อยปลอบพระทัยไทเฮาด้วย ปี้อวี้เห็นว่าสีหน้าของเสด็จป้าไม่สู้ดีนัก ท่านคงจะคิดหนักเรื่องของเสด็จตาและเสด็จยายอยู่หรือเพค่ะ"

ไม่พูดก็ไม่เห็น แต่ทันทีที่กวนปี้อวี้เอ่ยถึงคนบ้านตระกูลสวี่ สีหน้าของไทเฮาก็ดูไม่ดีทันที

เพราะว่านางเห็นภาพการตัดหัวของฮูหยินเฒ่าสวี่ ทำให้เกือบสลบไปเพราะภาพจำอดีต

แต่ไทเฮายังไม่ทันได้อ้าปากพูด กวนปี้อวี้ก็บ่นถึงความขมขื่นของชีวิตออกมา " ปี้อวี้เองก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเสด็จป้า ก่อนเสด็จยายจะตายจากนั้นยังพร่ำหาถึงปี้อวี้ แต่ตอนนี้กลับต้องแยกจากกันอยู่คนละภพ แต่ว่าคนเราจะต้องมองไปข้างหน้า เสด็จป้าก็ไม่ควรจะอยู่แต่ในตำหนักแบบนี้ ให้ปี้อวี้พาท่านไปเดินผ่อนคลายที่อุทยานหลวงอวี้ฮวาไหมคะ"

แม่นมเลี่ยวเห็นว่าไทเฮาผิดปกติ สีหน้าเคร่งขรึมทันที เอ่ยเตือน" พระชายารองกวน คำพูดบางคำยังเร็วเกินไปที่จะเอ่ย ไทเฮาเชื่อว่าฝ่าบาทต้องหาผู้ร้ายตัวจริงได้แน่นอน"

"ข้า..." กวนปี้อวี้มองไปหาไทเฮาด้วยสีหน้าที่น้อยเนื้อต่ำใจ น้ำตาหยดหนึ่งตกลงสู่พื้น " เสด็จป้า ข้าขอโทษ ข้าเอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้ท่านเจ็บปวดโดยไม่ทันระวัง แต่ว่าปี้อวี้เองก็เจ็บปวดเหมือนกัน เป็นเพราะว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเสด็จป้าทำให้ข้ามิอาจห้ามใจไว้ได้ เกรงว่าเรื่องการถูกฆ่าล้างโคตรของตระกูลสวี่จะถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ นานวันเข้า...ก็จะไม่มีใครสนใจ เมื่อถึงตอนนั้นจะหาคนร้ายได้อีกหรือ"

"พระชายารองกวน เจ้า..."

"ช่างเถิด" ไทเฮาโบกมือ เพื่อหยุดความขัดแย้งของแม่นมเลี่ยวกับกวนปี้อวี้ จากนั้นก็ถอนหายใจ เอ่ย " ปี้อวี้พูดไว้ไม่มีผิด คนบ้านตระกูลสวี่จะต้องไม่ตายเปล่า และข้าก็มิอาจจะหนีปัญหานี้ได้อีกแล้ว ต้องหาตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด ถึงจะทำให้คนบ้านตระกูลสวี่ได้ตายตาหลับ"

กวนปี้อวี้ทำหน้าตื่นเต้น " ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเสด็จป้าจะเมตตาต่อข้าเยี่ยงนี้"

ไทเฮานั้นเห็นว่ากวนปี้อวี้นั้นมีความสนิทแนบชิดกับตระกูลสวี่ ในใจจึงคอยปลอบโยนนางตลอด

" ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วงข้า แต่ว่า ตำหนักฮองเฮานั้นไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปอีก" ไทเฮาเอนตัวลงบนเก้าอี้นวม ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง " ตอนนี้ฮองเฮาเองก็ต้องทำงานหนัก เจ้าอยู่รักษาครรภ์อยู่ในตำหนักฮุ่ยหนิงนี้ละกัน"

"แต่ว่าหม่อมฉันได้ยินมาว่าอ๋องเซ่อเจิ้งนั้นถูกจับขังในศาลต้าหลี่แล้ว"

ไทเฮาตกตะลึง แล้วก็หันหน้ามองแม่นมเลี่ยว

เรื่องนี้นางไม่เคยไปถามเลย เพราะนางคิดว่าจักรพรรดิเองก็ตัดสินพระทัยได้ด้วยตัวเอง

" เสด็จป้า หม่อมฉันอยากจะไปศาลต้าหลี่เพื่อเยี่ยมเยียนท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง หม่อมฉันอยากจะบอกท่านอ๋องเซ่อเจิ้งว่า ปีหน้า จวนอ๋องก็จะมีโอรสน้อยเพิ่มอีกพระองค์ และหม่อมฉันจะรอพระองค์ออกจากศาลพร้อมกันกับพระชายา" กวนปี้อวี้ลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยความจริงใจ

แต่ว่าเรื่องนี้ ไทเฮาไม่อยากจะตัดสินใจให้นาง

นางจึงหันหน้ากลับมาหากวนปี้อวี้แล้วเอ่ย " ปี้อวี้ ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย ในเมื่อฝ่าบาททรงคุมขังอ๋องเซ่อเจิ้งไว้ในศาลต้าหลี่ ก็แสดงว่าเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย ช่วงนี้เจ้าอย่าไปหาเขาจะดีกว่า"

กวนปี้อวี้แสดงสีหน้าที่ผิดหวังออกมา

ไทเฮาลุกขึ้น " ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าออกไปก่อน"

" เพค่ะ เสด็จป้าถนอมพระวรกายด้วยค่ะ ปี้อวี้จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านเด็ดขาด" กวนปี้อวี้คารวะแล้วก็เดินออกจากห้องโถงไป

ไทเฮาจ้องมองแผ่นหลังของกวนปี้อวี้ เอ่ยถามแม่นมเลี่ยว " เจ้าว่าพระชายารองกวนเป็นคนยังไง"

แม่นมเลี่ยวเอ่ยตอบ " หม่อมฉันไม่ชอบการทำตัวของพระชายากวนเลย นางไปยังตำหนักเฟิงอี๋แบบนี้ มีแต่จะทำให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงลำบากใจ เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของท่านกับฮองเฮา ไม่ว่าอย่างไร เมื่อครั้งก่อน ในจวนอ๋องเซ่อเจิ้งก็เพราะได้รับอนุญาตจากท่าน จึงทำให้พระชายารองกวนลดสถานะเป็นสนมชั้นต่ำ"

เมื่อไทเฮาได้ยินคำพูดนี้ ก็ทำหน้านิ้วคิ้วขมวด

"เจ้าคอยเฝ้าสังเกตนางให้ดี ถ้าไม่มีงานอะไรก็ลองตีสอนนางบ้าง สอนกฎเกณฑ์ให้กับนาง ในเมื่อจะเป็นสะใภ้ของราชวงศ์แล้ว สิ่งที่ต้องรู้ต้องห้ามให้ขาด ถ้ามิเช่นนั้นข้าจะไปพบบรรพชนตระกูลหรงได้อย่างไร"

แม่นมเลี่ยวขานรับ

ตั้งแต่นั้นมา เช้าตรู่ของทุกวัน แม่นมเลี่ยวก็จะไปยังห้องโถงข้างของกวนปี้อวี้ แล้วคอยสอนนาง ต่างๆ นานา และกิริยาท่าทางที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

เป็นเวลาต่อกันหลายวันที่กวนปี้อวี้ต้องทุกข์ลำบาก

แน่นอน เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของฮองเฮาอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่วั่นฝูรายงานแล้ว หลวนอี๋ก็ปรบมือว่าดีตามไปด้วย " เรื่องนี้ไทเฮาจัดการได้ดียิ่งนัก กฎเกณฑ์ของราชวงศ์นั้นไม่ควรได้รับการยกเว้น แม้แม่เสด็จพี่สะใภ้ของข้าก็ยังต้องยอมทำตามสิ่งที่บรรพชนตกทอดแต่โดยดี"

ดังนั้น ไป๋ชิงหลิงจึงแอบดีใจที่นางไม่หลงระเริงกับความเอาแต่ใจ

นางเหลือบตาไปมองหรงเยี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็ขยับก้นตัวเองอย่างไม่รู้ตัว หรงเยี่ยกวาดตามองนาง แล้วก็เอื้อมมือเข้าไปจับเอวนาง แล้วดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด เอ่ย " ฮองเฮา เจ้าเป็นอะไร ทำไมต้องหนีข้าด้วย"

"หม่อมฉันรู้สึกว่า นั่งร่วมเก้าอี้กับฝ่าบาทนั้นเป็นการเสียมารยาทเพค่ะ"

หลวนอี้ได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกเขิน นางรีบอธิบายทันที " เสด็จพี่สะใภ้ ท่านอย่างเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้บอกว่าท่านทำผิดกฎ แต่ข้ากำลังด่าว่านางกวนปี้อวี้ที่ทำผิดกฎเกณฑ์ต่างหาก ฝ่าบาท พระองค์คิดว่าอย่างไร"

หรงเยี่ยเอ่ยอย่างเย็นชา " วังหลังของข้ามีแค่เจ้าที่เป็นผู้หญิง แค่นี้ก็ผิดกฎแล้ว ฮองเฮา เจ้าคิดว่าอย่างไร"

เยี่ยม

ไป๋ชิงหลิงตัวแข็งไปแวบหนึ่ง แล้วยกมือไปวางที่เอวของเขาแล้วก็หยิกอย่างแรง " เจ้าคิดอยากจะเพิ่มหญิงงามหรือ"

" ข้าก็แค่พูดตามความจริง ตอนนี้ข้านั่งอยู่ในเก้าอี้มังกรทอง ข้าก็คือกฎ ข้าบอกว่าใครไม่จำเป็นต้องรักษากฎ มันก็คือราชโองการ และข้าบอกว่าใครไม่มีมารยาท ก็แสดงว่ารักษากฎไม่ดี"

อาหวงที่หลวนอี๋อุ้มอยู่นั้นก็หัวเราะ " คิกคิก" อย่างเสียงดัง

สีหัวเราที่น่ารักของเด็กดังขึ้นมา ทำให้ห้องโถงเต็มไปด้วยความสุขทันที

อาหวงน้อยก็ยังคงหัวเราะไม่หยุด

หลวนอี๋ก็รักนางจนบรรยายไม่ถูก จึงหอมลงไปบนแก้มของอาหวงหลายทีพร้อมเอ่ย " เสี่ยวหวงหวง เจ้ากำลังหัวเราะที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเจ้าทำตัวติงต๊อง ใช่ไหม"

เสี่ยวอาหวงหัวเราะหนักอีกครั้ง

ไป๋ชิงหลิงหยิกหรงเยี่ยหลายครั้ง "เจ้าพูดเหลวไหล"

หรงเยี่ยกอดนางแน่นกว่าเดิม " ในสายตาคนอื่นนั้น เจ้าคือแม่ของแผ่นดิน แต่ในสายตาข้า เจ้าคือภรรยาของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่ต้องเคร่งครัด"

...

กวนปี้อวี้ขมวดคิ้ว แล้วระหว่างคิ้วก็แนบชิดกันด้วยความสงสัยบางอย่าง และครุ่นคิดในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น