บทที่ 194 ทายปริศนาโคมไฟ
เนื่องจากนอกจากองค์ชายรองกับองค์ชายเจ็ดแล้ว เหล่าองค์ชายองค์อื่น ๆ ล้วนถูกควบคุมโดยกุ้ยเฟย
องค์ชายทั้งสองเยื้องย่างลงบันไดมาช้า ๆ
คราแรกฉินเฟิงคิดว่าองค์ชายทั้งสองจะต้องเข้าข้างหลินเฟยโม่เพราะเห็นแก่หน้ากุ้ยเฟยเป็นแน่
แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมาย
องค์ชายทั้งสองกลับดูค่อนข้างเกรงอกเกรงใจเขาเป็นพิเศษ
ผู้พี่ยืนเอามือไพล่หลัง ทอดสายตามองฉินเฟิงซึ่งนั่งอยู่ที่พื้น แม้ใบหน้าจะดูเคร่งขรึม แต่น้ำเสียงกลับค่อนข้างอบอุ่น “ที่แท้ฉินเฟิงก็คือเจ้า ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามานานแล้ว วันนี้ได้พบหน้า รู้สึกว่า…ฟังร้อยครั้งกับหูไม่สู้ตาเห็น?”
ผู้น้องที่อยู่ด้านข้างมีรอยยิ้มประดับใบหน้า “ข้ายังคิดว่าเจ้ามีสามเศียรหกกร คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกลิ้งตัวบนพื้นเก่งเช่นนี้ ฮ่า ๆๆ “
ฉินเฟิงรีบลุกขึ้นจากพื้น โค้งคำนับองค์ชาย “ขอบังอาจถาม องค์ชายทั้งสองเป็นนายของตำหนักใดกัน?”
เมื่อได้ยินคำถาม องค์ชายทั้งสองพระองค์ก็ดูอึดอัดขึ้นมาทันที
หลินเฟยโม่เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รีบเข้าไปหาเรื่อง เขาตวาดด้วยเสียงต่ำ “ฉินเฟิง เจ้ากล้าดีอย่างไร! บังอาจพูดประชดประชันเสียดสี รู้ทั้งรู้ว่าองค์ชายสามและองค์ชายสิบสามอาศัยอยู่ในตำหนักเจาเต๋อ!”
องค์ชายผู้ไม่มีสถานะในวังหลังหรือองค์ชายที่สูญเสียอำนาจไป ทุกพระองค์ล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันในตำหนักเจาเต๋อ
มีเพียงองค์ชายที่มีอำนาจเช่นองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าตำหนักได้
ฉินเฟิงปราดมองหลินเฟยโม่แวบหนึ่ง และพูดด้วยความโกรธ “ทำไมเจ้าถึงโผล่ไปเสียทุกที่? ข้าว่าเจ้าควรกลับไปที่เจียงหนานโดยเร็ว อย่าอยู่ในเมืองหลวงให้ผู้คนรังเกียจไปมากกว่านี้เลย!”
แก้มของหลินเฟยโม่แดงก่ำ เขาเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ “ข้าจะไปหรืออยู่ ไยต้องให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจ?”
ฉินเฟิงยกกำปั้นขึ้น เขาแสยะยิ้ม แสร้งทำเป็นโหดเหี้ยม “เช่นนั้นเจ้าก็ระวังหน่อย อย่าเอาหน้ามาชนหมัดข้าอีก!”
ในชีวิตหลินเฟยโม่ไหนเลยจะเคยพบกับอันธพาลเช่นนี้มาก่อน เขาโกรธมากเสียจนอึดอัดใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตอบออกไปอย่างอ่อนแรง “นายน้อยอย่างข้าไม่อยากลดตัวไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าแล้ว มันหมิ่นเกียรติข้าเกินไป!”
เมื่อเห็นฉินเฟิงกับหลินเฟยโม่ทะเลาะกันอีกครั้ง
ฉีหยางจวิ้นจู่ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่อดทน “พอแล้ว! หากมีเวลาว่าง ทำไมไม่เก็บไว้ใช้คราวหลังเล่า!”
“ความแค้นในวันนี้ ไม่ว่าจะถูกหรือผิดล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป”
“แม้ว่าจะมีพยาน แต่พวกเขาทั้งหมดก็เป็นบ่าวรับใช้ของพวกเจ้า คำให้การไหนเลยจะสามารถเชื่อถือได้!”
“พวกเราพูดกันตรง ๆ เถิด เอาเป็นว่าในการแข่งขันหลังจากนี้ ผู้แพ้จะต้องขอโทษผู้ชนะ ไม่ว่าใครจะแพ้ก็ต้องยอมรับแต่โดยดี!”
หลินเฟยโม่รู้เรื่องการเตรียมการในคืนนี้นานแล้ว เขาจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง และตอบตกลงทันที “ข้าเกรงว่าคนบางคนจะไม่กล้าแข่งขันเสียมากกว่า”
ฉินเฟิงหัวเราะ “หึ ๆ แค่ขอโทษธรรมดา ๆ ก็คงจะน่าเบื่อเกินไป ลองเพิ่มเดิมพันดีไหมเล่า?”
หลินเฟยโม่แอบด่าฉินเฟิงอยู่ในใจที่ไม่รู้จักชีวิตและความตาย แต่ภายนอกเขาแสร้งทำเป็นใจกว้าง “โอ้! เจ้าคิดว่าจะเพิ่มเดิมพันอย่างไร?”
ฉินเฟิงโพล่งออกมาโดยไม่ต้องคิด “ดี! นอกจากคำขอโทษแล้ว ผู้แพ้จะต้องจ่ายสามแสนตำลึงเงิน และ…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ฉินเฟิงก็ชี้ไปยังทิศทางของดาดฟ้า “ไปที่ดาดฟ้าแล้วตะโกนว่า ‘ข้ามันไร้ประโยชน์’ สามครั้งต่อหน้าทุกคน จากนั้นก็ยกชาคำนับอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ ต่อไปเมื่อเจ้าเห็นข้า เจ้าต้องเรียกขานข้าเป็นท่านอาจารย์ด้วย!”
เมื่อฉินเฟิงจิ้มมือใส่หน้าอกหลินเฟยโม่ ทำท่าทางเหมือนว่าเป็นผู้ชนะแล้ว
หลินเฟยโม่กัดฟันกรอด ตอบตกลงทันที “ได้! เป็นอันตกลง! ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะเอาชนะอย่างไร!”
การเดิมพันเสร็จสมบูรณ์
นายน้อยเจ้าสำราญอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
นับตั้งแต่ฉินเฟิงหลอกหลี่รุ่ยและคนอื่น ๆ บุตรหลานขุนนางทุกคนในเมืองหลวงก็เหมือนกับหนูเห็นแมว เมื่อพวกเขาเห็นฉินเฟิง พวกเขาต่างพากันอยู่ให้ห่างทันที

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ