บทที่ 71 ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่าง
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
ฉินเฟิงคิดว่าหูของตนไม่ดี จึงถามยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเป็นหอสุราของตนจริง ๆ ที่ถูกทุบ ชายหนุ่มแทบไม่อยากจะเชื่อ!
ในเมืองหลวงนี้ใครกันกล้าทำลายทรัพย์สินของข้า?
พ่อข้าเป็นเสนาบดีกรมกลาโหม อีกทั้งข้ายังมีสายสัมพันธ์กับจี้อ๋องและฮ่องเต้ ด้วยภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ยังมีคนกล้าสร้างปัญหาให้อีกหรือ?
ฉินเฟิงเดือดปุดทันที เมื่อหลุดจากอ้อมแขนของเสี่ยวเซียงเซียง เขาก็สั่งให้ฉินเสี่ยวฝูไปเอามีดหั่นผักที่ห้องครัวออกมาเพื่อใช้สู้ตาย
ฉินเสี่ยวฝูแทบจะร้องไห้ “นายน้อย หากข้าออกไปสู้ตาย แล้วท่านเล่า?”
ฉินเฟิงที่มีสีหน้าหงุดหงิดตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าก็แค่ออกไปฟัน ส่วนข้าจะไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียน หากพวกมันไม่สิ้นเนื้อประดาตัว ข้าจะไม่ขอใช้แซ่ฉินอีกต่อไป ครั้งนี้ข้าจะทำให้พวกมันต้องชดใช้ด้วยเงินและเลือด!”
ฉินเสี่ยวฝูคุกเข่าลงพร้อมกับร้องไห้ “นายน้อย ไม่เช่นนั้นพวกเราเปลี่ยนกันได้หรือไม่? ข้าน้อยจะกล้าแข่งขันกับท่านเรื่องออกหน้าฟันคนเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ”
ฉินเฟิงยกขาเตะเขาไม่แรงนัก แต่ฉินเสี่ยวฝูกลับกลิ้งออกไปจนสุดทาง หากฉินเฟิงไม่เรียกเขาให้หยุด เด็กนั่นคงจะกลิ้งออกจากประตูเรือนไปแล้ว
ฉินเฟิงแสนคับข้องใจ
คราแรกเขาขู่ว่าจะโค่นหอเซียนเมามายภายในครึ่งเดือน
แต่เมื่อการตกแต่งหอสุราของเขากำลังจะเสร็จสิ้น ก็ดันมาเกิดปัญหาขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเสียได้
ใช้เท้าคิดยังรู้ว่านี่จะต้องเป็นการขัดขาของหอเซียนเมามายเป็นแน่!
เรื่องนี้ยังไม่จบ!
ฉินเฟิงสาวเท้าออกไป และเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไปพาบ่าวรับใช้และผู้คุ้มกันทุกคนในจวนที่สามารถใช้ได้มาให้ข้า รวมถึงแม่นางชูเฟิงด้วย! ข้าอยากรู้นักว่า ใครกันกล้าดีถึงเพียงนี้ แม้แต่ร้านของข้าก็ยังกล้าทุบ!”
ไม่นานหลังจากนั้น ฉินเสี่ยวฝูก็เรียกบ่าวรับใช้มามากกว่าสี่สิบคน พวกเขาติดตามฉินเฟิง เคลื่อนพลอย่างยิ่งใหญ่ตรงไปยังหอสุราธารหยกของเขาทันที
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ตับของฉินเฟิงก็เริ่มสั่น หอสุราถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้น ๆ นอกจากกำแพงที่ไม่ได้ล้มลง โดยรวมแล้วไม่มีอะไรเหลือเป็นรูปเป็นร่าง แม้แต่พื้นก็ถูกรื้อออกมา
หลู่หมิงและช่างฝีมือหลายสิบคนที่เขาจ้างรวมตัวกันอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยท่าทางกระดากอาย พวกเขาถูกทุบตีจนหัวเปื้อนเลือด และช่างฝีมือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดก็หมดสติไปแล้ว
เมื่อเห็นฉินเฟิงมา หลู่หมิงราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต เขารีบคลานเข้ามาหา
“นายน้อย ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่พวกเรานะขอรับ!”
หลู่หมิงเคยเห็นแล้วว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่พวกขุนนางกรมโยธาก็ยังไม่กล้าเผชิญกับเขาซึ่ง ๆ หน้า ตราบใดที่เขายั่วยุฉินเฟิงให้โกรธขึ้นมาได้ ความขับข้องที่ได้รับครั้งนี้ อย่างไรก็คงได้ชำระ
หลู่หมิงเติมเชื้อไฟและบิดเบือนความจริง เขาชี้ไปที่ช่างฝีมือที่หมดสติ และกล่าวด้วยโทสะ
“นายน้อย ท่านดูสิ เขากำลังจะไม่ไหวแล้ว ข้าบอกคนพวกนั้นแล้วว่าคนเหล่านี้เป็นลูกจ้างของท่านเท่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าคนที่ถูกทุบตีเป็นคนจากจวนตระกูลฉิน”
ให้มันน้อย ๆ หน่อย!
ฉินเฟิงมองหลู่หมิงอย่างรู้ทัน คิดจะเล่นจิตวิทยากับข้า เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย! ถึงกระนั้นเขายังถามทันทีว่า “คนที่ลงมือมีที่มาที่ไปอย่างไร?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงดวงตาเฉียบคมของฉินเฟิง หลู่หมิงพลันรู้สึกผิด ไม่กล้าชักช้าอีก เขาจึงรีบตอบอย่างรวดเร็ว “เป็นคนจากพรรคพยัคฆ์มังกรขอรับ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ