บทที่ 76 เสียหมดตัว
เดิมทีฝูงชนคันไม้คันมือและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อันดุเดือดที่จะเกิดขึ้น มาถึงตอนนี้ทุกคนล้วนสับสนมึนงง ต่างก็สงสัยว่า หากฉินเฟิงสามารถทำให้หลงป้าเทียนร้องไห้ได้ด้วยฝีปากเช่นนี้ อีกฝ่ายจะพาพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไรกัน? ให้มายืนเฉย ๆ เท่านั้นหรือ?
ฉินเฟิงไม่สนใจว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไร วันนี้เขามาหาหลงป้าเทียนเพื่อทำการแลกเปลี่ยน
โลกนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่ถาวร ความขัดแย้งครั้งนี้ ท้ายที่สุดก็ยังขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งหลักคือ ‘สงครามธุรกิจ’ ระหว่างฉินเฟิงกับหอเซียนเมามาย
นายน้อยฉินคว้าลูกคิดอันเล็กของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รีบเร่งคิดบัญชีกับหลงป้าเทียน แต่เอ่ยอย่างจริงจังแทนว่า “มีใครในเมืองหลวงที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ากับพรรคของเจ้าบ้าง? เอาเป็นว่าข้าจะช่วยตั้งชื่อให้ใหม่ก็แล้วกัน เพราะหากเจ้าถูกตัดหัว แล้วข้าจะไปขอให้ใครชดใช้หนี้ให้เล่า? รอสักครู่ ๆ”
หลงป้าเทียนไม่รู้ว่าหัวของฉินเฟิงกำลังจินตนาการแผนร้ายอะไรอยู่ เขารู้สึกเวียนหัวไปหมด
จากหน้าต่างห้องส่วนตัวของหอสุรา จ้าวฉางฟู่กับเกาซงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต่างก็มีสีหน้าว่างเปล่า
‘การประมือกัน’ ครั้งแรกของเขากับฉินเฟิง เกาซงไม่คิดมาก่อนว่าตนจะยกหินทับเท้าของตัวเอง ใครจะคาดคิดเล่าว่าฉินเฟิงจะโจมตีเขาเช่นนี้? ริมฝีปากเจ้านั่นเหนือชั้นยิ่งกว่าจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักเสียอีก
“พรรคพยัคฆ์มังกร หลงป้าเทียน… ให้ตายเถอะ! มันเชื่อมโยงชื่อบ้าบออะไรกัน!” เกาซงทั้งโกรธทั้งกลัว พลางคิดว่าหลังเรื่องนี้จบลง เขาจะต้องเปลี่ยนชื่อของหลงป้าเทียนให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
จ้าวฉางฟู่เคยสัมผัสความร้ายกาจของฉินเฟิงมาก่อน ใบหน้าของเขาซีดเซียว พลันกระซิบเสียงเบาว่า “เจ้าหลงป้าเทียนนั่นติดกับแล้ว!”
เกาซงขมวดคิ้ว “หมายความว่า?”
จ้าวฉางฟู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “วิธีเดียวที่จะจัดการกับคนบ้าอย่างฉินเฟิงได้คือต้องตีเขาให้หมอบลงกับพื้น ทันทีที่ฉินเฟิงปรากฏตัว ความรุนแรงเป็นภาษาเดียวที่อีกฝ่ายจะยอมฟัง เมื่อใดปะทะกันด้วยฝีปาก เจ้าสารเลวนี่ไม่เพียงแต่มีความคิดลึกล้ำเท่านั้น แต่ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายตัวใหญ่ไร้ไหวพริบเช่นหลงป้าเทียนเลย แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในราชสำนักก็มีแนวโน้มที่จะถูกฉินเฟิงบีบให้จนมุมได้ง่าย ๆ”
“ทันทีที่เขาเปิดปาก หลงป้าเทียนก็พ่ายแพ้แล้ว”
เมื่อนึกถึงงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของจี้อ๋อง ฉินเฟิงไม่เพียงผลักดันการศึกกับเป่ยตี๋ด้วยริมฝีปากเท่านั้น แต่ยังทำให้ขุนนางในราชสำนักต้องอับอาย ผูกสัมพันธ์กับฝ่าบาทและจี้อ๋อง อีกทั้งยังสร้างอำนาจทางการเมืองมหาศาล และเดินทางออกมาได้อย่างปลอดภัย เกาซงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง คำพูดและกลวิธีของคนบ้า เกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับมือได้จริง ๆ
แต่ถ้าใช้ความรุนแรงไปเลย…
เกาซงเหลือบมองฝูงชนหนาแน่นด้านหลังนายน้อยฉิน อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าหากลงมือจริง ๆ ก็ยังไม่รู้เลยว่าคนที่จะถูกทุบตีคือใคร…”
ภายใต้การยุยงของฉินเฟิง ฉินเสี่ยวฝูหยิบพู่กันกับกระดาษขึ้นมา แล้วกางลงเบื้องหน้าผู้เป็นนาย
ฉินเฟิงสะบัดพู่กันสองสามครั้งบนกระดาษซวนจื่อ จากนั้นลายมือบิดเบี้ยวก็ปรากฏขึ้น หลังจากเขียนเสร็จ ฉินเฟิงก็ขอให้ใครสักคนเอาไปแขวนไว้หน้าประตูพรรคพยัคฆ์มังกร บนนั้นมีตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัว ‘พรรคหูหนวกคำราม’*[1]
จากนั้นเขาก็เขียนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ มอบให้หลงป้าเทียน และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชื่อนี้ข้ามอบให้เจ้า”
หลงป้าเทียนคลี่กระดาษแล้วมองดู เขาโกรธจนแทบจะกลั้นใจตายเมื่อเห็นคำว่า ‘หูหนวกผลาญขนม’*[2] เขียนไว้อย่างบิด ๆ เบี้ยว ๆ
ฉินเฟิงเขียนคำทั้งหมดหกคำ ห้าจากหกเป็นคำเชิงลบซึ่งมีความหมายหมายเสื่อมเสีย ‘ชั่วร้ายและเหม็นโฉ่’
หลงป้าเทียนรู้สึกคับแน่นในอก แทบจะกระอักเลือดออกมา พี่น้องจากพรรคพยัคฆ์มังกรที่อยู่รอบข้างรู้สึกอับอายจนหน้าแดงหูแดง พวกเขาจะยังมีรัศมีของอันธพาลได้อย่างไรอีก
สถานที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะดังอื้ออึงจนแทบจะทำให้หูหนวก ผู้คนที่มาร่วมสนุกต่างก็กุมท้อง ขำจนตัวโยกไปมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ