เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 110

บทที่ 110 พระเดชพระคุณ

ทันทีที่ฉินเฟิงเดินผ่านประตูเข้ามา ก็เห็นทั้งสี่คนกำลังส่งสายตามองกันไปมาแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาคงเตี๊ยมกันเอาไว้ และไม่ได้คิดจะทำกิจการกับตระกูลฉินมาตั้งแต่แรก

สิ่งที่พูดคุยในตอนนี้จึงเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น

ฉินเฟิงอยากจะรู้นักว่าตาแก่พวกนี้จะสามารถรอดไปจากเงื้อมมือของเขาได้หรือไม่

เมื่อเห็นเฉินผิงยืนอยู่ ฉินเฟิงก็ไม่ได้บอกให้อีกฝ่ายนั่งลงเพื่อพูดคุย เพียงมองหน้าด้วยรอยยิ้มเท่านั้น “ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่ายี่สิบอีแปะต่อหนึ่งจินรึ? ข้าตกลง”

ตามที่ฉินเฟิงคาดไว้ เฉินผิงเปลี่ยนคำพูดทันที “อาจมีความเข้าใจผิดกัน ไม่ใช่ยี่สิบอีแปะ แต่เป็นห้าสิบอีแปะ นายน้อยฉินคงรู้อยู่แล้วว่าเป่ยตี๋บุกชายแดน พื้นที่การผลิตอ้อยได้รับความเสียหาย ผลผลิตลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังต้องแบ่งสรรให้ทั่วทั้งแคว้น ปริมาณที่สามารถแจกจ่ายในเมืองหลวงนั้นก็มีจำกัดมาก ดังนั้น…”

ฉินเฟิงกดมือของเขา และส่งสัญญาณให้เฉินผิงหยุดพล่าม “ก็แค่ห้าสิบอีแปะ ขนอ้อยทั้งหมดที่เจ้านำมาไปที่เรือนหลังของจวนฉินซะ ข้าจะจ่ายเงินทันทีหลังจากได้รับของ รับรองว่าจะไม่มีการผิดนัดชำระ”

สิ้นประโยค ฉินเฟิงก็หยัดกายลุกขึ้น แล้วเดินจากไป

เฉินผิงตกตะลึง ก่อนหน้านี้ที่บอกว่ายี่สิบอีแปะเขายังต้องกัดฟันพูด แต่ตอนนี้เพิ่มเป็นห้าสิบอีแปะแล้ว อีกฝ่ายไม่ตีขาของเขาจนหักแต่กลับตอบตกลง เฉินผิงสับสนงุงงงอย่างมาก

ต่อให้เป็นราคาที่ตระกูลเจียงเสนอ ก็สูงแค่แปดอีแปะเท่านั้น!

ไม่ได้! กิจการกับตระกูลเจียงมีการตกลงกันแล้ว หากไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับตระกูลเจียง พวกเขาจะต้องได้รับผลกรรมแน่ เกรงว่าแม้จะหาเงินได้ ก็คงไม่ทันได้มีชีวิตอยู่ใช้

เฉินผิงรีบตามไปที่หน้าประตูเพื่อรั้งตัวฉินเฟิงไว้ เขาละล่ำละลักพูด “นาย… นายน้อยฉิน ท่านได้ยินผิดหรือเปล่า? นี่มันห้าสิบอีแปะเชียวนา ถ้าเป็นช่วงปีก่อน ๆ สามารถซื้ออ้อยได้ถึงสิบจินแน่ะ”

ฉินเฟิงเหลือบมองเฉินผิง และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ามีเงินพอก็แล้วกัน ไม่ทำให้เจ้าขาดทุนหรอก เจ้าจะยุ่งวุ่นวายอะไรนักหนา”

ทันทีที่จบประโยค เฉินผิงก็พูดไม่ออกอีกครั้ง

หลินฉวีฉีที่อยู่ข้าง ๆ อ้าปากตกตะลึง แม้จะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง*[1] มีใครที่ไหนทำการค้าขายเช่นนี้เล่า? ไม่มีการต่อรองเลยหรือ? นอกจากนี้ หมูหนึ่งจินราคาเพียงสามสิบอีแปะเท่านั้น แต่อ้อยกลับมีราคาถึงห้าสิบอีแปะ นี่ไม่ทำให้นายน้อยฉินผู้นี้ขาดทุนหมดตัวหรอกหรือ?

แม้แต่หลินฉวีฉีก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ได้แต่พร่ำบ่นอยู่ในใจ ‘แท้จริงแล้วเจ้ารู้วิธีค้าขายจริงหรือไม่’

เฉินผิงแทบจะหลั่งน้ำตา ในที่สุดก็กัดฟันตอบ “นายน้อยฉิน เราไม่สามารถขายอ้อยพวกนี้ได้!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเฟิงก็เริ่มหัวเราะจนน้ำตาไหล “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่รังแกได้ง่าย ๆ เลยจงใจมาหลอกข้ารึ”

สิ้นประโยค เฉินผิงตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด “นาย… นายน้อยฉิน แม้ว่าข้าจะมีร้อยความกล้า ข้าก็ไม่กล้าหลอกท่านหรอกขอรับ ผู้ใดในเมืองหลวงไม่รู้ชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของท่านบ้างเล่า? แม้แต่บุตรชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเสนาบดีทั้งหลายยังไม่สามารถทำให้ท่านขุ่นเคืองได้ พวกเราเป็นคนธรรมดาสามัญ หากยั่วยุท่านเกรงว่าชีวิตจะหาไม่แล้ว”

หลินฉวีฉีขมวดคิ้วแน่น ในฐานะปัญญาชนสิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดคือการใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่น ชายหนุ่มจึงเอ่ยเตือนด้วยเสียงทุ้ม “พี่ฉิน ท่านอย่าทำเกินไปนักเลย!”

ฉินเฟิงอยากอธิบายให้หลินฉวีฉีฟังว่าการทำกิจการกับการต่อสู้นั้นไม่มีความแตกต่างกัน หากใจดีต่อพวกพ่อค้า นั่นไม่ต่างอะไรจากการโหดร้ายกับตัวเอง แต่ตอนที่พวกพ่อค้ายังอยู่ ฉินเฟิงจะสะดวกอธิบายได้อย่างไร เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินบัณฑิตหนุ่มไปเสียเลย

ทว่าเพื่อป้องกันไม่ให้หลินฉวีฉีสะบัดแขนเสื้อจากไป ฉินเฟิงจึงปรับน้ำเสียงของตนเองให้อ่อนลง

บทที่ 110 พระเดชพระคุณ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ